วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

แถลงการณ์ล่าสุดจากกาตาร์ แอร์เวย์สเกี่ยวกับเครื่องบินแอร์บัส A350

 


31 พฤษภาคม 2565

 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ในวันนี้ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สได้ยอมรับคำตัดสินของศาลชั้นสูงด้วยความพึงพอใจ บริษัทได้เข้าสู่กระบวนการเพื่อความรวดเร็วในการทดลองใช้งานและการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นจากบริษัทแอร์บัส ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของการเสื่อมสภาพของพื้นผิวลำตัวเครื่องบินรุ่น A350 ได้ โดยทางเรามีความยินดีกับคำตัดสินขอศาลในวันนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะในที่สุดเราก็จะสามารถประเมินหาสาเหตุของความเสียหายต่อเครื่องบินของเราได้ และในการพิจารณาคดีแบบเร่งรัดจะสามารถช่วยแก้ไขข้อพิพาทนี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้อย่างรวดเร็ว สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สยังคงมุ่งมั่นในการบรรลุด้าน “ความเป็นเลิศในทุก ๆ สิ่งที่เราทำ” ในทุกระดับ และยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือเป็นอันดับหนึ่ง

 

สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ได้รับรางวัล 'สายการบินแห่งปี (Airline of the Year)’ โดยสกายแทร็กซ์ (Skytrax) ซึ่งเป็นองค์กรจัดอันดับสายการบินระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลสำคัญอื่น ๆ อีก รางวัล ได้แก่ ‘ชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class)’ ‘ห้องรับรองสายการบินชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class Airline Lounge)’ ‘ที่นั่งสายการบินชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class Airline Seat)’ ‘อาหารและเครื่องดื่มชั้นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก (World’s Best Business Class Onboard Catering)’ และ ‘สายการบินที่ดีที่สุดในตะวันออกกลาง (Best Airline in the Middle East)’ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส เป็นสายการบินชั้นนำของอุตสาหกรรม โดยได้คว้ารางวัลหลักในครั้งนี้เป็นครั้งที่หกเป็นประวัติการณ์ (ชนะรางวัลในปี พ.ศ. 2554, 2555, 2558, 2560, 2562 และ 2564)

 

นอกจากนี้ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ยังเป็นสายการบินระดับโลกรายแรกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน Skytrax COVID-19 Safety Rating ระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานเกี่ยวกับมาตรการรักษาสุขอนามัยและความปลอดภัยในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สืบเนื่องมาจากการที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาหมัดประสบความสำเร็จในฐานะได้ถูกจัดให้เป็นสนามบินแห่งแรกในตะวันออกกลางและเอเชีย ที่ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากโควิด-19 ของสนามบิน ระดับ 5 ดาวโดยสกายแทร็กซ์เช่นเดียวกัน รางวัลเหล่านี้ทำให้ผู้โดยสารทั่วโลกสามารถไว้ใจเรื่องมาตรการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของสายการบิน ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรฐานสูงสุดของการตรวจสอบและประเมินผลอย่างมืออาชีพ

 

ปัจจุบัน สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์สมีเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางกว่า 140 แห่งทั่วโลก โดยให้บริการจุดเชื่อมต่อผ่านท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด (HIA) ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น 'สนามบินที่ดีที่สุดในโลกในปี 2564’ โดยได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งจากรางวัล Skytrax World Airport Awards 2564

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมสนับสนุน ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ ประจำปี 2565

 


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมสนับสนุนการการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ (All Thailand Golf Tour) ประจำปี 2565 ตลอดทั้งฤดูกาล เพื่อร่วมกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมถึงการเดินทางข้ามภูมิภาคของกลุ่มนักกีฬากอล์ฟและนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจในกีฬากอล์ฟ และแสดงความพร้อมของประเทศไทยในการต้อนรับนักกอล์ฟจากทั่วโลก

 

โดยการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ ประจำปี 2565 นี้ กำหนดจัดขึ้นในพื้นที่ต่างๆของประเทศไทย และคาดการณ์ว่าจะมีนักกีฬากอล์ฟและผู้ติดตามกว่า 300 คน เข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละรายการ ซึ่งนำมาสู่การสร้างกระแสเงินสดหมุดเวียนทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคของประเทศไทย และเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันธรรมดา ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าโครงการนี้จะสร้างกระแสเงินสดหมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยกว่า 94,377,550.00 บาท และ โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยไปสู่สายตาประชาคมโลก สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเห็นว่าประเทศไทยปลอดภัย และ พร้อมต้อนรับนักกอล์ฟจากทั่วโลกในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย

 

ทั้งนี้ล่าสุด ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ จัดการแข่งขันรายการ สิงห์ ลากูน่า ภูเก็ต โอเพ่น 2022 ณ สนามลากูน่า กอล์ฟ คลับ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยผู้ชนะได้แก่ โปรซูม-วิชยานนท์ โชติหิรัญรุ่งเรือง นักกอล์ฟวัย 25 ปีจากจังหวัดอุดรธานี ขณะที่สนามต่อไปเป็นรายการ สิงห์ ออลไทยแลนด์ พรีเมียร์ แชมเปี้ยนชิพ 2022 กำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 23-26 มิถุนายน 2565 ณ สนามสุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ จังหวัดนครปฐม

ไปรษณีย์ไทย และไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จับมือกรมการพัฒนาชุมชน เครือข่าย OTOP ระดับประเทศ ส่งผลิตภัณฑ์โอทอปราคาพิเศษ 9 หมื่นรายการ หนุนศก.ฐานราก มีช่องทางขายเพิ่ม

 


กรุงเทพฯ 31 พฤษภาคม 2565 – ไปรษณีย์ไทย และไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น บริษัทในเครือไปรษณีย์ไทย ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน เครือข่ายโอทอป อินเตอร์เทรดเดอร์ (ประเทศไทย) และเครือข่าย OTOP ระดับประเทศ ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ สนับสนุนการขนส่งสินค้าด้วยอัตราพิเศษให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME ไทย เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง กระตุ้นการไหลเวียนของเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์ม thailandpostmart ของไปรษณีย์ไทย  

 

   นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น สนองนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาล ในการบรรเทาปัญหาและฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งสร้างความพร้อมให้ SME เข้าสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาสนับสนุนธุรกิจ รวมทั้งสนับสนุนการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จึงใช้ศักยภาพด้านการขนส่งร่วมกับไปรษณีย์ไทยจัดทำระบบขนส่งกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เกษตรแปลงใหญ่ และกรมการพัฒนาชุมชน สินค้าโอทอป โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อต้องการให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับบริการด้านโลจิสติกส์อย่างทั่วถึง

             นายสมคิด จันทมฤก อธีบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชนจะดำเนินการสร้างการรับรู้ไปยังผู้ผลิต และผู้ประกอบการ OTOP ทั้ง 96,132 กลุ่ม/ราย ให้มีโอกาสเข้าถึงการบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ OTOP ในอัตราพิเศษ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคงต่อไป โดยดำเนินการผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 4 – 12 มิถุนายน 2565 กรมการพัฒนาชุมชน จะมีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ในงาน OTOP MIDYEAR 2022 ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี อย่างไรก็ตามคาดว่าความร่วมมือกับไปรษณีย์ในครั้งนี้จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP มากยิ่งขึ้น

             ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานการสื่อสารและขนส่งของชาติ ในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีแนวทางที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชนที่ผลิตสินค้าจากวัตถุดิบในท้องถิ่น สินค้า OTOP ด้วยการเป็นผู้ดำเนินการขนส่งสินค้าทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำอย่างดีที่สุด โดยมีไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ทำหน้าที่รับสินค้าจากผู้ประกอบการ OTOP ตั้งแต่ต้นทาง เพื่อส่งไปยังพ่อค้าคนกลาง และร้านค้ารายย่อย ส่วนไปรษณีย์ไทยจะเป็นเครือข่ายขนส่งกระจายไปยังผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยค่าขนส่งอัตราพิเศษเพื่อช่วยลดต้นทุนให้ร้านค้า และยังสามารถกำหนดราคาขายสินค้าที่แข่งขันได้อีกด้วย นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังช่วยผลักดันสินค้าเหล่านี้ให้ถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศผ่าน thailandpostmart แพลตฟอร์ม e-Marketplace ของไปรษณีย์ไทยที่รวบรวมสินค้าชุมชน สินค้าเกษตร ที่มีคุณภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ 

       นายพีระ  อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น พร้อมอำนวยความสะดวกในการจัดส่ง โดยบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้า OTOP เชื่อมั่นในการให้บริการขนส่ง  โดยจะรับสินค้าจากผู้ประกอบการ OTOP Trader และเครือข่าย OTOP ตั้งแต่ต้นทาง ส่งไปยังพ่อค้าคนกลาง ร้านค้ารายย่อย และเชื่อมต่อระบบการจัดการขนส่งกับไปรษณีย์ไทย เพื่อกระจายไปยังผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงยังพร้อมสนับสนุนระบบการจัดเก็บสินค้าที่ปลอดภัย มั่นใจได้ทุกกระบวนการจัดส่ง นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นยังมีแผนในการพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารการขนส่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ประการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร เป็นแพลตฟอร์มช่วยจัดหารถส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการในราคาที่ช่วยลดต้นทุนการจัดส่ง เพราะใช้ระวางว่างของรถอย่างเต็มประสิทธิภาพสามารถรองรับการจัดส่งได้ครั้งละจำนวนมากๆ ถือเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถกระจายสินค้าได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ :
 www.thailandpost.co.th        
เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post
ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post

อาลีบาบา เปิดตัวโครงการอบรม Netpreneur หลักสูตรใหม่ ปูทางผู้ประกอบการไทยสู่โอกาสอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน พัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรใหม่ เน้นปูทางสู่โอกาสธุรกิจข้ามพรมแดน หลังการระบาดของโควิด-19

 


มิถุนายน 2565, กรุงเทพฯ ประเทศไทย  Alibaba Global Initiatives (AGI) หน่วยงานฝึกอบรมระดับมืออาชีพของ อาลีบาบา กรุ๊ป จะเปิดตัวโครงการ Alibaba Netpreneur Training หลักสูตรใหม่ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) โดยโครงการนี้จะใช้เวลาทั้งหมดสี่สัปดาห์ และสอนในรูปแบบคลาสเรียนออนไลน์ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในท้องถิ่นจากภาคส่วนต่าง ๆ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ขยายธุรกิจของตนภายในเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น

 

โครงการ Alibaba Netpreneur Training หลักสูตรใหม่นี้ เป็นความตั้งใจของ AGI ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้นำทางธุรกิจได้เรียนรู้วิธีการที่เป็นรูปธรรมและนำไปปฏิบัติได้จริงในการยกระดับธุรกิจในโลกเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม 2565 ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดตัวโครงการเมื่อปีที่แล้ว AGI ได้ฝึกอบรมผู้ประกอบการในประเทศไทยไปแล้วทั้งสิ้น 140 ราย

 

สำหรับหลักสูตรในปีนี้จะเจาะลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการค้าออนไลน์หลังการระบาดของโควิด-19 มากขึ้น เช่น การค้าข้ามพรมแดนและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจที่เติบโตขึ้นไปสู่ระดับอีคอมเมิร์ซ และความต้องการของธุรกิจในการนำร่องสู่ภาพรวมของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

 

การที่บริษัทต่าง ๆ เริ่มเข้าสู่ช่องทางออนไลน์เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนั้น ทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้ประกอบการอีกต่อไป เพราะฉะนั้น ขั้นตอนต่อไปคือ เราจะเปลี่ยนความก้าวหน้าทางดิจิทัลให้เป็นข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของธุรกิจในอนาคตได้อย่างไร โดยเราหวังว่า โครงการ Alibaba Netpreneur Training ที่ได้รับการปรับปรุงหลักสูตรนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยพัฒนากลยุทธ์ดิจิทัลในระยะยาวและมีความชำนาญมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสในด้านอีคอมเมิร์ซให้พวกเขาได้มากขึ้นอีกด้วย” แดน หลิว ที่ปรึกษาอาวุโสของ Alibaba Global Initiatives กล่าว

 

การระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ COVID-19 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและทั่วโลกในทุกมิติ ซึ่งกระตุ้นให้ทุกคนปรับตัวและปรับใช้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องอัปเดตความรู้และทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่กลายมาเป็นความรู้พื้นฐานใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น โครงการ Alibaba Netpreneur Training จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาทักษะ ความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในมิติต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการจัดการนโยบายและแผนในสังคมเศรษฐกิจดิจิทัล” ฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ประเทศไทย กล่าว

 

โครงการ Alibaba Netpreneur Training จะสอนทางออนไลน์เป็นภาษาอังกฤษ จากผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรองของอาลีบาบา รวมไปถึงผู้นำทางธุรกิจที่มีประสบการณ์ในการทำให้ธุรกิจดิจิทัลของพวกเขาประสบความสำเร็จ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นดังต่อไปนี้

  • เศรษฐกิจดิจิทัลในจีน รวมไปถึงแนวโน้มและแนวทางล่าสุดที่ปูทางสู่การพัฒนาของเศรษฐกิจในจีน
  • เส้นทางของธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัล
  • วิวัฒนาการของธุรกิจของอาลีบาบา และบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลในการช่วยให้อีโคซิสเท็มของบริษัทเติบโต
  • โครงสร้างและแนวทางในการสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีความล้ำสมัยในโลกดิจิทัลในปัจจุบัน

 

นอกจากนี้ AGI และ Lazada ยังร่วมมือกันสร้างเซสชั่นที่เจาะลึกเกี่ยวกับประเทศไทยไว้ในโครงการนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาพรวมของการค้าดิจิทัลในท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจองค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้เข้าร่วมที่เรียนจบทุกหลักสูตรจะได้รับ e-certificate และสามารถเข้าร่วมคอมมูนิตี้ของผู้ประกอบการที่ผ่านหลักสูตรจาก AGI ได้อีกด้วย ซึ่งคอมมูนิตี้นี้เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการหลากหลายแขนงที่มีแนวคิดที่กระตือรือร้นและประสบความสำเร็จเหมือน ๆ กัน อีกทั้งยังถือว่าเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่าย ความร่วมมือ และการเรียนรู้ที่เหนือไปอีกขั้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เข้าร่วมที่มีทักษะโดดเด่นจะได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการที่สำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา เมืองหางโจว ประเทศจีน เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของหลักสูตรออนไลน์ให้ครบถ้วน

 

โครงการนี้เปิดรับสมัครถึงวันที่1 กรกฎาคมเท่านั้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกณฑ์การสมัคร รายละเอียดทั้งหมดของโครงการ และวิธีการลงทะเบียน สามารถเข้าชมได้ที่ https://agi.alibaba.com/th_alibaba_netpreneur_training

 

โครงการ Alibaba Netpreneur Training เป็นโครงการล่าสุดของอาลีบาบาในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ ผ่านการพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัล นอกจากนี้ ยังมีโครงการอื่น ๆ ของอาลีบาบาที่ช่วยพัฒนาการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและสนับสนุนให้ทุกคนประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล ได้แก่ การฝึกอบรมการค้าดิจิทัลที่ดำเนินการโดย Alibaba Global Digital Talent Network รวมไปถึงโครงการ Alibaba Cloud’s Academic Empowerment สำหรับนักเรียน นักศึกษา และนักวิจัย

 

พฤกษายกทัพคอนโดใหม่ 18 ทำเล จัดโปร “อื้อ!!” พบข้อเสนอสุดร้อนแรงในรอบปี

 


นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และนายภัคริน ทัตติพงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม ยกทัพคอนโด แบรนด์จากพฤกษา ได้แก่  พลัมคอนโด เดอะไพรเวซี เดอะทรี แชปเตอร์ และแชปเตอร์ วัน  รวม 18 โครงการจากทุกทำเลทุกระดับราคา เริ่มตั้งแต่ 1.29 – 4.19 ล้านบาท จัดโปรสุดร้อนแรงในรอบปี จัดใหญ่ให้ครั้งเดียวภายใต้แคมเปญ อื้อ!! อัดแน่นจัดเต็มด้วยข้อเสนอดึงดูดใจ พลาดไม่ได้สำหรับคนรักคอนโดฯ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เองหรือเพื่อการลงทุน พบยูนิตล็อตพิเศษกับราคาใหม่  มอบให้ทั้งส่วนลดเงินสดเพิ่มสูงสุดถึง 600,000 บาท*   บวกของแถมแจกหนักไม่อั้น ฟรีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ฟรีค่าจดจำนองและค่าใช้จ่ายวันโอนครบทุกรายการ* กู้ง่ายผ่อนสบายเพียงล้านละ 2,000 บาทต่อเดือนตลอด 12 เดือน* พร้อมรับสิทธิ์จับรางวัล iPad Wi-Fi256 GB ทุกสัปดาห์ ยังอื้อได้อีกกับของแถมและข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะโครงการ  ตั้งแต่วันนี้ถึง 12 มิ.ย.2565  เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด คลิกรายละเอียดอื้อ   https://www.pruksa.com/promotion/cd-more

เปิดใหม่! ออฟฟิศเมท เซ็นทรัล จันทบุรี ร้านที่คนทำธุรกิจจันทบุรีต้องมา!! ลดสูงสุด 70%* #มีทุกอย่างที่ธุรกิจต้องการ กว่า 100,000 รายการ

 


เปิดแล้ว...! ออฟฟิศเมท สาขาเซ็นทรัล จันทบุรี ศูนย์รวมอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ สินค้าเพื่อการทำงานและการดำเนินธุรกิจทุกประเภท มีทุกอย่างที่คนทำธุรกิจในจันทบุรีต้องการ ครบครันกว่า 100,000 รายการในที่เดียว โดยมี คุณโลร็องต์ โปซ Chief Executive Officer Brands and Non-Food เซ็นทรัล รีเทล, คุณอเล็กซองด์ ฮัมเมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) และ คุณจิตรลดา หาญวรวงศ์ชัย  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท พร้อมทีมผู้บริหารออฟฟิศเมท และผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) คุณชาติ จิราธิวัฒน์ และคุณอครินทร์ ภูรีสิทธิ์ ให้เกียรติร่วมเปิดร้าน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล จันทบุรี ชั้น LG

พิเศษ! 26 พ.ค. 65 – 6 มิ.ย. 65 นี้…ออฟฟิศเมทฉลองเปิดสาขาใหม่ จัดเต็มโปรโมชั่นไฮไลท์เอาใจ SME ชาวจันทบุรี ลดสูงสุด 70%* ช้อปสะดวกได้ที่ร้าน สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ในร้าน หรือ โทร. 063-938-8242 และ Chat & Shop ที่ https://line.me/R/ti/p/%40891okweh พร้อมบริการจัดส่งฟรีเมื่อช้อป 499.-* (ตามกำหนด)


เปิดบ้านหรู 7 ฤดู ของหมอเมฆ หมอฟิลเลอร์คนดังขวัญใจดาราไทย

 


หากพูดถึงหมอผู้มากประสบการณ์ด้านโปรแกรมฟิลเลอร์ของประเทศไทยคงมีชื่อ คุณหมอเมฆ นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี ของด็อกเตอร์เมฆคลินิก (Doctor Mek Clinic) ติดขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ หรือไม่แน่อาจจะขึ้นมาอันดับหนึ่งในใจของสายฟิลเลอร์ไปแล้วก็ได้ จากฝีมือและเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวขั้นเทพที่เหล่าดาราคนดังของไทยให้ความไว้วางใจจนได้รับฉายา #หมอของดารา ไปแล้วนั้น รวมทั้งลูกค้าอีกจำนวนมากมายที่ประทับใจในฝีมือและต่างบอกต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบปากต่อปากและกระฉ่อนในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเพจรีวิวความงามต่าง ๆ กลุ่มด้านความงามก็ต่างให้แนะนำว่าเรื่องโปรแกรมฟิลเลอร์จะออกมาสวยดูดีอย่างธรรมชาติต้องถึงมือคุณหมอเมฆเท่านั้น

 

ครั้งสำคัญกับการเปิดบ้านให้ชมกันเป็นอีกมุมหนึ่งกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวกับบ้านที่ถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างและโดดเด่นในธีมที่ว่า “บ้าน 7ฤดู”

 

คุณหมอเมฆเล่าให้ฟังว่า “ผมและครอบครัวคนชอบเดินทางและท่องเที่ยวทั่วโลกและเวลาไปโรงแรมรีสอร์ทในสถานที่สวย ๆ ผมก็มีแนวความคิดว่าอยากจะรวมทุกความสวยงามมาไว้ในที่เดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันผมเป็นคนที่ทำงานหนักมากเวลาที่จะออกเดินทางก็จะน้อยจึงอยากเอาทุกแรงบันดาลใจจากท่องเที่ยวที่ประทับใจมารวมไว้ในบ้านหลังนี้จึงเป็นที่มาของบ้าน 7ฤดูครับ”

 

“ทั้ง 7 ฤดู นั้นผมเลือกมาจากหนังที่ประทับใจกับฉากบ้านพักตากอากาศในพระราชวังตามฤดูต่าง ๆ ของทั่วทุกมุมโลกมารวมกันและที่สำคัญมาจากการนำเรื่องราวของชื่อผมเมฆ และ หมอแอร์ ภรรยาของผม โดยมีลูกชายสุดที่รัก น้องอคิณ แปลว่า พระอาทิตย์ มาเติมเต็มรวมกันเกิดเป็นฤดูกาลต่าง ๆ ของบ้านด้วยครับ”

 

“1st Season กับ Warm Welcome – Grand Hall, 2nd  Season Sa-Buy หรือ Relaxing Zone ที่เน้นสีน้ำเงินทองซึ่งเป็นสีโปรดและเป็นสีประจำคลินิกถัดมาจะเป็นโซน Harry Potter ซึ่งเป็นโซนโปรดของหมอแอร์ที่เก็บสะสมหนังสือเพราะหมอแอร์ชื่นชอบในการอ่านหนังสือมาก 3rd  Season Autumn เป็นอีกหนึ่งโซนโปรดของลูกชายของผมน้องอคิณครับ โทนนี้แต่งออกในธีมสีชมพูซึ่งเป็นโซนที่มองออกไปข้างหน้าแล้วจะเห็นวิวเป็นสระว่ายน้ำพอดีและนั่นคือ 4th  Season Summer สร้างความผ่อนคลายในวันสบาย ๆ กับ Summer Pavilion เพิ่มขึ้นได้อีกครับ สำหรับ Dining Zone นั้นก็จะมี 2 แบบ รองรับความพิเศษที่แตกต่างในแต่ละมื้ออาหาร มากไปกว่านั้นในแต่ละโซนจะมีการใช้กลิ่นหอมภายในบ้านที่แตกต่างและให้ความรู้สึกเฉพาะพิเศษแต่ละโซนไป สำหรับห้องครัวนั้นจัดเต็มมากจริง ๆ ครับ ครัวของผมมีเรื่องเล่าจากฝีมือทำกับข้าวของหมอแอร์ที่อร่อยมากเลยอยากทำห้องครัวที่ภรรยาผมมีความสุขอยากทำอาหารให้ผมและน้องอคิณทานเสมอครับ”

 

“ขึ้นมาบนชั้น 2 ต่อเนื่องกับ 5th  Season Chill จะพบกับ Mini Bar ก่อนในส่วนแรก 6th Season Winter พิเศษสุดกับห้องนอนของผมที่มาในโทนสีเขียวมีการแบ่งจัดสรรพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกของทั้งหมอแอร์และน้องอคิณที่จะไม่มีการเปิดเสียงรบกวนกันและกัน ห้อง AKIN’s ROOM ของลูกชายผมห้องที่ตั้งใจออกแบบมาให้กับน้องอคิณด้วยความรักของผมและหมอแอร์ครับและสุดท้าย 7th Season Spring Guest Room ที่ตกแต่งและออกแบบประหนึ่งโรงแรม 5 ดาวไว้คอยต้อนรับแขกคนสำคัญของพวกเราครับ”

 

“ผมและหมอแอร์ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบและสร้างบ้านหลังนี้มาก เพื่อให้ออกมาเป็น ‘บ้านของเรา’ ทุกอย่างเรียกว่า Customize มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น ของใช้และเฟอร์นิเจอร์ตามจุดต่าง ๆ นอกจากจะถูกเลือกอย่างพิถีพิถันแล้ว ยังถูกออกแบบและสั่งผลิตให้มีสัญลักษณ์ชื่อของผมและแอร์ปรากฎอยู่ด้วย เป็นสัญลักษณ์ที่ถูกออกแบบผสานรวมชื่อ ‘MEK’ และ  ‘AIR’ ซึ่งผมก็นำสัญลักษณ์นี้ใช้ในงานแต่งงานของผมและแอร์ด้วย สำหรับทางเข้าบ้านก็พร้อมต้อนรับเพื่อน ๆ และแขกที่มาเยือนด้วย ‘น้ำพุทรงฟิลเลอร์’ ที่สั่งผลิตพิเศษมีเพียงชิ้นเดียวในโลกเช่นเดียวกัน เป็นการตอกย้ำชัดเจนว่าที่นี่คือบ้านของคุณหมอผู้มากประสบการณ์ด้านโปรแกรมฟิลเลอร์ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเราสองคนมีความเชื่อว่า การสร้างและออกแบบบ้านนั้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เหมือนกันกับโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เป็น หัตถการศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยความชำนาญ ประสบการณ์ และความละเอียดอ่อนของแพทย์ และไม่ว่าจะการดูแลคนไข้หรือการสร้างและออกแบบบ้านของเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ความละเอียด ความใส่ใจ ความพิถีพิถัน และการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวและคนไข้ของเรา”





 

ปรึกษาแพทย์ผู้มากประสบการณ์ติดต่อ

FB: https://www.facebook.com/doctormekclinic

IG: https://www.instagram.com/doctormekclinic

Line: @doctormekclinic หรือคลิ๊ก https://cnx.bz/Lh8VJM

Website: www.doctormekclinic.com

 

โรงพยาบาลวิมุต ฉลองครบรอบ 1 ปี พร้อมก้าวสู่ปีที่ 2 สู่การเป็น HEALTHCARE PLATFORM เปิดตัวแคมเปญ ขอบคุณเธอที่ให้ใจ ย้ำความมุ่งมั่นในการรักษาที่มากด้วยความใส่ใจ

 


กรุงเทพฯ โรงพยาบาลวิมุต อีกระดับของการรักษาด้วยความใส่ใจ ฉลองครบรอบ 1 ปี พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 อย่างภาคภูมิ โดยส่งแคมเปญ "ขอบคุณเธอที่ให้ใจ" เป็นของขวัญตอบแทนทุกหัวใจที่รักกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พ้นทุกข์จากความเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ด้วยการรวบรวมทีมแพทย์ผู้ชํานาญการ เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยไว้ในที่เดียว ให้ทุกการวินิจฉัยทําได้อย่างแม่นยําและตรงจุด พร้อมให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ ตลอดจนใส่ใจไปยังทุกความกังวลของคนไข้ เพื่อให้คนไข้สบายกายและสบายใจตลอดการรักษา ภายใต้มาตรฐานที่เป็น "อีกระดับของการรักษาด้วยความใส่ใจ"

นายแพทย์สันติ เอื้อนรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า "ในโอกาสครบรอบ 1 ปีนี้ โรงพยาบาลวิมุต อยากตอบแทนทุกท่านที่ได้มอบความไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริการ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจนี้ ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดแคมเปญ ขอบคุณเธอที่ให้ใจ พร้อมส่งมอบความรู้สึกขอบคุณเธอที่ให้ใจผ่านวิดีโอที่จัดทำขึ้น เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวความประทับใจที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลและอยากขอบคุณไปยังลูกค้าคนสำคัญทุกท่าน พร้อมตอกย้ำความใส่ใจที่เรามีให้ในตลอดทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา กับกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ทางโรงพยาบาลจัดขึ้น อาทิ การรวบรวมบทความประทับใจจากผู้ใช้บริการ กิจกรรมให้ใจ...ให้เลือด ที่ร่วมกันกับสภากาชาดไทย จัดขึ้นเพื่อเชิญชวนทุกท่านมาร่วมบริจาคเลือดกันในวันครบรอบ"

"และนอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา เราได้มีกิจกรรมต่างๆ ที่ดูแลสุขภาพให้กับลูกค้าที่เข้าใช้บริการมาโดยตลอด พร้อมแสดงถึงความใส่ใจที่เรามี อาทิ กิจกรรมการรังสรรค์เมนูของหวานให้กับผู้ป่วยเบาหวานโดยนักกำหนดอาหารมืออาชีพ เพื่อหวังส่งความสุขให้ผู้ป่วยเบาหวานได้ทานของหวานที่แสนอร่อยเหมือนครั้งยังปกติ หรืออย่างการร่วมกันกับพันธมิตรอย่าง AIS เพื่อยกระดับสู่การเป็น Smart Hospital โดยการใช้เทคโนโลยีช่วยให้ผู้ใช้บริการประหยัดเวลาในการเดินทางมาโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ เราได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับการทำงาน ตอบโจทย์คนไข้ในยุคดิจิทัล ด้วยบริการเทเลเมดดิซีน Telemedicine ซึ่งเป็นการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชันของโรงพยาบาล ที่สะดวก รวดเร็ว พร้อมช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยกันได้แบบ Real-time รวมถึงการทำนัดหมาย การแจ้งผลตรวจ และการตรวจสอบสิทธิ์ประกันของคนไข้ได้ด้วยตนเอง"

นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลยังมีการจัดชุดตรวจสุขภาพและบริการต่างๆ ในราคาที่เข้าถึงง่าย อาทิ ชุดตรวจสุขภาพ Anniversary ที่ครอบคลุมถึง 12 รายการ ในราคา 1,222 บาทวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ 2 เข็ม ในราคา 1,222 บาทชุดตรวจสุขภาพหัวใจ โดยแพทย์เฉพาะทางมาพร้อมการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG ในราคา 2,222 บาท ไปจนถึงชุดตรวจในกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ

นายแพทย์สันติ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการรักษาที่มากด้วยความใส่ใจ เรายังไม่หยุดที่จะพัฒนาให้โรงพยาบาลเติบโตไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมขยายสาขาขึ้นจากเดิมให้ครอบคลุม เพื่อหวังรองรับฐานลูกค้าและผู้ป่วยที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ โดยแพลนในปีนี้ว่าจะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ ViMUT Wellness บางนา-วงแหวน และ Senera ViMUT Health Service คู้บอน ซึ่งในอนาคตคาดการณ์ไว้ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า จะขยายธุรกิจเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้นอีก 10 แห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการรักษาสู่มาตรฐานทางการแพทย์ที่เป็นเลิศไปทั่วภูมิภาค"

             โรงพยาบาลวิมุต ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจในบริการ เราพร้อมดูแลใส่ใจสุขภาพของทุกท่าน เพื่อให้ได้กลับไปใช้ชีวิตเสมือนปกติได้อีกครั้ง สามารถรับชมวิดีโอชุด “ขอบคุณเธอที่ให้ใจ” และกิจกรรมต่างๆ ของแคมเปญขอบคุณเธอที่ให้ใจได้ที่ เว็บไซต์ www.vimut.comเฟซบุ๊ก: www.facebook.com/vimuthospitalอินสตาแกรม: vimut_hospital, ไลน์: @vimuthospital หรือติดต่อเราได้ที่เบอร์ 02-079-000

วีซ่า เผยเทรนด์ผู้บริโภคเมื่อโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น: คนจะใช้จ่ายแบบไร้เงินสด ช้อปปิ้งออนไลน์ และเที่ยวล้างแค้น


 กรุงเทพฯ ประเทศไทย วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 - วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยข้อมูลจากการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) ว่าการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด การช้อปปิ้งออนไลน์ และการเที่ยวล้างแค้น  คือสามเทรนด์ผู้บริโภคหลักที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังโควิดถูกลดระดับสู่โรคประจำถิ่น

 

โดยผู้บริโภคชาวไทยนำหน้าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ตั้งใจจะใช้จ่ายแบบไร้เงินสดบ่อยครั้งขึ้น (89%) ตามด้วยเวียดนาม (83%) มาเลเซีย (78%) อินโดนีเซีย (78%) และฟิลิปปินส์ (78%)

 

การศึกษาครั้งนี้ยังเผยอีกด้วยว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความมั่นใจในการชำระเงินรูปแบบดิจิทัลเป็นที่สุด โดยมากกว่าสี่ในห้า ของคนไทย (86%) มองว่าการชำระเงินรูปแบบดิจิทัลนั้นปลอดภัยมากกว่า ตามด้วยเวียดนาม (80%) ฟิลิปปินส์ (79%) อินโดนีเซีย (79%) และมาเลเซีย (75%)

 

ซีรีน เกย์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “สองปีที่ผ่านมานี้ เราได้มองเห็นการขับเคลื่อนด้านการค้าดิจิทัลจากการที่ผู้บริโภคมองหาวิธีการชำระที่เหนือกว่าในด้านความรวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น  เมื่อประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้เปิดพรมแดนอีกครั้ง จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับธุรกิจทั้งหลายที่จะปรับตัวและเปิดรับ เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาในการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง”

 

การปิดร้านค้าในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ทำให้เกิดการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางใหม่ๆ อย่างมากมาย โดยมากกว่าครึ่งของผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (55%) เคยลองช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์เป็นครั้งแรก ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในประเทศอินโดนีเซีย (72%) เวียดนาม (66%) และไทย (65%)

 

มากกว่าสองในห้าของนักช้อป (42%) ยังเลือกที่จะสั่งซื้อของทางโทรศัพท์จากร้านค้าใกล้บ้านเป็นครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม (57%) ไทย (54%) และฟิลิปปินส์ (45%) โดยผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนไปช้อปผ่านช่องทางสื่อโซเชียล (40%) โดยเวียดนามเป็นประเทศที่คนนิยมการช้อปแบบนี้มากที่สุด (50%) ตามด้วยประเทศไทย (49%) และฟิลิปปินส์ (46%)

 

ด้านการท่องเที่ยวนั้น แนวโน้มของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “เที่ยวล้างแค้น” จะเกิดขึ้นจากความต้องการที่อั้นไว้ก่อนหน้าของผู้คนที่อยากจะกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอย่างเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทย โดยจากการศึกษาของวีซ่าครั้งนี้พบว่า เกือบครึ่งของผู้บริโภคชาวไทย (46%) น่าจะมีการเดินทางไปเที่ยวยังต่างแดนในปีหน้า ตามด้วยผู้บริโภคของสิงคโปร์ (41%) และฟิลิปปินส์ (38%)

 

“เราหวังว่าผลจากการศึกษาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการของไทยในช่วงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น นอกจากนี้ วีซ่าและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเรายังจะเดินหน้าสร้างสรรค์และพัฒนาอนาคตทางการชำระเงินให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการสร้างประสบการณ์ทางการชำระเงินที่ทันสมัยและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ทุกที่ และทุกเวลา” ซีรีน กล่าวสรุป

สิงห์ เอสเตท ชูกลยุทธ์ RISE ABOVE ดันเป้าที่พักอาศัย 5 ปี 52,000 ล้าน รุกตลาดแนวราบด้วย 3 เซ็กเมนท์ใหม่ พร้อมเปิดบ้านโครงการแรกกันยายนนี้

 


ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บมจ. สิงห์ เอสเตท

 

กรุงเทพฯ – 31 พฤษภาคม 2565 - สิงห์ เอสเตท กางแผนทุ่มงบกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท จ่อรุกตลาดบ้านระดับลักชัวรี่เต็มรูปแบบ ผ่าน 3 เซ็กเมนท์ใหม่ ต่อยอดความสำเร็จโครงการ SANTIBURI The Residences มั่นใจโครงการที่พักอาศัยเซ็กเมนต์ระดับบน คือกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ ในอนาคต ตั้งเป้ามูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 5.2 หมื่นล้านใน 5 ปี พร้อมสร้างรายได้ต่อปีสูงกว่าหมื่นล้านในปี 2569 ชูจุดขายแนวคิดการพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อส่งมอบคุณค่าการอยู่อาศัยที่เหนือระดับและประสบการณ์ Best-in-class ภายใต้แนวคิด “RISE ABOVE” ของสิงห์ เอสเตท เรสซิเดนซ์

 

ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บมจ. สิงห์ เอสเตท ผู้พัฒนาและลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เผยถึงแผนการพัฒนาธุรกิจพักอาศัยของ สิงห์ เอสเตท ว่า ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันที่คนอยู่บ้านนานขึ้น มองหาบ้านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ บ้านจึงต้องให้ความสุขได้ตลอด 24 ชม. ที่สำคัญต้องตอบโจทย์ฟังก์ชั่นที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังต้องเป็นที่สังสรรค์ และที่ทำงานแบบ Work from home ได้ด้วย สิงห์ เอสเตทจึงได้นำแนวคิดนี้มาออกแบบโครงการที่พักอาศัยแนวราบ และเพื่อต่อยอดจากความสำเร็จที่สามารถปิดการขายโครงการบ้านสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคของตลาดระดับบน

 

“โดยสิงห์ เอสเตท ตอกย้ำจุดยืนในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต หรือ Enriching Life ด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ใส่ใจ และมุ่งมั่นพัฒนาโครงการให้เป็น Best In Class เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยคุณภาพในระดับสากล  ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

นายณัฐวุฒิ เผยถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่า “สิงห์ เอสเตท พร้อมเดินหน้ารุกตลาดบ้านแนวราบเต็มตัวในปี 2565 นี้ โดยSingha Estate Residential เป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์ในการพัฒนาของเราคือ “RISE ABOVE” ที่เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าให้เหนือกว่ามาตรฐาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกๆ segment ที่เราพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยมีรายละเอียดของแนวคิดทั้ง ส่วน อันประกอบด้วย

 

ABOVE THE NUMBER ที่นอกเหนือจากแผนการลงทุน และการพัฒนาโครงการเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันแล้ว ยังโฟกัสการตั้งเป้าตัวเลขที่ท้าทายขึ้นอีกด้วย สืบเนื่องจากเทรนด์ของโครงการอสังหาฯ แนวราบได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนจากตัวเลขที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ สิงห์ เอสเตท จึงได้วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบ้านแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วง ปีต่อจากนี้บริษัทฯ มีแผนสร้างโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท วางสัดส่วนบ้านแนวราบต่อคอนโดมิเนียมที่ไว้ 75% ต่อ 25% เน้นทำเลศักยภาพ ประกอบด้วยโครงการตั้งแต่ระดับ 10 – 100 ล้านบาท ใน 3 เซ็กเมนท์  ซึ่งพร้อมเปิดตัวภายในปีนี้ 1 โครงการมูลค่า 2,900 ล้าน และจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3,000 – 14,000 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะสร้างรายได้รวมต่อปีสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2569

 

ABOVE THE DESIGN & SERVICE ด้วยการออกแบบที่สอดรับกับ New Trend of Living ที่บ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน พื้นที่ใช้สอยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่สำหรับทุกๆคนในครอบครัว ด้วยแนวคิด

  • Smart Living
  • Smart Layout ออกแบบ space และ function ต่างๆ ภายในบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของคนทุก generation โดยบ้านถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยที่รองรับกับพฤติกรรมของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และยังคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของผู้อยู่อาศัยในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องของแสงแดด ความร้อม ลมธรรมชาติ การระบายอากาศ
  • Security for Families เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยรอบด้านที่รัดกุม เติมเต็มความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว รวมถึงการวางระบบต่างๆ อาทิ ระบบติดตั้งสายไฟใต้ดิน (underground cable) เพื่อความปลอดภัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสร้างทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งจะเป็นอีกมาตรฐานของโครงการบ้านจากสิงห์ เอสเตท
  • Easy for Maintenance ด้วยระบบ Maintenance Alert ที่บ้านสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อถึงเวลาบำรุงรักษา ป้องกันความเสียหายของระบบต่างๆ เจ้าของสามารถตรวจเช็คสุขภาพบ้านด้วยตัวเองได้ผ่านแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว

 

  • Healthy Living
  • Clean Air มีระบบกรองอากาศภายในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยและการพักผ่อนอย่างเต็มที่
  • Clean Water มีระบบกรองน้ำเพื่อให้น้ำที่นำมาใช้และบริโภคในโครงการบริสุทธิ์และสะอาดมากยิ่งขึ้น
  • Cool & Quiet นวัตกรรม บ้านเย็น” ที่ช่วยให้อากาศในบ้านเย็น ถ่ายเทอากาศได้ดี ด้วยผนังกันความร้อน เพื่อการอยู่อาศัยที่สบายทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังเงียบสงบปราศจากเสียงรบกวนจากภายนอก

 

  • Sustainable Living
  • Existing Tree Conservation มีการเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิม เพื่อการอยู่อาศัยภายใต้บรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบายและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพระบบนิเวศดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด
  • Clean Energy แบ่งเบาภาระของลูกบ้านด้วยการใช้พลังงานธรรมชาติ อาทิ การใช้พลังงานจากเซลล์แสงอาทิตย์
  • Water Reuse ระบบการบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้รอบโครงการ
  • Material Selection & Long Lasting ออกแบบบ้านให้สวยงามอยู่คู่กาลเวลา โดยคำนึงถึงการใช้งานที่ดีทั้งในวันนี้และในอนาคต ที่ต้องตอบโจทย์เจ้าของบ้านในทุก Generation ดีไซน์ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยอยู่เสมอ

 

  • Exclusive Services
  • Warranty Extension ขยายเวลารับประกันเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความสบายใจในการเข้าอยู่อาศัย
  • Homecare Service อุ่นใจด้วยบริการ homecare ดูแลบ้าน แจ้งเหตุฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
  • Concierge Service เติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยกับบริการผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมให้บริการลูกบ้านอย่างเหนือระดับ

 

ABOVE THE LIVING EXPERIENCE

กับ Privileges ต่างๆ ภายใต้ ‘S life’ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์จากบริษัทในเครือและ Partners ที่ตอบรับกับ Lifestyle ของลูกบ้านทุกคน ทั้งในส่วนของ

  • S Hotels & Resorts กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทชั้นนำต่างๆ ในเครือ สิงห์ เอสเตท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • Activities กิจกรรมสันทนาการ อาทิ กอลฟ์ กิจกรรมนั่งบอลลูนเพื่อชมทิวทัศน์ แคมปิ้ง
  • Food & Beverage สิทธิพิเศษที่ร้านอาหารชั้นนำ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มในเครือ
  • Entertainment คอนเสิร์ต และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ที่น่าสนใจที่จัดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี

 

“จากทั้งหมดนี้ จึงเรียกได้ว่าบ้านแบบสิงห์ เอสเตท จะมีตัวตนที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องการออกแบบ ก่อสร้าง และบริการ นอกจากนี้ยังเป็นบ้านที่มีระบบ Maintenance Alert ที่บ้านสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อถึงเวลาบำรุงรักษา ป้องกันความเสียหายของระบบต่างๆ กล่าวคือบ้านที่ถูกออกแบบมาให้สวยงามอยู่คู่กาลเวลา และใช้งานได้อย่างดี พร้อมยังใช้นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิเช่น ระบบประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีที่ดูแลคุณภาพอากาศในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ ผู้อยู่อาศัยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสะดวกสบาย มีเวลาดูแลครอบครัว และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เหนือกว่า และได้มีความสุขกับคนที่รักอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิด RISE ABOVE” นายณัฐวุฒิ กล่าว

 

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงการเปิดตัวบ้านแบบใหม่เพิ่มเติมด้วยว่า สิงห์ เอสเตท เตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ใน  เซ็กเมนท์ คือ บ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ในทำเล Premium Location ด้วยราคา  50-100 ล้านบาท เพื่อเป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่ประสบความสำเร็จมา โดย character ของโครงการนี้จะมีสถาปัตยกรรมที่ Timeless สวยงามยาวนาน แม้จะถูกส่งมอบจาก generation สู่อีก generation หนึ่ง ทุกรายละเอียดถูกคิด มา อย่างดี สร้างอย่างประณีตเสมือนงาน masterpiece สะท้อนความ สง่างามของผู้อยู่อาศัย โดยแบรนด์นี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยชื่อ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences) ถัดมาคือ บ้านเดี่ยวระดับ Luxury บน Premium Location ที่สะท้อน Lifestyle การใช้ชีวิตของคนเมือง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยราคา 20-50 ล้านบาท โครงการจะถูกออกแบบให้โดดเด่นด้วยการผสมผสานธรรมชาติให้เข้ากับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย    เสมือนพักผ่อนในรีสอร์ทตากอากาศในทุกๆ วัน สะท้อน Stylish Luxury Lifestyle ของผู้พักอาศัย และสุดท้าย บ้านเดี่ยวระดับ Affordable Luxury ในทำเลที่ Premium เดินทางสะดวก เข้าถึงใจกลางเมืองได้ง่ายๆ ด้วยระดับราคา 10-20 ล้านบาท โครงการนี้จะเน้นเรื่องของการออกแบบที่มีความเป็นคนรุ่นใหม่ ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการ Design โดยยังเน้นเรื่องของ Form และ Function ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

 

“สำหรับในปีนี้ เราจะได้เห็นการเปิดตัวโครงการ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences) มูลค่ารวม 2,900 ล้าน ในเดือนกันยายน โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยสำหรับโครงการแนวราบเขตเมือง ที่พรีเมียมที่สุดในปัจจุบัน สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนธุรกิจสำคัญได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะไปยังสุขุมวิท ทองหล่อ เอกมัย หรือเชื่อมต่อไปโซนเศรษฐกิจหลักบนถนนพระราม 9 ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว คาแรกเตอร์ของโครงการจะเป็น Horizontal Luxury House ในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นท่ามกลางสังคมคุณภาพ โดยนำเสนอแบบเอ็กซ์คลูซีฟจำกัดจำนวนเพียง 32 หลังเท่านั้นส่วนอีก เซ็กเมนท์ใหม่ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมชื่อแบรนด์ในปี 2023 นี้แน่นอน” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

บีโอไออนุมัติ Chery ค่ายรถยนต์รายใหญ่จีน ตั้งฐานผลิต EV ในไทย

            บีโอไอ เผยผลสำเร็จการดึง Chery บริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทยเป็นรายล่าสุด หลังจากหารือกันกว่า 2 ปี โดย...