วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

SPHAERA อาจเป็นแว่นที่ถูกหลงลืมมากที่สุดเท่าที่ OAKLEY เคยมีมา แว่นตาประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากนักกีฬาเพื่อปลดล็อกศักยภาพในตัวผู้สวมใส่

 


กรุงเทพฯประเทศไทย 25 เมษายน 2567 — แว่นตารุ่นใหม่จาก Oakley อย่าง Sphaera™ และ BiSphaera™ ซึ่งสัมพันธ์กันทั้งชื่อ ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่ใช้ คือแว่นตาสุดล้ำสมัยสองสไตล์ใหม่จากแบรนด์ที่จะมาขยายมุมมองของคุณให้กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมา แว่นทั้งสองรุ่นนี้สร้างสรรค์โดยผู้มีใจรักการแข่งขัน เพื่อให้เหล่าผู้เข้าแข่งขันให้ได้เฉิดฉายในการแข่งขันกีฬาฤดูร้อน บรรจงออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานอันหนักหน่วงของนักกีฬา โดยรวบรวมจุดเด่นของแว่นตากีฬาหลากหลายรุ่นของ Oakley เข้าไว้ด้วยกัน รูปลักษณ์มาในดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ปรับแต่งมาให้สวมสบายและดูดีที่สุดเพื่อจุดประกายความมั่นใจควบคู่กับสมรรถภาพที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทใดหรือความเชี่ยวชาญระดับไหนก็ตาม ที่ได้รับฉายาว่าเป็นแว่นตาที่น่าหลงลืมที่สุดของ Oakley ก็เพราะว่ากรอบแว่นทั้งสองรุ่นนั้นเบาสบายจนแทบไม่รู้สึกว่าสวมใส่อยู่นั่นเอง

Sphaera เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าประวัติศาสตร์และเทคโนโลยีของ Oakley ได้เวียนมาบรรจบพบกันแล้ว the open-ended design theme symbolizes Oakley’s journey of continuous innovation, drawing from foundations of the past to inform a better tomorrow รูปทรงกลมสมบูรณ์แบบเปรียบดังระเบียบของจักรวาล นอกจากนี้ยังสื่อถึงโลกที่เรามองเห็นอยู่รอบกาย และโลกที่มองไม่เห็นอันเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ภายในจิตใจอีกด้วย

Sphaera เปิดโอกาสให้นักกีฬา Team Oakley ในประเภทกีฬาต่าง ๆ ทั้ง Fred Kerley, Loana Lecomte, Mark Cavendish, Francisco Lindor, Dylan Frittelli และอีกมากมายได้ยกระดับศักยภาพของตนเองขึ้นไปอีกขั้น “แว่นตาที่ผมใส่วิ่งบนลู่จะต้องเข้ากับสไตล์การแต่งตัวโดยรวมของผมด้วย แต่ก็ต้องไม่แย่งความสนใจไปจากการแข่งเพราะผมต้องทุ่มสุดตัว” Fred Kerley นักวิ่งดาวเด่นชาวอเมริกันผู้เป็นนักกีฬา Team Oakley กล่าว “Oakley เข้าใจความต้องการของนักกีฬาจริง ๆ ครับ Sphaera จะช่วยให้ผมทำผลงานในเกมฤดูร้อนได้แบบท็อปฟอร์มแน่นอน” 

กรอบ Sphaera สุดหรูมีหลากหลายคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม รวมทั้งขอบเขตการมองเห็นกว้างที่สุดเท่าที่ Oakley เคยมีมา นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีเลนส์ Prizm™ เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นชัดทุกรายละเอียด มีกรอบ O-Matter™ น้ำหนักเบา เพิ่มช่องด้านหน้าเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น รวมทั้งแป้นจมูก Unobtainium® กับปลอกหุ้มปลายขาที่ขึ้นรูปติดกับตัวแว่น ซึ่งช่วยให้ยึดเกาะได้มั่นคง ไม่เลื่อนหลุดแม้ต้องเจอกับเหงื่อ จุดเด่นนอกเหนือจากความสบายที่กระชับพอดีก็คือ เมื่ออยู่บนใบหน้าแล้ว คุณจะลืมไปเลยว่าสวมแว่นอยู่  

“การมองเห็นรอบข้างได้ชัดเจนเป็นปัจจัยสำคัญมากที่ช่วยให้ฉันทุ่มเทได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะในการแข่งขันอันดุเดือด การมองเห็นได้รอบด้านเป็นปัจจัยสำคัญในการคว้าชัยเลยละค่ะ” Loana Lecomte นักปั่นรายการครอสคันทรี/เสือภูเขาดาวเด่นชาวฝรั่งเศสผู้เป็นนักกีฬาของ Team Oakley กล่าว “ดีไซน์สุดเก๋และเลนส์กว้างๆ ของ Sphaera ช่วยให้ทำผลงานได้ดีขึ้นมากจริง ๆ ฉันปั่นได้นิ่งและมั่นใจตลอดทั้งเส้นทางเลยค่ะ” 

BiSphaera เป็นดีไซน์คู่ของแว่นรุ่นยอดนิยมอย่าง Flak® 2.0 XL ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า โดยผสานรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตเข้ากับฟังก์ชันที่ใช้ได้ในหลากสถานการณ์ เพื่อให้ทัศนวิสัยของคุณคมชัด พร้อมสำหรับการเล่นกีฬา เหมาะสำหรับนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในหรือนอกสนาม แว่นกันแดดเลนส์คู่ประสิทธิภาพสูงคู่นี้ก็จะช่วยให้คุณคว้าชัยในสนามและเอาชนะทุกอุปสรรคในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น BiSphaera ออกแบบโดยใช้คิ้วบนและขาแว่นคล้ายกับ Sphaera อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาและความยืดหยุ่นสวมสบายไม่ต่างกัน แต่จะสามารถเลือกเลนส์ได้สองแบบ ได้แก่เทคโนโลยีเลนส์ Prizm™ หรือเลนส์ Oakley Authentic Prescription 

สุดยอดแว่นตาสายสปอร์ตประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้จะช่วยให้คุณอวดลุคทรงพลังได้อย่างนิ่งสงบไม่ว่าจะอยู่บนลู่วิ่ง ทางเท้า สนาม หรือเส้นทางปั่นจักรยานก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป Oakley Sphaera และ BiSphaera จะเริ่มวางจำหน่ายที่ Oakley.com ร้านค้า Oakley ที่ร่วมรายการ และร้านค้าพาร์ทเนอร์ทั่วโลก

รูปภาพสำหรับสื่อมวลชน สามารถดาวน์โหลดภาพได้ ที่นี่

แอลจีบอกโปรสุดคุ้ม! ซื้อแล็ปท็อป LG gram และ LG gram Pro ใหม่ล่าสุด รับฟรีสมาร์ทมอนิเตอร์และของแถมมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นบาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 พ.ค. 67

 


กรุงเทพฯ, 25 เมษายน 2567 – แอลจี บอกโปรฯ สุดคุ้มเมื่อซื้อแล็ปท็อป LG gram และ LG gram Pro รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 รับฟรี LG Smart Monitor รุ่น 32SR50ขนาด 32 นิ้ว มูลค่า 9,700 บาท ให้ไปเสริมมุมมองการใช้งานแล็ปท็อปเพื่อการทำงานและความบันเทิงอย่างครบครัน และรับฟรี Microsoft Office 365 มูลค่า 2,099 บาท โปรโมชันสุดพิเศษนี้สำหรับผู้ที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน – 25 พฤษภาคม 2567 เท่านั้นทางเว็บไซต์ www.lg.com ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย หรือช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada และ Shopee ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชันได้ที่ https://www.lg.com/th/promotions/2024_free_smartmnt/

A laptops on a black background

Description automatically generated

LG gram และ LG gram Pro แล็ปท็อปสุดพรีเมียม รุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 มาใน รุ่นย่อย ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้วให้เลือก โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบหรูและบางเบา LG gram Pro รุ่นใหม่ มาพร้อมการ์ดจอแยก GeForce RTX™ 3050 4GB เสริมประสิทธิภาพการประมวลผลวิดีโอให้รวดเร็ว และเล่นเกมได้อย่างราบรื่น เหมาะสำหรับการใช้งานของครีเอเตอร์และ เกมเมอร์ แล็ปท็อปรุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานกว่า วันเมื่อชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง จึงเหมาะสำหรับการพกพาไปใช้งานในทุกที่ แล็ปท็อปไลน์อัพใหม่ล่าสุดนี้ยังขับเคลื่อนด้วยชิพประมวลผล Intel® Core™ Ultra 7 และ Ultra 5 ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการประมวลผลได้เสถียรมากขึ้น อัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:10 บนพาเนลแบบ IPS ยังให้มุมมองกว้างกว่าแล็ปท็อปทั่วไปที่มีอัตราส่วนหน้าจอ 16:9 และสีสันที่แม่นยำสมจริง LG gram รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมฟีเจอร์ LG gram link ตอบโจทย์การทำงานอัจฉริยะด้วยความสามารถมากมาย อาทิ การถ่ายโอนไฟล์ต่างๆ ระหว่างมือถือ แท็ปเล็ต และแล็ปท็อปได้อย่างสะดวกสบาย การเชื่อมต่อกับแท็ปเล็ตเพื่อขยายพื้นที่การใช้งานหน้าจอให้กว้างขึ้นไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ใดก็ตาม ฟีเจอร์ LG gram link ยังรองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ทำให้ไลน์อัพใหม่ล่าสุดของ LG gram จะเข้ามาเติมเต็มเต็มการใช้งานที่อัจฉริยะและเพิ่ม productivity ในการทำงานให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบครัน

A laptops with a logo

Description automatically generated

LG gram Pro มาในสีดำ มีให้เลือกทั้งหมด รุ่น ในขณะที่ LG gram มาในสีเทาชาโคล และมีให้เลือกทั้งหมด รุ่น ทั้ง LG gram Pro และ LG gram มีขนาดหน้าจอทั้ง 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว พร้อมตัวเลือกหน่วยความจำที่หลากหลายตามความต้องการใช้งาน ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 68,900 – 78,900 บาท ดูรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/laptops/all-laptops/?ec_model_status_code=Active หรือสอบถามข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2057-5757 พร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง


ภาพประกอบเพิ่มเติม

 

*หมายเหตุการจัดส่งของแถมจอสมาร์ทมอนิเตอร์เป็นไปตามลำดับคำสั่งซื้อ โดยบริษัทฯ จะทยอยจัดส่งของแถมให้แก่คำสั่งซื้อทางเว็บไซต์ www.lg.com เป็นลำดับแรก

 

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน

 


ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงาน และระบบอัตโนมัติ เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีและโซลูชั่นซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ด้านอาคารในงาน Future Energy Asia และFuture Mobility Asia พร้อมยกทัพระบบการบริหารจัดการพลังงาน สำหรับอาคาร ช่วยยกระดับธุรกิจในประเทศไทย ให้มีความมั่นคงด้านพลังงาน ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน

สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับอาคารไปสู่ความยั่งยืน ทั้งอาคารเก่า หรืออาคารที่กำลังดำเนินการสร้าง สามารถเยี่ยมชมนวัตกรรมไฮไลท์ ได้ที่บูธของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซึ่งจะมีโซลูชั่นทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ โดยครอบคลุมทั้ง อาคารให้เช่า และอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และคอนโดมิเนียม ช่วยให้ผู้บริหารสามารถบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ

·      อาคารสำนักงาน: โซลูชั่นในการบริหารจัดการพลังงานในอาคาร และระบบอัตโนมัติ ด้วยสถาปัตยกรรมที่ปลอดภัย ให้ศักยภาพด้าน IoT มีความยืดหยุ่น ให้ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้อย่างครบวงจรในหนึ่งเดียว ช่วยลดต้นทุนด้านการใช้พลังงาน ที่สำคัญช่วยลดคาร์บอนให้โลกของเราอีกด้วย

·      โรงแรมโซลูชั่นห้องพักเชื่อมต่อ EcoStruxure สามารถช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่เข้าพัก ด้วยประสบการณ์ห้องพักส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับความต้องการของลูกค้าอย่างสมบูรณ์ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้งานง่าย และยังช่วยเจ้าหน้าที่ สามารถบริหารจัดการห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างราบรื่น ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการห้อง โซนต่างๆ  ส่งผลต่อความสะดวกสบายแก่ผู้เข้าพัก เช่น การปรับแต่งซีน ความสว่าง ให้เหมาะกับผู้เข้าพัก หรือกิจกรรมตามโซนต่างๆ ของโรงแรม หรือห้องพักได้อีกด้วย โซลูชั่นของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไม่ได้มีความสามารถในการบริหารจัดการเพียงโรงแรมเดียว แต่ยังสามารถช่วยในการบริหารจัดการโรงแรมในเครือได้ทั่วโลก

·      เฮลธ์แคร์: ความปลอดภัย มีความมั่นใจ และความผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญ  ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงออกแบบโซลูชั่นที่เหมาะสมกับสถานพยาบาลโดยเฉพาะ อาทิ ห้องปฏิบัติการ ห้องผ่าตัด ห้องพักผู้ป่วย โซนไอโซเลชั่น ซึ่ง EcoStruxuture for Healthcare ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถวิเคราะห์ และควบคุมในแต่ละโซน แต่ละห้องได้ตามความต้องการ และตามความจำเป็นตามเงื่อนไขทางสุขภาพของคนไข้ และยังสนับสนุนนโยบายเส้นทางสายกรีนที่ยั่งยืนอีกด้วย

นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยีใหม่ ด้านอาคาร ไม่ว่าจะเป็น

PowerLogic™ P7 Protection Relay แพลตฟอร์มการป้องกันและควบคุม ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ใช้งานง่ายขึ้นเพียงสัมผัส และปรับค่าที่ดีที่สุดให้โดยอัตโนมัติ ได้รับการออกแบบมาเพื่อความยืดหยุ่นที่เหนือชั้นและการใช้งานง่าย ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้ากำลัง โดดเด่นด้วยการเชื่อมต่อแบบโมดูลาร์ขั้นสูง และความสามารถในการตรวจสอบสถานะในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ ทั้งยังมอบความปลอดภัยสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ดูแล ตลอดจนสินทรัพย์ ขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านไฟฟ้าอีกด้วย

PowerTag Energy เซ็นเซอร์อัจฉริยะ ช่วยตรวจวัดกระแสไฟฟ้า รวมถึงแรงดัน กำลังไฟฟ้า ค่าตัวประกอบกำลังไฟฟ้า และค่าพลังงานไฟฟ้า โดยข้อมูลจากการตรวจจับจะถูกส่งให้กับระบบบริหารจัดการพลังงาน โดยผู้ดูแลสามารถดูผ่านหน้าเว็บเพจ หรือให้สามารถแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลระบบไฟฟ้าเมื่อระบบไฟฟ้ามีปัญหา พร้อมสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าได้จากระยะไกล สามารถติดตั้งและใช้งานได้อย่างง่ายดายในทันที

นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่สำหรับอาคารอาทิ ซอฟต์แวร์สำหรับการบริหารจัดการอาคาร เพาเวอร์มิเตอร์ดิจิทัลรุ่นใหม่ให้ค่าที่ละเอียดอีกด้วย

ธุรกิจอาคาร โรงงาน หรือผู้วางระบบอาคาร ที่ต้องการอัปเดตเทคโนโลยีสำหรับอาคารที่ยั่งยืน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ ใน วันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ณ บูธ EG02 ฮอลล์ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับของรางวัลในงานได้ที่นี่

CMG under Central Retail Corporation is delighted to be appointed the exclusive distributor of FitFlop in Vietnam

 


Bangkok, 25th April 2024

Central Marketing Group (CMG) operating as a Central Retail Corporation subsidiary, is leading retailer of over 30 global lifestyle brands in Thailand across fashion, beauty, and technology categories. CMG is the official brand distributor for Fitflop in both Thailand and Vietnam, and has opened the first Fitflop new concept store in Vietnam at Crescent Mall, Ho Chi Minh City. The store offers a comprehensive introduction to the brand's expanding product lines, featuring items tailored for both men and women.

FitFlop is a leading British comfort footwear brand known for its skill in combining style with its signature distinctive world-class technology, including Microwobbleboard, Anatomicush,  iQushion and Neodynamic for out-of-this-world comfort.

A store with different displays

Description automatically generated with medium confidence

Edwin Yap Hawson, President of Central Marketing Group (CMG), stated, “CMG has extensive experience in managing the FitFlop brand, validated by the FitFlop Best Channel Strategy 2022 Award, presented to distributors demonstrating outstanding multichannel sales performance in the Asia-Pacific region. CMG has leadership presence in Thailand, and we are delighted to expand our presence in Vietnam. We have begun our journey with our Dyson brand, launched in Vietnam in 2021, and we are happy to now also have Fitflop in our portfolio. We will bring our key strengths in brand building, excellent store operations as well as omnichannel integration to implement and drive our business in Vietnam together with local experienced team.”

“As exclusive distributor of FitFlop in Vietnam, we plan to open over 20 FitFlop stores over the next 5 years. Our first new concept store has already opened at Crescent Mall Ho Chi Minh City and another two points-of-sales at Takashimaya Department Store and Lotte Department Store Hanoi by the end of Q1. Additionally, FitFlop will also be available through the Supersports Vietnam chain stores and will be launched on popular online marketplaces; Lazada and Shopee.” Edwin added.

Preference for FitFlop’s new concept stores are located at …..

•             Ho Chi Minh City : B1 floor, Takashimaya Department Store / 3rd floor, Crescent Mall.

•             Hanoi : 2nd floor, Lotte Department Store.

•             Nha Trang : 1st floor, Gold Coast Nha Trang Department Store. (Opening on 29 Apr)

 

Jitrudee (Joyce) Panitpon, Head of Fashion and Watch Category of Central Marketing Group (CMG), said, “From our success in Thailand as the second largest market in Asia, we are thrilled to enhance our partnership with Fitflop in the Vietnamese market. With cutting-edge footbed technology and shoe designs aligned with fashion trends, FitFlop stands out as one of the top-performing brands in our portfolio. This year FitFlop has partnered with Jim Thompson, a remarkable Thai fashion lifestyle brand, to create a special collection to be launched in global market. Alongside our adept marketing team specialized in the Vietnamese market, I am confident that our expansive network and industry expertise will contribute significantly to FitFlop's success in Vietnam.”

 

 

…………………………………………………………….

 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://bit.ly/CMG_Facebook

Instagram : https://bit.ly/CMG_IG

Website : https://bit.ly/CMG_Website

บีโอไอจับมือพันธมิตร จัดงาน SUBCON Thailand 2024 พร้อมดึง 7 ค่าย EV เข้าร่วม คาดมูลค่าเชื่อมโยงกว่า 2 หมื่นล้าน

 


บีโอไอ ผนึกกำลังสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์เตรียมจัดงานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ “SUBCON Thailand 2024” ระหว่างวันที่
15 - 18 พฤษภาคม 2567 ที่ศูนย์ไบเทค กรุงเทพฯ พร้อมเปิดเวทีจับคู่ธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับซัพพลายเชนระดับโลก ชูศักยภาพการเป็น "ศูนย์กลางการจัดซื้อและรับช่วงการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรม
ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน" ตั้งเป้าจับคู่ธุรกิจกว่า 9,000 คู่ คาดสร้างมูลค่าเชื่อมโยง กว่า 2 หมื่นล้านบาท

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน)
และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เตรียมจัดงาน
SUBCON Thailand 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 ภายใต้แนวคิด “The Global Sourcing Excellence” ชูศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อและรับช่วงการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยรวบรวมผู้ผลิตและผู้ซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศไว้ในงานเดียว ถือเป็นจุดนัดพบสำคัญสำหรับการจัดซื้อชิ้นส่วนในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เครื่องมือแพทย์ การซ่อมบำรุงอากาศยาน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 

“บีโอไอมองเห็นศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ไทย และพร้อมเป็นตัวกลางในการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการต่างชาติกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยได้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนระดับโลก โดยงาน SUBCON Thailand ถือเป็นงานที่รวบรวมผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในอาเซียน และจะเกิดการเจรจาธุรกิจหลายพันคู่ นำไปสู่การจัดซื้อวัตถุดิบและชิ้นส่วนภายในประเทศ การว่าจ้างผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการร่วมทุนระหว่างไทย-ต่างชาติ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนให้เติบโต มีขีดความสามารถ
ในการแข่งขัน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนไทยด้วย” นายนฤตม์ กล่าว

สำหรับไฮไลท์ของการจัดงานในปีนี้ คือ กิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการชิ้นส่วนไทยและบริษัทรายใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 9,000 คู่ คาดว่าจะสร้างมูลค่าเชื่อมโยงกว่า
2 หมื่นล้านบาท พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษ
BOI Symposium: EV Supply Chain” ซึ่งจะมีบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งแผนการจัดซื้อและสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการจัดแสดงอุตสาหกรรมสนับสนุนของไทยและภูมิภาคอาเซียน การจัดแสดงชิ้นส่วนของบริษัทผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศที่มีความต้องการจัดซื้อจัดหาจากผู้รับช่วงการผลิต (Buyers’ Village) การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ (Innovation Showcase) รวมถึงงานสัมมนาเสริมสร้างความรู้และโอกาสในการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม

BOI Symposium: EV Supply Chain เป็นกิจกรรมสำคัญที่บีโอไอจะนำ 7 ค่ายรถยนต์ EV รายใหญ่ที่ลงทุนในไทยคือ BYD, MG, Great Wall Motor, Neta, Changan, GAC Aion และ Chery มานำเสนอทิศทางของอุตสาหกรรม EV รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ เพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ไทย ให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของกลุ่มอุตสาหกรรม EV พร้อมยกระดับให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของโลกต่อไป” นายนฤตม์ กล่าว

ด้านนายเกียรติศักดิ์ จิระขจรวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย กล่าวว่า สมาคม
ไทยซับคอน เป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนของประเทศ มายาวนานกว่า 20 ปี สมาคมมีกลุ่มสมาชิกกว่า 500 บริษัท เราตระหนักดีว่าวงการนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง ผู้ประกอบการต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิต ทิศทางการตลาด ต้องติดตามและปรับตัวให้ทันต่ออุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นอกจากชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นลูกค้าหลักของสมาชิกแล้ว เราต้องสนับสนุนให้สมาชิกได้เข้าสู่การเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรม New S-Curve ทั้ง 5 อุตสาหกรรมด้วย ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ การบิน ป้องกันประเทศ ระบบรางและอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ ในปัจจุบัน ยังมีอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นเรื่องใหม่และท้าทายของสมาคม หน้าที่ของสมาคมคือ ทำให้ EV เป็นโอกาสที่ดีของสมาชิกให้ได้ ด้วยการสนับสนุนของบีโอไอ

งาน SUBCON Thailand 2024 ในปีนี้ จึงเป็นเวทีสำคัญในการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เจรจาธุรกิจกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าค่ายต่าง ๆ กว่า 7 แบรนด์ที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ค่ายต่าง ๆ เหล่านี้ จำเป็นต้องหา Local Supplier ในไทยให้ได้ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ผลิตไทยจะแสดงตัว แสดงศักยภาพการผลิตให้ผู้ซื้อเหล่านี้ได้รับรู้ และพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประกอบการไทยในงานนี้ ยังจะได้พบเจอและเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อในอุตสาหกรรมต่างๆ จากทั่วโลก จึงพูดได้เต็มปากว่าการเข้าร่วมงาน SUBCON Thailand ท่านจะได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมกลับไปอย่างแน่นอนนายเกียรติศักดิ์ กล่าว

ในขณะที่นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า
สำหรับอินฟอร์มาฯ เราทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดงาน
SUBCON Thailand
เป็นอีกหนึ่งเวทีที่สำคัญระดับภูมิภาค ในการเชื่อมโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่ายชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการจัดซื้อชิ้นส่วนจากทั่วโลกได้มีโอกาสพบปะและจับคู่ธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐเร่งขับเคลื่อน ตลอดจนยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์เกือบ 2 ทศวรรษจากการจัดงานดังกล่าวและการเป็นงานเดียวที่ร่วมจัดโดยบีโอไอ จะสร้างมูลค่าและโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับทุกห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคตต่อไป

"งาน SUBCON Thailand 2024 จะจัดควบคู่ไปกับงานอินเตอร์แมค 2024 บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 25,000 ตารางเมตร ขนทัพ 2,200 แบรนด์ชั้นนำจากกว่า 45 ประเทศร่วมจัดแสดงภายในงาน พร้อมด้วยหัวข้อสัมมนาที่สำคัญ อาทิ BOI Symposium ที่มาพร้อม 7 แบรนด์ค่ายยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนําของโลก ร่วมแบ่งปันเทคโนโลยีและเทรนด์การใช้งานชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า, BCG Model, Carbon Neutral EP.4, INTERMACH Forum: IAR series หรือจะเป็นสัมมนา Green Skills และหัวข้ออื่นๆ อีกกว่า 50 หัวข้อ ที่จัดขึ้นร่วมกับภาคคีเครือข่าย พร้อมโซนจัดแสดงพิเศษภายในงาน เพื่อร่วมกันอัปเดตเทรนด์ที่เท่าทันต่อทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุน รวมถึงโอกาสของผู้ประกอบการสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 47,000 คน ตลอดการทำงานร่วมกัน 18 ปีที่ผ่านมา วันนี้ SUBCON Thailand ถือเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มที่รวมผู้ซื้อชั้นนำครอบคลุมทุกธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมกันนี้ยังเป็นเวทีสานต่อและขยายเครือข่ายธุรกิจไปสู่พันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนคุณภาพใหม่ๆ ในภาคอุตสาหกรรม" นายสรรชาย กล่าว

ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นที่สุดของเวทีการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่ธุรกิจระดับนานาชาติ พร้อมสัมมนาพิเศษ แผนการพัฒนาซัพพลายเชน นโยบายการจัดซื้อชิ้นส่วนของบริษัทชั้นนำในประเทศไทย และโซนจัดแสดงเทคโนโลยีพิเศษ เพื่อเสริมแกร่งอุตสาหกรรมไทยในงานซับคอน ไทยแลนด์ 2024 (SUBCON THAILAND 2024) ซึ่งจัดร่วมกับงานอินเตอร์แมค 2024 (INTERMACH 2024) งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมชั้นนำของอาเซียน ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดของการจัดงานได้ที่ www.subconthailand.com


วงการชิ้นส่วนยานยนต์สั่นสะเทือน! คอมแพ็ค เบรก เล่นใหญ่ 7 จังหวัด กับแคมเปญ “I Choose ฉันเลือกคอมแพ็ค เบรก”

 


บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าเบรกคุณภาพยอดขายอันดับ ที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตจากยุโรปและอเมริกา รวมถึงการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเบรกที่พร้อมส่งมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ “คอมแพ็ค เบรก” ได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดสุดล้ำ “I Choose ฉันเลือกคอมแพ็ค เบรก” ยึดครองกลุ่มเป้าหมาย จังหวัด โดยการใช้เทคนิค Street Marketing ดึงดูดสายตาคนเมืองด้วยการตลาดที่แตกต่างทั้งตามถนนเส้นสำคัญๆ สี่แยกกลางเมือง หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการรับรู้และสร้างความจดจำ สำหรับที่มาของแคมเปญการตลาดดังกล่าวนี้มาจากอินไซต์ของผู้บริโภคทั่วประเทศที่ยืนยันด้วยยอดขายอันดับ ว่า “ใครๆ ก็เลือกใช้คอมแพ็ค เบรก” นอกจากนั้นเพื่อตอบรับกระแสความต้องการของผู้บริโภคในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์คอมแพ็ค เบรก ได้มากขึ้นผ่านศูนย์บริการควิกเซอร์วิส อาทิ Cockpit, Auto1, Compact Premium Service Center, Diamond Service Center และ GRIP ในพื้นที่ จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรสาคร, พระนครศรีอยุธยา และนนทบุรี

วันนี้ใครๆ ก็ยืนยันเลือก คอมแพ็ค เบรก แล้วคุณหล่ะเปลี่ยนเบรกทุกครั้ง เลือกคอมแพ็ค เบรก ได้แล้ววันนี้ที่ศูนย์บริการใกล้บ้านคุณ


อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE+10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง

 


กรุงเทพฯ (25 เมษายน 2567) – อาดิดาสจับมือเหล่าไอคอนแห่งวงการฟุตบอล ปลุกแคมเปญ “Jose+10” ที่เคยเกิดขึ้นครั้งแรกในเกมการแข่งขันภาคฤดูร้อน 2006 ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อส่งพลังและขับเคลื่อนขีดความสามารถของเหล่านักกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาเยาวชนหญิงที่ล้มเลิกการเล่นกีฬาตั้งแต่อายุยังน้อย ให้พร้อมฝ่าฟันทุกแมทช์การแข่งขันในอนาคต ซึ่งแคมเปญนี้นำโดยเหล่าดาวดังมากมาย ทั้ง อเลสเซีย รุสโซ (Alessia Russo), คาดิดิอาตู ดีอานี (Kadidiatou Diani)ลินดา ดัลมันน์ (Linda Dallman), จูด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham), และ ลิโอเนล เมสซี (Lionel Messi) รวมถึงนักกีฬาระดับตำนานอย่าง เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham), กาก้า (Kaká) และซีเนดีน ซีดาน (Zinedine Zidane)

 

แคมเปญ Jose+10” เกิดขึ้น โดยการรวบรวมเรื่องราวที่บอกเล่าความสามารถอันแสนโดดเด่นของเหล่านักกีฬาต้นแบบ รวมถึงยังสะท้อนแง่มุมของเหล่าแฟนกีฬาที่คอยเป็นพลังใจสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้นักกีฬารุ่นใหม่พร้อมที่จะมุ่งมั่นทำตามความฝันและกล้าที่จะก้าวเท้าลงไปยังสนามแข่งขันต่อไปในอนาคต 

 

 A group of people posing for a photo

Description automatically generatedA group of people posing for a photo

Description automatically generatedA group of people posing for a photo

Description automatically generated

เพื่อสร้างการรับรู้ว่ากีฬาเป็นเรื่องของทุกคน อาดิดาสยังได้ร่วมมือกับสโมสรฟุตบอลแนวหน้าอย่าง อาร์เซนอล บาเยิร์น มิวนิค แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอลิมปิก ลียง และเรอัล มาดริด เพื่อสร้างสรรค์จินตนาการของเหล่าแฟนคลับตัวน้อย ด้วยการฉายภาพเด็กผู้หญิงตัวน้อยยืนเคียงข้างกับเหล่านักเตะทีมชายและทีมหญิง เพื่อให้ความรู้สึกเหล่านั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ อาดิดาสยังได้ต่อยอดแคมเปญดังกล่าวด้วยการส่งต่อข้อความเสริมสร้างแรงบันดาลใจจากเหล่านักเตะหญิงแถวหน้า นำโดย เวนดี เรนาร์ด (Wendie Renard) นักเตะกองหลังจากทีมโอลิมปิก ลียง โดยเธอได้เขียนข้อความอันทรงพลังถึงตัวเธอเองในวัย 13 ปี เพื่อเล่าเรื่องราวความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดของเธอ รวมถึงความสำเร็จต่างๆ ที่เธอทำได้เพียงแค่เธอไม่หยุดเชื่อมั่นในตัวเอง 

 

A person smiling for a picture

Description automatically generatedA letter to a football player

Description automatically generated

เวนดี เรนาร์ด (Wendie Renard) นักเตะกองหลังจากทีมโอลิมปิก ลียง

 

ก่อนจะตามมาด้วยข้อความเพิ่มเติมจาก ลินดา ไกเซโด (Linda Caicedo) จากสโมสรเรอัล มาดริด และ ลิซ่า โบ๊ตติน (Lisa Boattin) จากสโมสรยูเวนตุส ที่จะได้รับการเผยแพร่บนช่องทางโซเชียลมีเดียของแต่ละคน

 

เวนดี เรย์นาร์ด นักเตะกองหลังของทีมชาติฝรั่งเศสและสโมสรโอลิมปิก ลียง กล่าวว่า “ฉันยังจำช่วงเวลาของฉันในวัย 13 ปีได้อย่างชัดเจน ชีวิตของเด็กสาวในวัยนั้นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทำให้การยอมละทิ้งกีฬาเกิดขึ้นได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม กีฬาถือเป็นสิ่งสำคัญที่สอนเรื่องราวต่างๆ มากมายให้กับเรา ทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ มอบบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าที่จะสามารถอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต ดังนั้น การที่ฉันได้มีโอกาสเขียนจดหมายถึงตัวเองในวัย 13 ปี จึงถือเป็นเรื่องดีที่ได้นำความรู้สึกเก่าๆ และประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตกลับมาอีกครั้ง โดยฉันอยากจะให้ข้อความนี้ ช่วยทำให้เด็กๆ สนุกกับการใช้ชีวิต อดทน อย่ายอมแพ้แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ทุกคนอย่าหยุดเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง เพราะถ้าคุณหยุดเชื่อในตัวเองเมื่อไหร่ คุณจะพลาดสิ่งที่คุณจะสามารถบรรลุความสำเร็จไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ”

 

A group of women in football uniforms

Description automatically generatedA group of people posing for a photo

Description automatically generatedA group of people posing for a photo

Description automatically generated

 

แคมเปญนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นจาก adidas Football Collective ที่ต้องการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางด้านกีฬาให้เกิดขึ้นกับทุกคน เพื่อให้พลังดังกล่าวช่วยสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับโลกและผู้คน โดยอาดิดาสยังได้นำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ในทุกแง่มุม ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ โปรแกรม และพันธมิตรต่างๆ เช่น

 

  • การบริจาครายได้ 1% จากยอดขายสุทธิของลูกฟุตบอลสำหรับใช้แข่งขันอย่างเป็นทางการของ UEFA Women’s Champion League และ UEFA Champion League 2024 เพื่อมุ่งสร้างความเท่าเทียมในสนาม ภายใต้โครงการ ‘Equal Play Effect’ จาก Common Goal ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นร่วมกันโดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการมีส่วนร่วม การเป็นตัวแทน ตลอดจนความเป็นผู้นำในเกมการแข่งขันของผู้หญิง และ Non-binary ในกีฬาฟุตบอล
  • การร่วมมือกับนักกีฬาภายใต้สังกัดของอาดิดาสและองค์กร Well HQ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพสตรี เพื่อริเริ่มโครงการ adidas Breaking Barriers พร้อมกับการจัดเวิร์คชอปเป็นครั้งแรกให้กับเหล่านักกีฬา ครูผู้ฝึกสอน และผู้ปกครองกว่า 100 คนจากโรงเรียนอันเป็นพันธมิตรกับมูลนิธิแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิร์ลส์ อคาเดมี และทีม U21 เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการมีประจำเดือน
  • ทีมโอลิมปิก ลียง เฟมีนิน (Olympique Lyonnais Féminin) ได้เปิดประสบการณ์การรับชม กาล่าแมทช์ แมชท์การแข่งขันใหญ่รอบรองชนะเลิศครั้งแรกของการแข่งขัน UEFA Women’s Champion League ให้กับเยาวชนจากสโมสรสมัครเล่นกว่า 300 สโมสร ณ กรูปามา สเตเดียม
  • ยูฟ่าได้สานต่อโครงการ #WePlayStrong ที่มีความตั้งใจในการเปลี่ยนภาพจำเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลหญิง พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมให้เหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในสนามการแข่งขันต่อไป

 

ทั้งนี้ การเปิดตัวแคมเปญ Jose+10” นับเป็นการสานต่อความสำเร็จของแคมเปญ Champion the Girls ที่อาดิดาสได้ริเริ่มขึ้นเพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับเด็กผู้หญิงให้ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์และความอิ่มเอมใจในการรับชมการแข่งขัน UEFA Women’s Champion League ที่ได้จัดขึ้นไปเมื่อปี 2023

 

สำหรับผู้ที่สนใจรับชมภาพเพิ่มเติมของแคมเปญ สามารถเข้ารับชมได้ที่อินสตาแกรม @adidasfootball @adidaswomen และผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียของพันธมิตรของอาดิดาส

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ adidas Football Collective คลิก www.adidas.com/footballcollective

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ adidas Breaking Barriers คลิก www.adidas.com/breakingbarriers.

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ชวนฟินชานมไข่มุกต้นตำรับไต้หวัน Chatime เปิดให้บริการแล้วที่ชั้น 7 โซน C


 

เปิดแล้ววันนี้!! ไม่ต้องบินไปถึงไต้หวัน ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เอาใจสายหวานชวนมาฟินกับชานมไข่มุกต้นตำรับที่ร้าน Chatime แบรนด์ชานมไข่มุกระดับโลกจากไต้หวัน ที่เปิดมาแล้ว 63 ประเทศทั่วโลก กว่า 1,500 สาขา รังสรรค์ชาคุณภาพมากมายให้ได้ลิ้มลอง อาทิ ชานมไข่มุกไทชิ ซิกเนเจอร์เมนูจุใจกับไข่มุก สี เมนูทาโร่ ดีไลท์ จากเนื้อเผือกแท้ 100 % และ เมนูเฉพาะประเทศไทย Mango Series สัมผัสกลิ่นหอมของมะม่วงน้ำดอกไม้กับชานมสูตรเฉพาะ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้ได้ฟินฉ่ำแล้ววันนี้ที่ชั้น 7 SF Town  โซน C ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

 

ติดตามกิจกรรมและโปรโมชันดี ๆ ของศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้ที่ https://mbk-center.co.th/ หรือเฟซบุ๊กเพจ mbkcenterth อินสตาแกรม mbkcenter

## 

#MBKCenter #Chatime #เปิดใหม่

SPHAERA อาจเป็นแว่นที่ถูกหลงลืมมากที่สุดเท่าที่ OAKLEY เคยมีมา แว่นตาประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากนักกีฬาเพื่อปลดล็อกศักยภาพในตัวผู้สวมใส่

  กรุงเทพฯ ,  ประเทศไทย  25  เมษายน  2567  — แว่นตารุ่นใหม่จาก  Oakley  อย่าง  Sphaera™  และ  BiSphaera™  ซึ่งสัมพันธ์กันทั้งชื่อ ดีไซน์ และ...