Bilibili จัดชุดใหญ่!! แพ็คสิทธิประโยชน์มากมาย รองรับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ไฟแรง ชวนคนมีแพชชั่น เข้าร่วมคอมมูนิตี้ที่ให้ทั้งความสนุกและความสำเร็จในที่เดียว

 

ครีเอเตอร์ ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่เป็นทั้งไลฟ์สไตล์และอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ หัวใจสำคัญคือการได้ต่อยอดสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบหรือมีแพชชั่น นำมาสร้างสรรค์ให้เป็นคอนเทนต์ ด้วยไอเดียที่มีความแตกต่าง และยังมีโอกาสได้พบเจอกับคอมมูนิตี้ที่พร้อมแลกเปลี่ยนและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กันและกัน โดยนอกจากครีเอเตอร์จะได้ทำในสิ่งที่รักแล้วยังสามารถต่อยอดเป็นรายได้ให้กับตัวเองได้อีกด้วย จึงทำให้เทรนด์ครีเอเตอร์ อีโคโนมี (Creator Economy) เติบโตและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ในแวดวงของคน Gen Z

 

หนึ่งในแพลตฟอร์มที่เล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตของเทรนด์ครีเอเตอร์ในประเทศไทย ก็คือแพลตฟอร์มไฮบริดอย่าง Bilibili ที่รู้จักกันดีจากการเป็นคลังอนิเมะถูกลิขสิทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนอกจากจะมีคอนเทนต์ถูกลิขสิทธิ์ หรือ OGVs (Occupational Generated Videos) ก็ยังให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นโดยผู้บริโภค หรือ UGVs (User Generated Videos) ทำให้ Bilibili สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งการรับชมและสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ในที่แห่งเดียว โดย Bilibili ไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มที่ให้บริการเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมคอมมูนิตี้ของคนที่รักและชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน และพร้อมสร้างสีสัน ความสนุก และการเติบโตให้กับผู้ใช้งานและครีเอเตอร์ทุกคน

 

Bilibili ในฐานะแพลตฟอร์มที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเติบโตไปพร้อมกับเหล่าครีเอเตอร์ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีแพชชั่นและความคิดสร้างสรรค์มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว “Bilibili Creator” เพื่อรับแพ็คสิทธิประโยชน์มากมาย ที่จะทำให้ครีเอเตอร์ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านเครื่องมือบนแอปพลิเคชัน Bilibili และช่องทางต่างๆ ของพาร์ทเนอร์ โดยนอกจากสิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว Bilibili ยังมีกิจกรรมและสิ่งตอบแทนอีกมากมายให้กับครีเอเตอร์ ที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของการ Upskill ที่จำเป็นสำหรับครีเอเตอร์ การแนะนำการทำคอนเทนต์แบบ 1-1 เทรนนิ่งออนไลน์และเวิร์กช้อป จนไปถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์

 

Bilibili Creator จะมีการจัดอันดับในลักษณะของแรงค์ ตามจำนวนผู้ติดตามของครีเอเตอร์ ยิ่งแรงค์สูงก็จะได้สิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น โดยสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจะเป็นรูปแบบของการสนับสนุนครีเอเตอร์ในแง่ของการเติบโตและการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับครีเอเตอร์ ผ่านเครื่องมือและพาร์ทเนอร์ของแพลตฟอร์ม อาทิ การได้รับการโปรโมทเป็นครีเอเตอร์คุณภาพ (Creator Feature) เพิ่มตัวเลขการเข้าถึง (Drive Traffic) โปรโมทครีเอเตอร์ผ่านแบนเนอร์ (Banner Ads) ระบบแจ้งเตือนเพื่อแนะนำครีเอเตอร์ (Push Notifications) โอกาสในการมีพื้นที่บนสื่อ (Media Coverage) โอกาสสร้างรายได้กับพาร์ทเนอร์ (Income) และโอกาสที่จะเป็นครีเอเตอร์ภายใต้สัญญาของ Bilibili (Chances Win Contracts) นอกจากนี้ยังสนับสนุนในด้านของทีมงานที่ให้คำแนะนำแบบ 1-1 (One-on-One Services) คอร์สเรียนและเวิร์กช้อป (Creator Workshop & Classes) คลังวิดีโอคู่มือสอนการผลิตคอนเทนต์ (Creator Academy) กิจกรรมมากมายภายในแอปพลิเคชัน (In-App Activities) และเป็นสปอนเซอร์ในการจัดแฟนมีตติ้งของครีเอเตอร์ในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Fan Meet-ups) เพื่อให้ครีเอเตอร์ได้พัฒนาทักษะต่างๆ สร้างการเติบโตให้กับคอมมูนิตี้ และกระชับความสัมพันธ์กับแฟนๆ ของครีเอเตอร์ได้อย่างเต็มที่

 

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวBilibili Creator พร้อมติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ bilibili.tv หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bilibili ผ่านทาง Google Play และ App Store

 

สำหรับสมาชิก adiClub เท่านั้น!! อาดิดาสจัด ‘Members Week’ มอบส่วนลด 30% และสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 9 ตุลาคม 2565

 

กรุงเทพฯ (30 กันยายน 2565) – แฟนอาดิดาสต้องไม่พลาด กับโปรโมชันพิเศษฉลอง ‘Members Week’ เพื่อเหล่าสมาชิก adiClub เท่านั้น! กับส่วนลดจุใจสูงถึง 30% เมื่อซื้อสินค้าราคาปกติที่ร่วมรายการ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬา จากอาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์ และ อาดิดาส ออริจินอลส์ ที่ร้านอาดิดาสที่ร่วมรายการ หรือรับส่วนลดเพิ่มจากราคาพิเศษอีก 30% เมื่อซื้อสินค้าเอาต์เล็ต ตั้งแต่วันนี้ – 9 ตุลาคม 2565

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น! เพราะอาดิดาสได้มอบสิทธิพิเศษและกิจกรรมมากมายในช่วง Members Week เพื่อเอาใจสมาชิก เริ่มตั้งแต่สินค้าคอลเลคชัน Black Panther: Wakanda Forever ที่เปิดโอกาสให้สมาชิก adiClub ได้เป็นเจ้าของก่อนใคร พร้อมร่วมสนุกไปกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากคอลเลคชันนี้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกกิจกรรมพิเศษที่จะได้ลุ้นของที่ระลึกพร้อมลายเซ็นจาก “เดวิด เบ็คแฮม” (David Beckham) ใครไม่อยากพลาดอย่าลืมดูรายละเอียดได้ที่ Facebook adidas: https://www.facebook.com/adidasTH (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

 

และสำหรับใครที่ชอปสินค้าในช่วง Members Week นี้ ทางอาดิดาสมอบสติกเกอร์ลายพิเศษสำหรับทุกออเดอร์ในช่วง Members Week โดยไม่จำกัดยอดสั่งซื้อ (สินค้ามีจำนวนจำกัด)

 

มาร่วมเป็นสมาชิก adiClub ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ และไม่พลาดกิจกรรมดีๆ ที่มีมาให้ร่วมสนุกกันตลอดทั้งปี สมัครฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) ได้เลยที่ https://bit.ly/-adiclubTH หรือติดต่อพนักงานประจำสาขา

 

หมายเหตุ

• ตรวจสอบสินค้าที่ร่วมรายการและส่วนลดของสินค้ากับพนักงานขายประจำสาขา
• ไม่สามารถใช้ร่วมกับสินค้าคอลเลคชันพิเศษหรือสินค้ารายการส่งเสริมการขายอื่น
• เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอาดิดาส
(iOS) App Store:          https://apps.apple.com/th/app/adidas/id1266591536
(Android) Google Play:   https://play.google.com/store/apps/details?id=com.adidas.app

เตรียมรับหน้าหนาวอาบอุ่นใจด้วยนวัตกรรมจากเยอรมนีในราคาสบายกระเป๋า เครื่องทำน้ำอุ่นจาก “Safe Save Series” มาพร้อมดีไซน์ทันสมัยในราคาที่จับต้องได้

 

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย - สตีเบล เอลทรอน ผู้นำตลาดเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ ปั๊มน้ำ ฮีทปั๊มและเครื่องเป่ามือจากประเทศเยอรมนี ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ “Safe Save Series” ล่าสุดกับการเปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่น DE BLACK ที่มาพร้อมมาตรฐานจากเยอรมนีในราคาที่เอื้อมถึง ช่วยให้ผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นในช่วงหน้าหนาวที่ใกล้จะถึงนี้

 

เครื่องทำน้ำอุ่นจากแคมเปญ “Safe Save Series” ได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา เพราะออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยคำนึงถึงความคุ้มราคาของสินค้า และยังมาพร้อมนวัตกรรมวิศวกรรมจากเยอรมนี อาทิ ฟังก์ชันป้องกันไฟฟ้าช็อตระหว่างการอาบน้ำอย่าง Electric Leakage Safety Device (ELSD) ของสตีเบล เอลทรอน ซึ่งระบบจะทำการตัดไฟได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 0.03 วินาทีหากระบบตรวจจับกระแสไฟฟ้ารั่วที่มากเกินกว่า 10 มิลลิแอมป์ ตลอดจนมาตรฐานระดับชั้นการป้องกันนํ้า IP25 (การกันน้ำกระเด็น) และฟังก์ชันที่ง่ายต่อการใช้งานช่วยเพิ่มประสบการณ์การอาบน้ำให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในราคาที่เอื้อมถึงได้ โดย สตีเบล เอลทรอน ได้นำเสนอเครื่องทำน้ำอุ่นทั้งหมด 4 รุ่นในแคมเปญนี้ ได้แก่ รุ่น DE E, AQE, WS E-2 และรุ่นใหม่ล่าสุด DE BLACK

 

เครื่องทำน้ำอุ่นรุ่น DE BLACK มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องสีดำด้านที่ทันสมัยและนวัตกรรมวิศวกรรมจากเยอรมนีอย่างระบบป้องกันไฟฟ้ารั่วไหลและปุ่มปรับอุณหภูมิกันลื่นเพื่อง่ายต่อการใช้งานและปลอดภัย นอกจากนี้ตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัดสามารถติดตั้งได้อย่างลงตัวกับห้องน้ำทุกขนาดและดีไซน์ มีมาให้เลือกสรรถึง 2 รุ่นทั้งแบบ 3,500 และ 4,500 วัตต์ ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,190 บาท

           

มร. โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าวว่า “สตีเบล เอลทรอน มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ในช่วงหน้าหนาวที่ใกล้เข้ามานี้เราได้เห็นความต้องการเครื่องทำน้ำอุ่นที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เครื่องทำน้ำอุ่นจากแคมเปญ Safe Save Series จะเป็นโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับคนไทยในการได้เลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีคุณภาพด้วยนวัตกรรมจากเยอรมนีในราคาที่จับต้องได้ และในปีนี้ เราได้เปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่น DE BLACK สีดำด้านที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมสำหรับอาบน้ำที่เข้าชุดกันเพื่อมาเสริมทัพกับรุ่น DE E, AQE และ WS E-2 เราหวังว่าแคมเปญในปีนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายจำนวนเครื่องทำน้ำอุ่นในไตรมาส 4 ได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทย”

 

เครื่องทำน้ำอุ่นราคาสบายกระเป๋าจากแคมเปญ “Safe Save Series” มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยและคุณภาพสูง มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศหรือช่องทางร้านค้าออนไลน์ สำหรับรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์หลักของสตีเบล เอลทรอน

โนเกีย จัดแสดงนวัตกรรม 5G แห่งอนาคต ในงาน Byond Mobile 2022

 

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย - โนเกีย ตอกย้ำถึงพันธกิจในการสนับสนุนผู้ประกอบการระดับองค์กรในประเทศไทยบนเส้นทางสู่การเปลี่ยนผ่านด้าน 5G พร้อมเผยถึงนวัตกรรมเครือข่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายที่สำคัญ ที่ต้องการความแม่นยำสูงและทำงานได้โดยอัตโนมัติ  ภายในงานเสวนาพิเศษซึ่งจัดขึ้นที่ภายในงาน Byond Mobile

 

โนเกีย ได้เข้าร่วมงาน Byond Mobile 2022 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน พ.ศ. 2565 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ กรุงเทพฯ โดยได้นำนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทมาจัดแสดงผ่านการสาธิตแบบอินเตอร์แอคทีฟ ตั้งแต่การใช้งาน 5G ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานที่เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ใช้งานที่เป็นผู้ประกอบการระดับองค์กรจนถึงระดับผู้บริโภค การเข้าร่วมในงานครั้งนี้ของโนเกียเป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของบริษัทกับการมีส่วนร่วมเพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม และกำหนดเส้นทางสู่ความเป็นผู้นำด้าน 5G ในประเทศไทย

 

ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดกลุ่มแรก ๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัว 5G เพื่อใช้ในการผลักดันและพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญด้านการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ และสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกิจการด้านดิจิทัล ด้วยการเน้นถึงการปรับใช้งานเทคโนโลยี 5G เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในหลายภาคส่วนที่รวมถึงด้านการสาธารณสุข การศึกษา การคมนาคม และการเกษตรกรรม

 

โนเกียในฐานะที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำด้าน 5G และระบบเครือข่ายเพื่ออุตสาหกรรม 4.0 ได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนโซลูชันสำหรับผู้ประกอบการระดับองค์กร และพัฒนาระบบนิเวศสำหรับองค์กรและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย บริษัทมีความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันที่ออกแบบมาตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของแผนการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 และการใช้งานในบริบทอื่นนอกเหนือจากนี้ ทั้งปัจจุบันและอนาคต

 

ที่งาน Byond Mobile โนเกีย ได้มีการจัดแสดงการใช้งานและโซลูชันมากมายที่ใช้เทคโนโลยี 5G โดยสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G ที่จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและผู้ประกอบกิจการระดับองค์กร นอกจากนี้บริษัทยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดในด้าน เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย (RAN), เทคโนโลยีโครงข่ายอินเทอร์เน็ต, เทคโนโลยีโครงข่ายใยแก้วนำแสง (IP and Optics), เครือข่ายคลาวด์  และธุรกิจองค์กร เพื่อเสนอโซลูชันสำหรับภารกิจสำคัญสำหรับลูกค้าประเภทองค์กรในประเทศไทย เช่นเดียวกับโซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับประเทศไทย

 

นวัตกรรมที่โนเกียได้นำมาจัดแสดงประกอบไปด้วย

 

• เสาอากาศ AirScale massive MIMO

ชุดเสาอากาศ AirScale massive MIMO ของโนเกีย ที่มีทั้งแบบ เสาอากาศรุ่น 32TRX และ 64TRX สำหรับย่านความถี่กลางของ TDD 4G และ 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ต ReefShark รุ่นใหม่จากโนเกีย (ReefShark System on Chip: SoC) โดยเสาอากาศ massive MIMO รุ่นใหม่นี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเทคนิค beamforming ที่ครอบคลุมสำหรับการปรับใช้งานในหลากหลายบริบท ทั้งพื้นที่ชุมชนเมืองที่หนาแน่น และพื้นที่บริเวณกว้างที่ต้องการความครอบคลุมของสัญญาณ

 

• ระบบระบายความร้อน Liquid Cooled AirScale

หนึ่งในผลิตภัณฑ์กลุ่ม AirScale Base Station ของโนเกีย ซึ่งได้ใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooling) เพื่อช่วยให้เครือข่ายคลื่นวิทยุมีความยั่งยืนและคุ้มทุนยิ่งขึ้น ด้วยการลดการใช้พลังงานสำหรับการระบายความร้อนให้สถานีฐาน ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์

 

• บริการไร้สายแบบประจำที่ (FWA) สำหรับ 5G

บริการไร้สายแบบประจำที่ (FWA) ของโนเกียช่วยเติมเต็มการเสนอขายเครือข่ายไร้สายของลูกค้าองค์กร ด้วยการนำมาซึ่งผลตอบแทนใหม่ และเปิดโอกาสในการนำเสนอบริการใหม่ ๆ สำหรับการใช้งานในที่พักอาศัยและสถานประกอบการ ด้วยบริการไร้สายแบบประจำที่ดังกล่าว ลูกค้าสามารถรับสัญญาณอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์แบบ Fiber-like broadband ได้ทุกที่ที่มีคลื่นความถี่เครือข่ายไร้สายรองรับ

 

• การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับองค์กร

เครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับการใช้งานระดับอุตสาหกรรมของโนเกีย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลของการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายของโซลูชันเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวครบวงจรทำให้โนเกียสามารถนำเสนอในด้านความคล่องตัวและความสะดวก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้งานในองค์กรต่าง ๆ ให้ปรับใช้งานได้อย่างลงตัวกับความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม

 

• เราเตอร์รุ่น FP5

แพลตฟอร์มเราเตอร์สำหรับบริการอินเตอร์เน็ตตัวใหม่ของโนเกียที่ใช้ชิพรุ่นใหม่ล่าสุด FP5 ช่วยให้ผู้ให้บริการได้เพิ่มความสามารถในการให้บริการความต้องการที่ปรับเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มคุณภาพของเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้สามารถให้บริการอินเตอร์เน็ตที่ความเร็วสูงขึ้น และให้การป้องกันการเผชิญความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์ผ่านกลไกด้านความปลอดภัยแบบใหม่ของ Nokia ที่มีชื่อว่า “ANYsec” 

 

• ประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดตระการตา

ด้วยศูนย์ปฏิบัติการทางดิจิทัล (Digital Operation Center) และระบบป้องกันภัยคุกคามด้านไซเบอร์อย่าง SA Core-NetGuard Cybersecurity Dome ทำให้โนเกียสามารถมอบที่สุดแห่งประสบการณ์แห่งโลกอนาคตแก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไซเบอร์-กายภาพของเทคโนโลยีผสมผสานโลกเสมือน หรือเรียกสั้นๆว่า AR ที่ช่วยรังสรรค์ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสื่อสารเพื่อการโฆษณาสำหรับธุรกิจค้าปลีก โดยเทคโนโลยี AR ดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงตัวผลิตภัณฑ์และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ขณะที่กำลังดูโปรโมชั่นหรือการขายที่เกิดขึ้นภายในร้าน

 

มร.อาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา

 

มร.อาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “สืบเนื่องจากความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะเร่งใช้ประโยชน์โซลูชันด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยจึงนับเป็นหนึ่งในตลาด 5G ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ โซลูชัน 5G ชั้นนำต่าง ๆ ที่จัดแสดงภายในงานครั้งนี้ล้วนอยู่ในบริบทของยุทธศาสตร์แห่งชาติประเทศไทยเพื่อสร้างสรรค์เศรษฐกิจซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เราให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการระดับองค์กรในประเทศไทยตลอดเส้นทางของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ 5G รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมเครือข่ายที่จำเป็นสำหรับเครือข่ายสำคัญที่ทำงานได้อัตโนมัติและมีความแม่นยำสูง”

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดตัวทีมนักวิจัย KEETA จากสหสถาบัน ร่วมพัฒนาอาหารอวกาศส่งประกวด NASA

 

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดแถลงข่าว เปิดตัวทีมนักวิจัย KEETA จากประเทศไทย เป็น 1 ใน 10 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบการแข่งขันเฟสแรก “โครงการพัฒนาระบบผลิตอาหารอัตโนมัติและครบวงจรสำหรับนักบินอวกาศ Deep Space Food Challenge” เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) และองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency) โดยมีโจทย์สุดท้าทายคือ ให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสร้างระบบที่สามารถผลิตอาหารได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการขนส่งไปเติมเพิ่ม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจเดินทางไป-กลับดาวอังคารของนักบินอวกาศ โดยมีเครือข่ายความร่วมมือจากสหสถาบันให้การสนับสนุน ประกอบด้วย สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกันนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เตรียมพื้นที่ในอาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน  ไว้เป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านอวกาศร่วมกันในระดับนานาชาติ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ในอนาคต

 

ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีความภาคภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุน “โครงการพัฒนาระบบผลิตอาหารอัตโนมัติและครบวงจรสำหรับนักบินอวกาศ” ให้กับ ทีม KEETA (กีฏะ)  ซึ่งมี อาจารย์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และนักวิจัยจากสหสถาบันร่วมกันพัฒนาโครงการนี้จนผ่านเข้าไปสู่เฟสที่ 2 ได้สำเร็จ โดยเป็น 1 ใน 9 ทีมที่ได้รับการคัดเลือก ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เตรียมพื้นที่ห้องปฏิบัติการสำหรับทำงานวิจัยนี้ร่วมกัน ณ  อาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  โดยคาดหวังว่าที่นี่จะเป็นศูนย์กลางเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกันต่อไป

 

ศาสตราจารย์ ดร. แพทย์หญิงจิรายุ  เอื้อวรากุล คณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

โครงการ Deep Space Food Challenge เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นโดย องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) และองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency) โดยมีโจทย์สุดท้าทายคือ ให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสร้างระบบที่สามารถผลิตอาหารได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการขนส่งไปเติมเพิ่ม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจเดินทางไป-กลับดาวอังคารของนักบินอวกาศ ทีม KEETA (กีฏะ) ใช้จุดเด่นของวัฒนธรรมอาหารไทยอย่างโดยใช้ประโยชน์จากแมลงผสมผสานกับเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างระบบผลิตอาหารที่มีรูปลักษณ์และคุณสมบัติตามต้องการ จนแนวคิดนี้ไปถูกใจคณะกรรมการและได้เป็น 1 ใน 9 ทีมที่ผ่านเข้าเฟส 2 ของรอบการแข่งขัน โดยในที่สุดจะมีการคัดเลือกเหลือ 3 ทีมสุดท้ายในต้นปี 2566

 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน อาจารย์ ดร.วเรศ จันทร์เจริญ และ ทีม KEETA (กีฏะ) ในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติสู่เวทีนานาชาติครั้งนี้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นักวิจัยรุ่นใหม่ได้ทำผลงานวิจัยที่นำไปพัฒนาต่อยอดและนำไปใช้ได้จริง

 

อาจารย์ ดร.วเรศ จันทร์เจริญ อาจารย์ประจำวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ หัวหน้าทีม KEETA (กีฏะ)

โครงการ Deep Space Food Challenge เป็นอีกหนึ่งความท้าทายในรอบ 100 ปีของ NASA Centennial Challenges (การแข่งขันด้านอวกาศของนาซ่า) โดยมีเป้าหมายคือกระตุ้นนวัตกรรมการวิจัยทั้งพื้นฐานและประยุกต์ การพัฒนาเทคโนโลยี หรือการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องผลิตอาหารสำหรับภารกิจทางอวกาศเป็นระยะเวลา 3 ปี  เพื่อเพียงพอต่อนักบินอวกาศ 4 คนโดยไม่มีเสบียงเพิ่ม ที่สำคัญคือใช้เวลาการเตรียมอาหารให้ ‘น้อย’ ที่สุด มีความปลอดภัย มีโภชนาการสูง เป็นมิตรกับอวกาศและบนโลกอย่างเสมอภาคกัน

โดยความตั้งใจของทีม KEETA (กีฏะ)  นอกจากเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว  เราต้องการสร้าง เทคโนโลยีทางอวกาศ ซึ่งต้องใช้กินได้ กินได้ในที่นี้ไม่ได้กินเป็นอาหาร แต่สามารถสร้างรายได้ ทำให้เกิดธุรกิจต่อประเทศ หรือทำให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy หรือ Space Business) นั่นคือความตั้งใจหลักของทีม โดยจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy) ในประเทศไทย เพื่อใช้กับภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และภาควิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และถ้าเราชนะในเฟสที่สามต่อไปนั้น คนที่ได้ผลงานคือ คนทั้งประเทศ

สยามเซ็นเตอร์ เปิดรันเวย์ Visionary Stage ผลักดันดีไซเนอร์รุ่นใหม่ จับมือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นร่วมแฟชั่นโชว์ระดับโลก BIFW

 

สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางแห่งงานสร้างสรรค์ทุกแขนง และยังเป็นศูนย์รวมของเทรนด์สุดล้ำในทุกยุคสมัย เปิดรันเวย์ “Visionary Stage” ให้เป็นเวทีสำหรับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ โดยร่วมกับ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น หนุนพลังสร้างสรรค์ผลงานนิสิต-นักศึกษา และ ดีไซน์เนอร์คลื่นลูกใหม่โดยคัดเลือกผลงานดีไซน์ของนิสิตนักศึกษาจาก 10 สถาบันชั้นนำทั่วประเทศไทย ให้ได้มีโอกาสในการร่วมนำเสนอผลงานบนเวทีแฟชั่นโชว์ระดับโลก Bangkok International Fashion Week 2022 (BIFW) ตอกย้ำภาพของพื้นที่แห่งการเปิดกว้างทางความคิดและต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ที่ไม่รู้จบ

Bangkok International Fashion Week 2022 หรือ BIFW คือ งานแฟชั่นวีคระดับโลกฝั่งเอเชียที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของกลุ่มวันสยาม ทั้ง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ประกอบด้วยแฟชั่นอีเว้นท์หลากหลาย ทั้งแฟชั่นโชว์จากแบรนด์แฟชั่นระดับโลก แบรนด์ดีไซเนอร์ไทยชั้นนำ รันเวย์สำหรับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ และงานแฟชั่นพรีเซนเตชั่น เพื่อนำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด ให้เหล่าคนรักแฟชั่นได้ชมและพร้อมช้อปในเวลาเดียวกัน สำหรับ เวที “Visionary Stage”  ที่จัดขึ้นใน สยามเซ็นเตอร์ ในปีนี้นำเสนอแฟชั่นโชว์จากผลงานออกแบบของนิสิต-นักศึกษาในคอนเซปต์ที่แตกต่างกันอออกไป แสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์และจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละสถาบัน

ไฮไลท์สำคัญของแฟชั่นโชว์ “Visionary Stage” สยามเซ็นเตอร์  ได้ร่วมกับ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น มอบโจทย์ในการออกแบบสร้างสรรค์ให้กับเหล่าดีไซเนอร์ โดยให้สร้างสรรค์ผลงานจากผ้าทออีสานเป็นวัสดุหลักในการออกแบบให้เป็นเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ภายใต้แนวคิด “Freedom” ที่เปิดโอกาสให้ยังดีไซเนอร์ และนิสิตนักศึกษานำเสนอผลงานรังสรรค์เสื้อผ้าที่แสดงถึงอิสรภาพทางความคิดและการเปิดกว้างต่อความหลากหลาย แสดงถึงการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างงานหัตกรรมท้องถิ่นและความร่วมสมัย นับเป็นการนำอัตลักษณ์เฉพาะตัวและมรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่นมาต่อยอดเพิ่มคุณค่าและมูลค่า นอกจากเป็นการแสดงถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของยังดีไซเนอร์ผู้ออกแบบผลงานแล้ว ยังแสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการผ้าทอในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในฐานะผู้ผลิตผ้าทอคุณภาพที่ตอบโจทย์ตลาดและสอดรับกับเทรนด์โลก นับเป็นอีกหนึ่งความพยายามของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ที่ช่วยยกระดับงานหัตถศิลป์ไทย สร้างการตระหนักรู้ในคุณค่าของงานศิลปหัตถกรรมไทย สร้างโอกาสการตลาด สร้างรายได้ ใช้ผ้าทออีสานไทยเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ และสร้างการจดจำให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล และเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และศักยภาพผลิตภัณฑ์จากผ้าทออีสานมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าและสืบสานให้ยังคงมีอยู่ต่อไปด้วยไอเดียของคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นการผลักดันจาก “Local Heroes”     สู่  Global Heroes” อย่างสง่างามบนเวทีระดับสากล ตามแนวทางและวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์  ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด

โดยสถาบันที่ผลงานได้รับการคัดเลือกให้แสดงแบบบนเวทีได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา,มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา, วิทยาลัยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์  ผลงานของนิสิตนักศึกษาทั้ง 10 สถาบัน จะได้ร่วมแสดงบนเวที Visionary Stage ณ สยามเซ็นเตอร์ เวทีระดับประเทศที่เปรียบเสมือนพื้นที่เปิดกว้างสำหรับไอเดียใหม่ๆไม่รู้จบ พร้อมทั้งสนับสนุนผลงานดีไซน์ทุกแขนงและแจ้งเกิดดีไซเนอร์คลื่นลูกใหม่ให้เจิดจรัสในแวดวงแฟชั่นอย่างต่อเนื่องมาแล้วมากมายกว่า 15 ปี โดยในปีนี้ผลงานที่ได้รับคัดเลือก นอกจากจะได้แสดงแบบบนเวทีแล้ว ยังจะได้จัดแสดงที่ร้าน Absolute Siam ภายในสยามเซ็นเตอร์อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ดังภายในสยามเซ็นเตอร์ ที่ร่วมแสดงแฟชั่นโชวส์คอลเลคชั่นล่าสุดบนเวที Visionary Stage ได้แก่  ALAND ไลฟ์สไตล์สโตร์แอนด์คัลเจอร์สเปซ (Lifestyle Store & Culture Space) ชื่อดังที่ส่งต่อเทรนด์แฟชั่นจากเกาหลี ครบครันทั้งสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้าแคชชวลและสตรีทสไตล์ ที่มีความยูนีค ไม่ซ้ำใคร, Frank Garcon มัลติแบรนด์ไลฟ์สไตล์สโตร์ชื่อดังจากสยามสแควร์ พร้อมให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสและกลับไปพร้อมแรงบันดาลใจ ที่มาเปิดร้านที่สยามเซ็นเตอร์ และ Boy London แบรนด์ Street Fashionที่วางจำหน่ายทั้งในเอเชียและยุโรป ได้รับความนิยมจากนักแสดงและเซเลบริตี้จากหลากหลายประเทศ

และเพื่อตอกย้ำการก้าวเข้าสู่อิสรภาพแห่งการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบอย่างแท้จริง ผลงานที่ได้รับคัดเลือกยังจะได้นำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์แบบ ‘Shop off the runway’ กล่าวคือ เมื่อชมแฟชั่นโชว์บนเวทีหรือสินค้าจากแบรนด์ในศูนย์แล้วหากสนใจสินค้า ผู้ชมยังสามารถเข้าไปสั่งซื้อสินค้าได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชั่น ONESIAM SuperApp ในรูปแบบ พรีออเดอร์ นับเป็นการผสานเชื่อมโยงโลกจริงและโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ในแบบ O2O

พิเศษสุดสำหรับปีนี้ นอกจากการจัดแฟชั่นโชว์บนรันเวย์แล้ว ยังมีการจัดปาร์ตี้บนโลก Metaverse หรือโลกเสมือนอย่างเต็มรูปแบบ โดยสยามพิวรรธน์ ได้ร่วม Collaboration & Co-Creation กับ ZEPETO ซึ่งเป็น Multiverse แพลตฟอร์มที่มีผู้เล่นทั่วโลกกว่า 300 ล้านคน  โดย ONESIAM ได้ร่วมงาน Global Collaboration เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมากับแคมเปญเทศกาลสงกรานต์ ในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ร่วมส่งผลงานออกแบบเสื้อผ้าในธีม Beach wear ซึ่งดีไซน์ที่ชนะเลิศจะได้รับการรังสรรค์เป็นผลงานเพื่ออวดโฉมบนรันเวย์ BIFW2022 ในโลกจริง ในโชว์ Absolute Siam Presented by ZEPETO : Sculpture Studio x WaterandOther x Fill in the Bag ขณะเดียวกันได้นำชุดจากแฟชั่นโชว์ Absolute Siam Store ที่ร่วมเดินในรันเวย์มาแปลงเป็นชุดสำหรับอวตาร์บน ZEPETO ซึ่งผู้ร่วมเล่นสามารถเลือกซื้อชุดแล้วแต่งอวตาร์ในคอลเลคชั่นล่าสุดของ Absolute Siam Store ได้เช่นเดียวกับบนโลกจริง และร่วมเอนจอยไพรเวทปาร์ตี้ไปกับศิลปินชื่อดังจากดูมันดิ ภายในห้อง ONESIAM บนพื้นที่ของ ZEPETO นี่คือปรากฏการณ์ที่นำเสนอทั้งแฟชั่นโชว์ที่สัมผัสได้จริงบนรันเวย์ไปพร้อมกับการเปิดไพรเวทปาร์ตี้ใน Metaverse ที่มีผู้ร่วมชมจากทั่วโลก

พบกับ Visionary Stage และผลงานจากเหล่ายังดีไซเนอร์หน้าใหม่ไฟแรงเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่พร้อมเจิดจรัส เพิ่มสีสันให้กับวงการแฟชั่นไทยและต่อยอดสู่ระดับอินเตอร์ ใน Bangkok International Fashion Week 2022 ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2565 ณ เอเทรียม1 สยามเซ็นเตอร์และผ่านทางแอปพลิเคชั่น ONESIAM SuperApp

#BIFW2022 #FASHIONVISIONARY #SIAMCENTERTHEIDEAOPOLIS

สจล. เปิด KMITL Lifelong Learning Center มุ่งสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต

 

   กรุงเทพฯ 29 กันยายน 2565 – รองศาสตราจารย์ ดร. คมสัน มาลีสี รักษาการแทนอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) (คนที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานในพิธีเปิด “KMITL Lifelong Learning Center : Soft Opening” โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร. จรสวรรณ โกยวานิช ผู้อำนวยการ KMITL Lifelong Learning Center และ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักหอสมุดกลาง (คนที่ 2 จากซ้าย) และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูแลด้านการศึกษา สังคม และพาณิชย์ (คนที่ 3 จากซ้าย) เข้าร่วมในพิธีเปิด ซึ่งศูนย์ดังกล่าว มุ่งให้สจล. เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (KMITL Lifelong Learning) และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้อย่างยั่งยืนของคนทุกช่วงวัยทั้งภายในและภายนอกสถาบัน ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาทักษะความสามารถที่ใช้ในการทำงานของแต่ละสายวิชาชีพ (Hard Skills) ทักษะทางสังคมที่ใช้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (Soft  Skills)  ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวสอดคล้องกับกรอบการบริหาร Global Infrastructure พัฒนาสำนักหอสมุดกลางสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

สกู๊ตคว้ารางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าที่ดีที่สุดในโลก” สายการบินสกู๊ตคว้า 3 รางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับเส้นทางบินระยะไกลที่ดีที่สุดในโลก” จาก World Airline Award “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุด” จาก TTG Travel Awards และ “สายการบินราคาประหยัดสำหรับขนส่งทางอากาศที่ดีที่สุด” จาก AFLAS Awards

 

กรุงเทพฯ –  สกู๊ต สายการบินราคาประหยัดภายใต้การบริหารของกลุ่มสิงคโปร์แอร์ไลน์ คว้ารางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับเส้นทางบินระยะไกลที่ดีที่สุดในโลก” จาก World Airline Awards 2022 และ “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุด” ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก TTG Travel Awards 2022 ครั้งที่ 31 โดยนับเป็นการคว้าทั้ง 2 รางวัลได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน นอกเหนือจากนี้ สกู๊ต ยังได้รับรางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับการขนส่งทางอากาศที่ดีที่สุด” จาก 2022 Asian Freight, Logistics and Supply Chain (AFLAS) Awards อีกด้วย

 

นายเลสลี ธิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินสกู๊ต กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับในฐานะสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดจากผู้โดยสารของเรา นักท่องเที่ยวขาประจำ และเหล่าพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ขอขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่มอบให้พวกเราอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19”

 

“พวกเราคงไม่อาจคว้ารางวัลเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน หากปราศจากการทำงานเป็นทีมของพนักงานที่ร่วมแรงร่วมใจ สิ่งนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้บริการที่มีคุณภาพ ประสบการณ์การเดินทางที่เป็นเอกลักษณ์ และเปี่ยมด้วยคุณค่าแก่ผู้โดยสารของเรา อันสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้โดยสารที่เปลี่ยนไปในยุคนิวนอร์มอล และในโอกาสที่ปีนี้เป็นปีที่เราฉลองครบรอบการให้บริการเป็นปีที่ 10 เราจึงได้เตรียมยกระดับมาตรฐานการให้บริการและสร้างนิยามใหม่ของการเป็นสายการบินราคาประหยัดในอีก 10 ปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน” นายเลสลี ธิง กล่าวเสริม

 

รางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับเส้นทางบินระยะไกลที่ดีที่สุดในโลก” จาก World Airline Awards 2022

พิธีมอบรางวัลถูกจัดขึ้นที่ The Langham กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา โดยนายอึ้ง ชี ค็อง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ สายการบินสกู๊ต ได้ขึ้นรับรางวัลในนามของสกู๊ต

 

สำหรับการประกาศผลและมอบรางวัล The World Airline Awards ได้มีการเริ่มต้นเมื่อปี 1999 โดยทาง Skytrax ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจที่มีต่อสายการบินเป็นประจำทุกปี ซึ่งการประกาศผลรางวัลนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “รางวัลออสการ์สำหรับอุตสาหกรรมการบิน” โดยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสามารถให้คะแนนโหวตสายการบินได้จากผลสำรวจรูปแบบอิสระเพื่อร่วมตัดสินสายการบินที่จะได้รับรางวัลในประเภทต่างๆ

 

รางวัล “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุด” ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก TTG Travel Awards 2022 ครั้งที่ 31

การคว้ารางวัลนี้นับเป็นการคว้ารางวัลครั้งที่ 2 นับตั้งแต่มีการประกาศผลรางวัล TTG Travel Awards ประจำปี ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ว่าสายการบินสกู๊ตมีการเติบโตและได้รับความนิยมจากผู้โดยสารทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับพิธีมอบรางวัลและงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ได้จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา โดย นางอกาธา แยพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและรายได้ สายการบินสกู๊ต และ นางชาร์ลี ฮาว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ได้เป็นตัวแทนของสายการบินสกู๊ตในการรับรางวัล

 

การมอบรางวัล TTG Travel Awards มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดย TTG Asia ผู้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ด้านการท่องเที่ยวและผู้จัดงานอีเวนท์ชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้อ่าน TTG และผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมในการโหวตเพื่อตัดสินผู้ชนะรางวัลต่างๆ ได้ โดยรางวัลนี้เป็นมาตรฐานสูงสุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำภูมิภาคเลยทีเดียว นอกจากนี้ การประกาศผลรางวัล TTG Travel Awards ครั้งที่ 31 ยังถือเป็นการกลับมาจัดงานมอบรางวัลอีกครั้ง หลังจากที่ยุติการประกาศผลประจำปี 2020 และ 2021 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

 

รางวัล “สายการบินราคาประหยัดสำหรับการขนส่งทางอากาศที่ดีที่สุด” จาก 2022 Asian Freight, Logistics and Supply Chain (AFLAS) Awards

 

พิธีมอบรางวัล The AFLAS Awards จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประเทศฮ่องกง โดยสายการบินสกู๊ตได้รับรางวัลสายการบินราคาประหยัดสำหรับการขนส่งทางอากาศที่ดีที่สุด ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้ให้บริการขนส่งราคาประหยัด

 

สถานการณ์โควิด-19 ได้ทำให้ความต้องการจนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างที่มีการระงับการให้บริการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งสายการบินสกู๊ตถือเป็นสายการบินแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มให้บริการขนส่งสินค้า โดยการปรับเปลี่ยนเครื่องบินโดยสารให้เป็นเครื่องบินสำหรับขนส่งสินค้า

 

สำหรับการประกาศผลรางวัล Asian Freight, Logistics and Supply Chain (AFLAS) ถูกจัดขึ้นโดย Asia Cargo News เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ให้บริการขนส่งชั้นนำ ทั้งทางอากาศและทางการเดินเรือ ในการแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ คุณภาพการบริการที่สม่ำเสมอ นวัตกรรม การบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ และความน่าเชื่อถือ

รพ. พระรามเก้า เปิดแคมเปญ “หัวใจคุณ Young ดีมั้ย?” มอบโปรฯดี พร้อมแจกโปรแกรมเช็กอายุหัวใจ ฟรี!! รับวันหัวใจโลก

 

โรงพยาบาลพระรามเก้า ชวนคุณมาเช็กหัวใจต้อนรับวันหัวใจโลก World Heart Day 2022 กับแคมเปญพิเศษเพื่อดูแลหัวใจคุณให้ Young ตลอดไป ใน “หัวใจคุณ Young ดีมั้ย?” พร้อมดูแลคุณอย่างใกล้ชิดด้วยโปรแกรม ‘ตรวจสุขภาพหัวใจ 9 Healthy Heart’ ที่เดินพาเหรดมาให้เลือกมากมาย คัดพิเศษเหมาะสำหรับทุกหัวใจที่ทั้ง Young ว่าง และ Young มีคู่ ดังนี้

แพ็กเกจ 9 Healthy Heart Exercise Stress Test หรือ EST ตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจโดยการวิ่งสายพาน เพียง 5,900 บาท (จากปกติ 10,190 บาท)

แพ็กเกจ 9 Healthy Heart Echocardiography หรือ ECHO ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง เพียง 6,900 บาท (จากปกติ 11,290 บาท)

แพ็กเกจ 9 Healthy Heart Coronary Artery Calcium Scan หรือ CAC ตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงของหัวใจ เพียง 7,900 บาท (จากปกติ 12,860 บาท)

แพ็กเกจ 9 Healthy Heart VO2 MAX ตรวจสมรรถภาพร่างกายระบบหัวใจและปอด เพียง 8,900 บาท (จากปกติ 12,800 บาท)

เปิดจำหน่ายคูปองแล้ว วันนี้ – 15 ตุลาคม 2565 ที่ Website:  Praram 9 Hospital สามารถใช้คูปองได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 - 31 ตุลาคม 2565 พร้อมแพ็กเกจเสริมเพิ่มเติมกับแพ็กเกจ CPET (V0₂ MAX) ตรวจสมรรถภาพหัวใจและปอด มาในราคาพิเศษเพียง 5,500 บาท วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565

พิเศษ!!!!ฉลองวันหัวใจโลก World Heart Day 2022 โรงพยาบาลพระรามเก้า มอบสิทธิเช็กอายุหัวใจและประเมินความเสี่ยงหัวใจฟรี ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ https://hubs.ly/Q01nqptj0 รีบเลย...เฉพาะ 20 ท่านแรก เท่านั้น

สอบถามเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลพระรามเก้า โทร. 1270 หรือWebsite: www.praram9.com / FB: Praram 9 hospital / Line: lin.ee/vR9xrQs และ @praram9hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital