วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2566

"เทสโต" เล่นใหญ่ คว้าวงร็อกมาแรง "Paper Planes" ขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนมนั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ครั้งแรกในชีวิต

 


การันตีโดนใจวัยมันส์อย่างแน่นอน เพราะล่าสุด Tasto (เทสโตคว้าตัว หนุ่ม ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ” และ เซน-นครินทร์ ขุนภักดี หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม ฮาย-เซน” วง Paper Planes เจ้าของเพลง ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด ถือเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถรอบด้าน และสามารถพรีเซนต์เอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมาได้อย่างชัดเจน และแตกต่าง ทำให้มีคาแรกเตอร์ที่เหมาะสมกับแบรนด์  โดยงานนี้ได้ถ่ายภาพนิ่งเพื่อโปรโมทกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 23 .ที่ผ่านมาภายใต้คอนเซป .... เทสโต เดวิลพริกจักรพรรดิ เผ็ดฝังลิ้น มันส์จัด พริกชัดๆ ขนมมันฝรั่งแท้ทอดกรอบที่อัปเกรดความเผ็ดมากกว่าเดิม มาพร้อมลูกเล่นสุดมันส์ที่คนคิดถึงกินแล้วลิ้นเปลี่ยนสี ความพิเศษสุดมันส์แบบลิมิเต็ดนี้วางขายเฉพาะ เดือนเท่านั้น!

 

โดย ฮาย-เซน วง Paper Planes” กล่าวความรู้สึกว่า เซอร์ไพรส์มากที่พวกเราได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ครับ เพราะเป็นขนมที่พวกเราทานกันอยู่แล้ว วันถ่ายทำรู้สึกตื่นแต้นและสนุกมาก มันเป็นสิ่งใหม่ของพวกเรา แฮปปี้มากๆครับ ด้วยคอนเซ็ปต์ของขนมที่สนุกด้วย เข้ากับคาแรกเตอร์ของพวกเรามากๆ เรียกได้ว่าทั้งตื่นเต้นและสนุกที่ได้ทำ รอวันที่จะได้เห็นโฆษณาออนแอร์แล้วครับ 

เตรียมชมโฆษณาตัวแรกของ Paper Planes กับเทสโตได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และติดตามความมันส์แบบจัดๆพร้อมทั้งติดตามข่าวสารของเทสโตได้ทางเฟซบุ๊ก Tasto Club หรือ https://www.facebook.com/tastopotatoclub และโซเชี่ยลมีเดียของเทสโต ทุกช่องทาง

LINE MAN Super Brand Day 7 วันเท่านั้น! สั่งอาหารเครือ iberry Group และ ทองสมิทธ์ ลดจุก ๆ สูงสุดถึง 50%


 LINE MAN ผู้นำแพลตฟอร์มออนดีมานด์ของไทย ทุ่มจัดซูเปอร์ดีล Super Brand Day ชวนอิ่มอร่อยทุกมื้อไม่ซ้ำเมนูจากร้านอาหารแบรนด์ดังในเครือ iberry Group และทองสมิทธ์ กว่า 100 สาขา สั่งได้ง่าย ๆ ผ่านเดลิเวอรี อร่อยแบบไม่ต้องไปต่อคิวเอง พร้อมอัดส่วนลดสูงสุด 50% เพียง วันเท่านั้น! ด้วยค่าส่งเริ่มต้น บาท และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ - ก.พ. 66 นี้

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สั่งมื้อเด็ดได้ทุกวันจากร้านดังในเครือ iberry Group ทั้ง แบรนด์ ได้แก่ กับข้าว’ กับปลารสนิยมโรงสีโภชนาเจริญแกงฟ้าปลาทานเบิร์นบุษบาโรงสีข้าวต้มกุ๊ย By Rongsipochana, รวมมิตร คลาวด์ คิทเช่น รับส่วนลดสูงสุด 100 บาท* เมื่อสั่งครบ 200 บาท สำหรับลูกค้าใหม่ใส่โค้ด IBERRY100, ลูกค้าสั่งเครือ iberry ครั้งแรกใส่โค้ด IBE100, ลูกค้าปัจจุบันใส่โค้ด IBE80 

เอาใจคนรักเส้นกับร้านก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติเข้มข้นขวัญใจคนไทยจากร้านทองสมิทธ์ และอย่าลืมสั่งขนมหวานคู่ร้านอย่างขนมถ้วยหรือกล้วยทอดรสเด็ดตบท้ายมื้อ รับส่วนลดสูงสุด 100 บาท* เมื่อสั่งครบ 200 บาท สำหรับลูกค้าใหม่ใส่โค้ด TS100, ลูกค้าสั่งทองสมิทธ์ครั้งแรกใส่โค้ด TSE100, ลูกค้าปัจจุบันใส่โค้ด TSE80

อิ่มอร่อยในราคาประหยัดกับเมนูพิเศษที่ร่วมรายการแบบคุ้มยิ่งกว่า! เมื่อสั่งซื้ออาหารจากร้านในเครือ iberry Group และทองสมิทธ์ โดยกดรับส่วนลดเพิ่มอีกสูงสุด 100 บาทต่อครั้ง ภายใต้ไอคอน “เก็บโค้ดลดเพิ่ม” สั่งเลยที่ https://lineman.onelink.me/1N3T/cowle99e

 

*ส่วนลดมีจำนวนจำกัดต่อวัน

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ต้อนรับ BaNANA รวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

 


นางพิทยา อินภิรมย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย)  พร้อมด้วย นางสาวชวรมย์ มังคละคีรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 2 ฝ่ายพื้นที่เช่าและผู้เช่าสัมพันธ์ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย)  ร่วมแสดงความยินดีแก่ ผู้บริหาร บริษัท แมกซิไมซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ที่ 4 จากซ้าย)   ในโอกาสเปิดร้าน "BaNANA" ศูนย์รวมสินค้าและอุปกรณ์ไอทีครบวงจร  บนพื้นที่กว่า 247 ตร.ม. บริเวณ โซนเวสต์ วิลเลจ  (ฝั่งด้านหน้าศูนย์การค้าฯ ) ชั้น 1 ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 เมื่อเร็ว ๆ นี้

เปิดศักราชความยิ่งใหญ่รับต้นปี! ท็อปส์ ปักธงสาขาสาธุประดิษฐ์ เปิดตัวซูเปอร์มาร์เก็ตสแตนอโลน ศูนย์รวมความครบครันและความสุขแห่งใหม่ย่านพระราม 3

 


กรุงเทพฯ 30 มกราคม 2566 – ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ดในเครือเซ็นทรัล รีเทล สร้างปรากฏการณ์ความยิ่งใหญ่รับศักราชใหม่ เปิดตัว “ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์” ยกระดับโมเดลธุรกิจในรูปแบบสแตนอโลน 2 ชั้น ปลุกมู้ดการจับจ่ายของผู้บริโภคโซนพระราม 3 ให้คึกคัก ปั้นเป็นแหล่งเช็คอินแห่งใหม่ พร้อมรวมความครบครันด้วยสินค้าอาหาร-วัตถุดิบคุณภาพ สินค้าใหม่และเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลกกว่า 16,500 รายการ พร้อมคัดร้านค้าชั้นนำ อาทิ สตาร์บัคส์, โออิชิ บิซโทโระ ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์นลัคกี้สุกี้ บุฟเฟ่ต์สุกี้สำหรับครอบครัว,  อาฟเตอร์ยู, เพ็ทแอนด์มี ศูนย์รวมรวมสินค้าสำหรับคนรักสัตว์, Naillyme ร้านทำเล็บและบริการด้านความงาม ฯลฯ ตอบทุกโจทย์ความต้องการของการช้อปปิ้งที่สะดวกใกล้บ้าน เปิดให้บริการแล้ววันนี้

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของการเป็นเบอร์ ธุรกิจฟู้ดของเมืองไทย ท็อปส์ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนารูปแบบร้านใหม่ๆ รวมถึงส่งมอบบริการที่ดีที่สุด โดยยังคงเสาะหาทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดในแต่ละพื้นที่ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจสามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค ตลอดจนตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในพื้นที่นั้นๆ ล่าสุดเปิดศักราชใหม่ต้อนรับปีกระต่าย ท็อปส์เดินหน้าขยายธุรกิจสร้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางถนนพระราม 3 เปิดตัว “ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์” ครั้งแรกกับการนำเสนอซูเปอร์มาร์เก็ตสแตนด์อโลน ในรูปแบบอาคาร 2 ชั้น ตอกย้ำความเป็น Food Destination ที่ครบวงจรสำหรับทุกคน นำเสนอสินค้าคุณภาพสูงและบริการระดับพรีเมียมเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด  

 

ความโดดเด่นของ ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์ คือ การส่งมอบประสบการณ์การเดินซูเปอร์มาร์เก็ตที่แตกต่างจากที่เคย บนพื้นที่ 6,700 ตารางเมตร ให้ลูกค้าได้ค้นพบความหลากหลายและความแปลกใหม่ของสินค้าที่ครบครันมากที่สุดย่านพระราม 3  ช้อปสินค้าอย่างเพลิดเพลินทุกครั้งในรูปแบบ Room Concept ได้แก่ SNACKER,  LOOKS, BABY & ME, CUISINE MASTERS, ASIAN FLAVOURS, HEALTHIFUL, FROZEN&CO, PET&ME, THE BAKER ซึ่งทุกโซนคัดสรรสินค้าที่ดีที่สุดโดยเฉพาะสินค้าใหม่ ๆ อินเทรนด์จากทั่วทุกมุมโลก สินค้าอาหารสดผัก-ผลไม้จากแหล่งผลิตที่ดีที่สุด  วัตถุดิบเครื่องปรุงที่จะทำให้ทุกมื้ออาหารที่บ้านมีความพิเศษมากกว่าเดิม สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ดังมากมายมารวมไว้ในที่เดียว ตลอดจนร้านค้าประเภท Light Food Take Home สำหรับซื้อกลับบ้าน รองรับไลฟ์สไตล์นักช้อปทุกกลุ่ม ทุกเจเนอเรชัน โดยเฉพาะคนทำงานที่มองหาพื้นที่พักผ่อนหลังเวลางาน หรือต้องการแวะซื้อของอุปโภค-บริโภค พักรับประทานอาหารก่อนกลับบ้าน พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายด้วยพื้นที่จอดรถในร่มกว่า 90 คัน และส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งไร้รอยต่อผ่านบริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว Personal Shopper และบริการ Quick Commerce                

 

นอกจากความครบครันของสินค้าและร้านค้าชั้นนำ ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์ยังออกแบบตัวอาคารภายใต้คอนเซปต์ Glass Hall in The City เพื่อสร้างความโดดเด่นที่แตกต่างจากอาคารอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง พร้อมสร้างสรรค์พื้นที่สีเขียวด้านหน้าร้านให้ลูกค้าได้รับความรู้สึกสบาย ผ่อนคลายและอบอุ่นทุกครั้งที่มาใช้บริการ ซึ่งย่านสาธุประดิษฐ์ถือเป็นพื้นที่ชุมชนศักยภาพสูงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมประชากรเป้าหมายในพื้นที่กว่า 69,000 คน หรือ 20,000 ครัวเรือน รายล้อมด้วยอาคารสำนักงานและสถานศึกษา สะดวกทุกการเดินทาง ด้วยทางด้านเหนือเชื่อมต่อกับถนนรัชดาภิเษก และด้านใต้เชื่อมกับถนนพระราม อีกทั้งยังมีโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั้งหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมที่เริ่มขยายตัว เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ท็อปส์เลือกทำเลนี้เป็นที่ตั้งของโครงการ เพื่อรองรับกำลังซื้อจากการขยายตัวของเมือง

 

“การเปิด ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์ ครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ ท็อปส์ ที่ได้พัฒนารูปแบบร้านให้ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคไปอีกขั้น ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ที่เติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้บริโภคและลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเพศทุกวัย ผ่านการส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดพิเศษที่มาพร้อมกับการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ตามแนวคิด Every Day DISCOVERY เพื่อการค้นพบใหม่ที่ไม่ธรรมดาทุกครั้งที่ท็อปส์ ” นายสเตฟาน กล่าวสรุป  

 

เปลี่ยนการเดินซูเปอร์มาร์เก็ตธรรมดาให้แตกต่างจากที่เคย ที่ท็อปส์ สาธุประดิษฐ์ พร้อมเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 22.00 น. ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.thเฟซบุ๊ก TopsThailand, หรือแอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand

 

#Tops #EveryDayDISCOVERY

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ฉลองยอดขายเพิ่มขึ้น 71% ในปี 2022 พร้อมประกาศแผนการจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในปี 2025 วอลโว่ฉลองครบรอบ 50 ปีการดำเนินงานในประเทศไทย ประกาศเป้าหมายในการจำหน่ายแต่เพียงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในปี 2025


 วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมด้วยยอดขายที่โตขึ้นถึง 71ในปี 2022 ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดขายในปีที่ผ่านมาทำให้วอลโว่ คาร์ ประเทศไทยเข้าใกล้เป้าหมายในการเป็นบริษัทรถยนต์ที่จะจำหน่ายเฉพาะรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบเท่านั้นในปี 2025

 

แม้จะมีข้อจำกัดด้านการผลิตเนื่องมาจากการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในปีที่ผ่านมา   แต่รถยนต์วอลโว่ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีในประเทศไทย ด้วยยอดขายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบทั้งในรุ่น C40 Recharge Pure Electric และ XC40 Recharge Pure Electric ที่เติบโตขึ้นถึง 190% ในปี 2022 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มากกว่าหนึ่งในสามของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของบริษัทฯ

 

กลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล Recharge Plug-in Hybrid ก็ยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นอย่างดี ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งคิดเป็น 64.8% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท โดยรุ่นที่ขายดีที่สุด ได้แก่รุ่น XC60 Recharge Ultimate TPlug-in Hybrid (22.7% ของยอดขาย), XC40 Recharge Pure Electric (22.2%), XC40 Recharge Ultimate TPlug-in Hybrid (14.7%), C40 Recharge Pure Electric (13%) และ V60 Recharge Ultimate TPlug-in Hybrid (9.1%)

 

เพื่อตอกย้ำถึงความสำเร็จในการดำเนินงานของบริษัทวอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เผยแผนการจัดจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยในปี 2025 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของ วอลโว่ โกลบอล ถึง 5 ปี

 

มร. คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ดำเนินการจัดจำหน่ายรถวอลโว่ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อ 50 ปีก่อน ด้วยคำมั่นสัญญาในการส่งมอบความปลอดภัยด้านการขับขี่ให้แก่คนไทย ในวาระโอกาสครบรอบ 50 ปี เราจะขยายคำมั่นสัญญาของเราให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านความปลอดภัยในการเดินทาง รวมถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อมและโลกที่เราอาศัยอยู่อย่างยั่งยืน เรามีความยินดีที่ได้รู้ว่าผู้บริโภคในประเทศไทยมีความกระตือรือร้นและสนใจเกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้า และเรามั่นใจว่าความมุ่งมั่นของเราที่จะจำหน่ายเฉพาะรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในปี 2025 จะประสบความสำเร็จ”

 

A silver sports car

Description automatically generated with medium confidence

Volvo C40 Recharge Pure Electric

 

วอลโว่ยังคงแสดงถึงเจตนารมณ์ในการนำเสนอพลังงานสะอาดเพื่อนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยนำร่องเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายสี่แห่ง เพื่อช่วยลดอัตราค่าไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวแคมเปญ “Live Life Better with Volvo” เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนหันมาใส่ใจ สุขภาพและสิ่งแวดล้อม สร้างจิตสำนึกรักษ์โลกและตอกย้ำความสำคัญของการใช้ชีวิตบนความยั่งยืน ผ่านกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติทั้งในแบบ outdoor อย่างการปั่นจักรยาน และการวิ่งเทรล รวมถึงกิจกรรม indoor ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ณ Volvo Studio Bangkok แบรนด์ เอ็กซ์พิเรี่ยน เซ็นเตอร์ แห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกิจกรรมเหล่านี้จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023

 

“เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตรถไฟฟ้าระดับพรีเมียม และทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่างน้อยปีละหนึ่งรุ่น ในปี 2023 นี้ เราจะเปิดตัวรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบทั้งหมดถึงสองรุ่น  ซึ่งทั้งสองรุ่นไม่เพียงจะมายกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า แต่ยังถูกออกแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรเพื่ออนาคต และก้าวสู่เป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่จะผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าเท่านั้นในปี 2025

 

“วอลโว่ยังคงเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ในการสร้างยานยนต์แห่งอนาคตที่จะมาพร้อมระบบความปลอดภัยในการขับขี่ที่เหนือกว่า เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการมากยิ่งขึ้น ให้ความอิสระ และความอุ่นใจในทุกครั้งที่อยู่ในรถวอลโว่” มร. คริสกล่าวเสริม

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวอลโว่ได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.com/th  หรือ http://www.facebook.com/volvocarsth  หรือเยี่ยมชม Volvo Studio Bangkok ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่

LINE ประเทศไทย ลงนามความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร เพิ่มฟีเจอร์แจ้งเตือนค่าฝุ่น PM2.5 ในกทม. บน LINE ALERT


 LINE ประเทศไทย และ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ LINE ALERT บัญชีแจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรง เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ “แจ้งเตือนค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5” ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในการรับมือมลพิษทางอากาศด้วยข้อมูลที่เชื่อถือได้ ทั่วถึง และทันเวลา ตอกย้ำการเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อชีวิตดิจิทัลของแพลตฟอร์ม LINE ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง โดยมี นายพิชญ์ หมื่นรักษ์ หัวหน้าฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ LINE ประเทศไทย และ นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ร่วมถ่ายภาพ

 

LINE ALERT คือบัญชีแจ้งเตือนภัยพิบัติร้ายแรง พัฒนาและดำเนินการโดย LINE ประเทศไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการแจ้งข้อมูลเตือนภัย โดยผู้ใช้สามารถรับทราบสถานการณ์ภัยธรรมชาติร้ายแรงทั่วประเทศและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาทิ การอัปเดตภัยพิบัติการเช็กพื้นที่เสี่ยงศูนย์รวมเบอร์ติดต่อฉุกเฉินข้อมูลโรงพยาบาลใกล้เคียงการแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองในสถานการณ์ต่าง ๆ ฯลฯ

 

สามารถเพิ่มเพื่อน LINE ALERT ได้เพียงค้นหาไอดี @linealert หรือ คลิก https://lin.ee/l40xtWN

โปรเจคเตอร์อัจฉริยะ CO-FH02 จากเอปสัน เครื่องเดียวตอบโจทย์ทั้งการทำงานและความบันเทิง

 


เอปสันผู้นำตลาดโปรเจคเตอร์อันดับหนึ่งของโลกส่งสินค้ารุ่นใหม่รุกตลาดต่อเนื่อง Epson CO-FH02 ความสว่างสูง 3,000 ลูเมน ด้วยเทคโนโลยี 3LCD ให้ภาพสีสันสดใส สวยงาม คมชัดในทุกรายละเอียดระดับ Full HD ที่สามารถฉายภาพได้ขนาดใหญ่สุดถึง 391 นิ้ว ทำให้สามารถฉายภาพได้คมชัด แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า มาพร้อมระบบ Android TV™ Dongle และ Chromecast™ ในตัว ช่วยให้การสตรีมเนื้อหาเป็นไปอย่างง่ายดาย ทั้งยังติดตั้งลำโพงขนาด 5W ซึ่งเมื่อรวมกับภาพฉายคุณภาพสูงด้วยแล้ว ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ความบันเทิงเสมือนมีโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมภายในบ้าน สะดวกสบายในการติดตั้งและใช้งานในทุกสถานที่ มีฟังก์ชันแก้ไขความผิดเพี้ยนของหน้าจอ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเหมาะแก่การพกพา Epson CO-FH02 โปรเจคเตอร์อัจฉริยะที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานทั้งทางธุรกิจและด้านความบันเทิงภายในบ้านได้ภายในเครื่องเดียว

สนใจข้อมูลสินค้าติดต่อเอปสัน คอลเซ็นเตอร์ 0-2460-9699 หรือเว็บไซต์ www.epson.co.th เฟสบุ๊ค facebook.com/epsonthailand และ LINE Official Account Epson Thailand

อิออน แจกโชคใหญ่ครั้งที่ 9 ฉลองครบรอบ 30 ปี

 


กรุงเทพฯประเทศไทย – วันที่ 31 มกราคม 2566 – นางสาวสุริพร ธรรมวาทิตย์ กรรมการบริหาร และผู้บริหารจาก บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย แสดงความยินดีแก่ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่จากอิออนในแคมเปญฉลองครบรอบ 30 ปี ครั้งที่ 9 โดยอิออนมอบโชคครั้งใหญ่เพื่อแสดงความขอบคุณแก่ลูกค้าด้วยรางวัลใหญ่รวมมูลค่ากว่า 41 ล้านบาท* ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat 400 PRO รถจักรยานยนต์ Yamaha Grand Filano Hybrid (ABS) และทองคำหนักหนึ่งบาท ที่ GWM Experience Center ศูนย์การค้า ไอคอนสยาม

 

ทั้งนี้ ลูกค้าที่ร่วมแคมเปญฯ เพื่อลุ้นรางวัลกับอิออน สามารถติดตามการประกาศรายชื่อผู้โชคดี และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

aeon.co.th

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

มอบมื้อพิเศษพร้อมเติมเต็มความหวานให้คนที่คุณรัก ที่คูลลิ่งทาวน์เวอร์ รูฟท็อป บาร์ โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท

 


กรุงเทพมหานคร, กุมภาพันธ์ 2566 เติมความโรแมนติกให้กับคู่ของคุณในวันแห่งความรัก พร้อมมื้ออาหารสุดพิเศษ ที่ คูลลิ่ง ทาวน์เวอร์ รูฟท็อป บาร์

 

 

บรรยากาศยามเย็นสุดแสนโรแมนติกบนชั้นดาดฟ้าของตัวอาคาร แดดสีทองอ่อนๆ ขณะพระอาทิตย์ตกยิ่งทำให้อบอุ่นหัวใจ เชฟใหญ่มากฝีมือได้รังสรรค์เซ็ตเมนูอาหาร 4 คอร์ส มาร่วมเติมเต็มวันแห่งความรักให้ยิ่งพิเศษ อิ่มอร่อยกับมื้ออาหาร เคล้าคลอไปกับเพลงรักสุดคลาสสิก ยิ่งทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้อบอวลไปด้วยความรัก

 

 

พิเศษยิ่งไปกว่านั้น มิกซ์โซโลจิสต์จากบาคาร์ดี ประเทศไทย ได้รังสรรค์เมนูเครื่องดื่มพิเศษเฉพาะวันวาเลนไทน์นี้เท่านั้น พาคนที่คุณคนรักมาเก็บความประทับใจในค่ำคืนสุดโรแมนติก ในบรรยากาศสบายๆ วิวถนนสุขุมวิทที่รายล้อมไปด้วยแสงไฟคล้ายแสงดาว ให้อาหารค่ำมื้อนี้ เป็นเรื่องราวสุดประทับใจของคุณทั้งคู่ไปอีกปี

 

Regular Package

ราคา 3,499++ สำหรับ 2 ท่าน รวมเซตอาหารค่ำสุดโรแมนติก 4 คอร์ส ค็อกเทลแพริ่ง และช่อดอกไม้ 1 ช่อ

 

Premium Package

ราคา 4,999++ สำหรับ 2 ท่าน รวมเซตอาหารค่ำสุดโรแมนติก 4 คอร์ส, สปาร์คกลิ้งไวน์ 1 ขวด, ฟรีโฟลว์ ซอฟดริ้ง, ช่อดอกไม้ 1 ช่อ และตุ๊กตาหมีคาร์ลตัน 1 ตัว

 

Be My Valentine

คูลลิ่ง ทาวน์เวอร์ รูฟท็อป บาร์

ให้บริการตั้งแต่เวลา 17:30 น. – 24:00 น.

 

·      มีเมนูมังสวิรัติให้บริการ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ถึงความต้องการด้านเมนูอาหารของท่านขณะสำรองที่นั่ง

·      เมนูอาหารอะลาคาร์ท และโปรโมชั่น Happy Hour ไม่มีให้บริการวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ 02 090 7888 หรือ อีเมล์ Fbreservations@carltonhotel.co.th

 

 

เกี่ยวกับโรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท
โรงแรม คาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในทำเลยุทธศาสตร์บนถนนสุขุมวิท ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศกและพร้อมพงษ์  แขกที่มาพักที่โรงแรมสามารถเพลิดเพลินกับแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงยามค่ำคืน โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท เป็นโรงแรมชั้นนำระดับหรู มีห้องพักและห้องสวีทที่กว้างขวางและตกแต่งอย่างดีถึง 338 ห้องไว้บริการ มีร้านอาหารที่หลากหลายให้เลือกสรร รวมถึง Wah Lok (วาล็อค) ร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของคาร์ลตัน และคูลลิ่ง ทาวเวอร์ รูฟท็อป บาร์ บนชั้นดาดฟ้า นอกจากนี้ยังมีห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยงที่มีเนื้อที่กว่า 1,200 ตารางเมตร ทั้งห้องบอร์ดรูมที่เหมาะสำหรับการประชุมขนาดเล็กไปจนถึงงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับแขกได้มากถึง 600 คน พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสันทนาการ อาทิ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง พื้นที่เล่นสำหรับเด็ก สปา และห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ครบครัน

 

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมโรงแรมได้ที่เว็บไซต์ www.carltonhotel.co.th


เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยผลวิจัย ‘Future-Proof’ ชี้ครึ่งหนึ่งของ Gen Z ยินดีรับข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจระยะสั้น หากช่วยให้อนาคตยั่งยืนขึ้น

 


·      รายงานการศึกษาวิจัย ‘Future-Proof’ โดยเดลล์ เทคโนโลยีส์ แนะว่า เจเนอเรชั่น จะยอมให้ผู้ออกกฏระเบียบได้มีเวลาในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ หากแสดงให้เห็นถึงแผนงานดิจิทัลที่ชัดเจนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนขึ้น

·      เจเนอเรชั่น มองว่าการเข้าถึงอุปกรณ์และความสามารถด้านการเชื่อมต่อสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบทคือหัวใจสำคัญของการลดการแบ่งแยกทางดิจิทัล

·      ผู้เข้ารับการสำรวจมองว่า โครงสร้างหลักในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มแข็งบนฐานของกฏหมายที่เข้มงวดและการลงทุนมากขึ้น คือปัจจัยสำคัญในการปกป้องระบบโครงสร้างของประเทศ

 

เกือบครึ่ง (47%) ของเจเนอเรชั่น ยินดีรับข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น การเติบโตของ GDP ที่ลดลง เพื่อให้ผู้ออกนโยบายได้ลงทุนในกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น สอดคล้องตามผลการวิจัยของเดลล์ เทคโนโลยีส์

การศึกษาวิจัยดังกล่าว ครอบคลุม 15 พื้นที่ในต่างประเทศเพื่อหยั่งเสียงของ เจน ที่เป็นผู้ใหญ่ (วัย 18-26 ปี) เกี่ยวกับกลยุทธ์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เกือบสองในสาม (64%) ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยรับมือกับวิกฤตด้านสภาพอากาศ

Gen Z หลายคนเต็มใจแบกรับข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจระยะสั้น โดยได้จัดลำดับเรื่องพลังงานที่ยั่งยืน (42%) ศักยภาพในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (39%) และภาคขนส่งสาธารณะที่ยั่งยืนมากขึ้น (29%) ว่าเป็น ปัจจัยหลักด้านการลงทุนที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม (25%) ยังได้แสดงออกถึงการสนับสนุนในการให้ความรู้เรื่องความยั่งยืนแก่ภาคประชาชนมากขึ้น

อองกัส เฮอการ์ตี้ ประธานฝ่ายตลาดระหว่างประเทศ เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “Gen Z จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจด้านการลงทุนในภาครัฐและเอกชนในปัจจุบัน และจะอำนวยความสะดวกรวมถึงช่วยดูแลการฟื้นฟูสู่ความยั่งยืนได้ในระยะยาว จึงนับเป็นโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจาก Gen Z ในแง่กลยุทธ์ระยะยาวที่กำหนดให้ความยั่งยืนเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจ

ความมั่นใจของ Gen Z ที่ว่าการลงทุนเพื่อฟื้นฟูภาคประชาชน จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟูได้ภายใน 10 ปี แบ่งความเห็นออกเป็น หนึ่งในสามของทั่วโลก (32%) มั่นใจน้อยหรือไม่มั่นใจเลย ในขณะที่ 38% ยังไม่แน่ใจ และ 29% มั่นใจมากหรือมั่นใจเต็มร้อย

ทั้งนี้ ความเห็นจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ โดยสิงคโปร์ (56%) และ เกาหลี (41%) มีผู้ตอบว่ามั่นใจสูงหรือมั่นใจเต็มร้อยมากที่สุด ในขณะที่ผู้ตอบว่าไม่ค่อยมั่นใจหรือไม่มั่นใจเลยมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น (47%) และบราซิล (49%)

 

ผู้ตอบรับการสำรวจกล่าวว่า อนาคตดิจิทัลต้องมีโครงสร้างหลักด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง กว่าครึ่ง (56%) รู้สึกว่าต้องมีกฏหมายที่เข้มงวดและมีการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและเพื่อให้มั่นใจว่าภาคเอกชนจะปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวด การจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นในภาครัฐบาลมากขึ้นนั้น 38% ของผู้ตอบอยากให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันและรับผิดชอบเรื่องนี้ไปด้วยกัน

ปิดช่องว่างทักษะทางดิจิทัลและการแบ่งแยกทางดิจิทัล

Gen Z เข้าใจดีถึงคุณค่าของการพัฒนาทักษะทางดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับอาชีพในอนาคต สามในสี่ (76%) มองว่าการเรียนรู้ทักษะใหม่ด้านดิจิทัล เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการเพิ่มทางเลือกด้านสายอาชีพในอนาคต หรือการวางแผนเพื่อให้มีทักษะใหม่ดังกล่าว

ผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าการศึกษาจะช่วยเตรียมความพร้อมด้านทักษะดิจิทัลได้ดีขึ้น กว่าสองในห้า (44%) บอกว่าในโรงเรียนสอนแค่ทักษะพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ และประมาณหนึ่งในสิบ (12%) ไม่ได้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีหรือทักษะทางดิจิทัล กว่าหนึ่งในสาม (37%) อ้างว่าโรงเรียน (อายุต่ำกว่า 16) ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้นักเรียนเรื่องทักษะด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับอาชีพที่วางแผนไว้

ในการเชื่อมรอยต่อช่องว่างด้านทักษะทางดิจิทัล หนึ่งในสาม (34%) ของผู้ตอบเสนอให้มีการพัฒนาหลักสูตรด้านเทคโนโลยีสำหรับการศึกษาในทุกระดับให้น่าสนใจยิ่งขึ้นและครอบคลุมวงกว้างมากขึ้น หนึ่งในสี่ (26%) เชื่อว่าหลักสูตรด้านเทคโนโลยีที่เป็นภาคบังคับจนถึงอายุ 16 ปีจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนก้าวสู่สายอาชีพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

เฮอการ์ตี้ กล่าวเสริม “เห็นได้ชัดเจนว่า Gen Z มองว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรา ที่เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำ หน่วยงานรัฐบาล และภาคประชาชน ที่จะต้องทำงานร่วมกันและเตรียมพร้อมให้คนเหล่านี้ก้าวสู่ความสำเร็จ ด้วยการปรับปรุงคุณภาพและการเข้าถึงการเรียนรู้ด้านดิจิทัล  44% ของ Gen Z รู้สึกว่าทั้งผู้ให้ความรู้และหน่วยงานธุรกิจควรทำงานร่วมกันเพื่อลดช่องว่างด้านทักษะทางดิจิทัล และในระดับความเร็วที่เทคโนโลยียังคงพัฒนาต่อเนื่อง ต้องอาศัยความร่วมมือที่ต่อเนื่องเช่นกัน

การตอบสนองมุมมองในเรื่องที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อไม่ให้มีการแบ่งแยกทางดิจิทัลในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในกลุ่มประชากรที่แตกต่าง รวมถึงกลุ่มทางเศรษฐกิจและสังคม ทาง Gen Z มองว่าการเข้าถึงอุปกรณ์และความสามารถด้านการเชื่อมต่อของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส (33%) และการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบท (24%) เป็นสิ่งที่ต้องมุ่งเน้นให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

การศึกษาวิจัยยังพบประเด็นต่อไปนี้

·      ในการรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงบริการด้านสุขภาพ (21%) การลงทุนด้านการให้ความรู้เพื่อช่วยปิดช่องว่างด้านทักษะ (11%) และการลงทุนระบบโครงสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม/ที่ยั่งยืน (11%) คือสามปัจจัยสำคัญทั่วโลกในมุมมองของ Gen Z

·      เกินครึ่ง (57%) ของ Gen Z มีความมั่นใจน้อยหรือปานกลางว่าผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของตนได้สอดคล้องตามกฏระเบียบ

·      กว่าครึ่ง (55%) ของ Gen Z มองว่าการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและทำงานทางไกล (remote working) เป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณาเลือกผู้ว่าจ้าง

รูปแบบการวิจัย

งานวิจัยภาคสนามจัดทำโดยบริษัทวิจัยด้านการตลาด Savanta ComRes ช่วงเดือนกรกฏาคม ถึงสิงหาคม 2022 โดยครอบคลุม 15 พื้นที่ ฐานการศึกษาวิจัย ครอบคลุม คน Gen Z (อายุระหว่าง 18-26 ปี) จำนวน 15,105 คน ในสัดส่วนที่เป็นตัวแทนกลุ่มจากประเทศต่างๆ สำหรับเพศและภูมิภาคในแต่ละตลาด ตามพื้นที่ต่างดังต่อไปนี้

·      ออสเตรเลีย (1,018 คน)

·      บราซิล (1,021 คน)

·      แคนาดา (1,011 คน)

·      ฝรั่งเศส (1,014 คน)

·      เยอรมัน (1,020 คน)

·      อิตาลี (1,063 คน)

·      ญี่ปุ่น (1,021 คน)

·      เกาหลี (1,020 คน)

·      เม็กซิโก (1,005 คน)

·      เนเธอร์แลนด์ (1,013 คน)

·      นิวซีแลนด์ (811 คน)

·      สิงคโปร์ (1,022 คน)

·      สเปน (1,019 คน)

·      สหราชอาณาจักร (1,041 คน)

·      สหรัฐอเมริกา (1,006 คน)

 

เกี่ยวกับเดลล์ เทคโนโลยีส์

เดลล์ เทคโนโลยีส์ ช่วยให้องค์กรธุรกิจและปัจเจกบุคคลสร้างอนาคตดิจิทัล พร้อมช่วยปฏิรูปทั้งรูปแบบการทำงาน การดำเนินชีวิต และการพักผ่อน เดลล์ เทคโนโลยีส์ให้การดูแลสนับสนุนลูกค้าด้วยสายผลิตผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีและการบริการที่กว้างที่สุด และมีความเป็นนวัตกรรมอย่างสูงสุดในยุคของข้อมูล  www.delltechnologies.com

 

“ณภัทร” คว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024 พร้อมลุยศึกชิงแชมป์โลกที่สหรัฐฯ

  24  เมษายน  2567 -  ณภัทร แซ่ลิ้ม โชว์พลังหวด  365.7  หลา คว้าแชมป์  “ โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ  2024”  รอบชิงชนะเลิศ ที่สนา...