กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 21 พฤษภาคม 2567 –
มาสด้าผนึกผู้จำหน่ายทั่วประเทศรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เข้าร่วมประชุมประจำปีงบประมาณ
FY2024
หรือ Mazda Dealer National Conference ภายใต้ธีม Mazda Mirai 2024 และแนวคิด “Reinvent
for a Sustainable Future” ประกาศยึดมั่นนโยบายการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด Customer Experience
Management สร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้าและมอบสิทธิประโยชน์เกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวัง
ย้ำการสร้างแบรนด์คือหนทางสู่การเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ เดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจากอดีตและตลอดไป
ให้เกิดเป็นความผูกพันเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน โดยมีเป้าหมายและพันธกิจไปในทิศทางเดียวกัน
พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งมอบคุณค่าของแบรนด์จากรุ่นสู่รุ่น โดยมีผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ
คณะผู้บริหารระดับสูงจาก
มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย พร้อมพันธมิตรทางธุรกิจ
เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน
การประชุมผู้จำหน่ายประจำปี หรือ Mazda Mirai 2024 มาสด้าได้นำเสนอนโยบายและแผนธุรกิจระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทำให้ผู้จำหน่ายเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นและเกิดความร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ผ่าน 3
คีย์เวิร์ดสำคัญ คือ Reinvention หมายถึงการปรับและเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว Sustainability คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ไม่เพียงในแง่ของการดำเนินธุรกิจเท่านั้น
แต่รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
และ Future คืออนาคตที่พวกเราจะก้าวเดินไปพร้อมกัน ระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย ประสานมือสร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป
มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567
มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว
ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี
จนเกิดเป็นความประทับใจ กลับมาซื้อซ้ำ และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น
ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายมาเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ
Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด
รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆ ต่อไป มาสด้าเชื่อว่าแนวทางการทำธุรกิจด้วยวิถีนี้จะนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง และให้ความสำคัญสูงสุดต่อการสร้างแบรนด์
Brand Value Management โดยเฉพาะการบริการหลังการขายให้ถือเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
ตามกลยุทธ์ Retention Business Model ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ลูกค้าเลือก
Top Customer Retention และเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริการ Top Service Retention เพื่อส่งมอบรอยยิ้มและความสุขให้ลูกค้า
Joy Drives Lives โดยเฉพาะผลประกอบการของผู้จำหน่ายต้องแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)
จำกัด กล่าวว่า ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน
โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ
รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า
เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า
ถึงแม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะมีทางเลือกที่หลากหลาย แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเน้นนโยบาย เพื่อรักษาและดูแลฐานลูกค้าเก่าเป็นอันดับแรก
นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคงของมาสด้าที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย
ด้วยแผนการดำเนินธุรกิจ Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้
แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น คือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer
Retention เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก และให้บริการลูกค้าจนเกิดความพึงพอใจ
นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระยะกลาง
Mid-Term Plan หัวใจหลักสำคัญคือการสร้างมูลค่าแบรนด์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้น
การให้ความสำคัญกับการขายรถใหม่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจเกิดความแข็งแกร่งได้
แต่การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ครบทุกองค์ประกอบ คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของผู้จำหน่ายเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างลูกค้าตลอดไป
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแนวทางการบริหารคุณค่าหลักของแบรนด์มาสด้า หรือ PPV ประกอบด้วย Purpose
การสร้างคุณค่าและเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสกับแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์
และทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามด้วย Promise
คำมั่นสัญญาจากมาสด้า คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ครบทุกมิติได้อย่างสมดุล
ทั้งทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและกายภาพ รวมถึงชุมชนและสังคม และคุณค่าหลักที่สำคัญอย่างยิ่งที่บุคลากรมาสด้าทุกคนยึดมั่น
คือ Values หรือ คุณค่า ทัศนคติ แนวคิด และพฤติกรรม ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง
มีจิตวิญญาณนักสู้ ส่งมอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตรโดยไม่คาดหวังรางวัลตอบแทน
โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกบริบท
นี่คือ แนวทางในการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่งและยั่งยืนตลอดไป
เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service
Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้า
Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง
# # #
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น