วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2566

Taiwan Excellence นำเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมอุตสาหกรรม 4.0 ที่งาน Manufacturing Expo 2023 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตไทย

 


Taiwan Excellence นำเสนอสุดยอดผลิตภัณฑ์ไต้หวันออกสู่สายตาโลก นำทีมบริษัทระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมแถวหน้าของวงการ มาจัดแสดงโซลูชันการผลิตอัจฉริยะและอุปกรณ์อัตโนมัติทันสมัยล่าสุดที่ Taiwan Excellence Pavilion และงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด "Empowering Smart Manufacturing" ในงาน Manufacturing Expo 2023 ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมการผลิตที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างวันที่ 21-24 มิถุนายน ที่ผ่านมา

 

Taiwan Excellence Pavilion จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Empowering Smart Manufacturing” โดยมี 7 บริษัทไต้หวันที่มีชื่อเสียง ได้แก่ แอดวานซ์ เทคชิน ฟงจีเอ็มที โกลบอลแพลนเน็ตโซโลมอนเทคแมน  โรบอท และ โตโย นำนวัตกรรมล่าสุดของตนมาจัดแสดงให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมได้รับรู้และเข้าใจถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเติมเต็มและเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่กำลังปรับเปลี่ยนสู่ระบบอัตโนมัติมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่จัดแสดงในงานครั้งนี้ ได้แก่ หุ่นยนต์ปฏิบัติการร่วม, แพลตฟอร์ม IIoTระบบการอนุมาน AI แบบสวม,  สวิตช์อีเทอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรม, ชุดซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลเพื่อการทำงานที่แม่นยำ, ส่วนประกอบความแม่นยำ, และเครื่องปั๊มขึ้นรูปโลหะอัจฉริยะ

 

งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด "Empowering Smart Manufacturing" จัดขึ้นในวันแรกของงาน Manufacturing Expo 2023 ให้ผู้ร่วมงานได้รู้จักกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมรุ่นล่าสุดจากไต้หวัน ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย ให้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก

 

ภายในงาน บริษัท โซโลมอน เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น โชว์จุดเด่นของ META-aivi ระบบการอนุมาน AI แบบสวมที่บันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต ลดโอกาสเกิดความผิดพลาดโดยมนุษย์ ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบ AI ในขณะที่ บริษัท แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) มาพร้อมกับ LoRaWAN อุปกรณ์เซ็นเซอร์อัจฉริยะจับความสั่นสะเทือน ที่สามารถเชื่อมต่อระยะไกล ทำให้สามารถตรวจจับความสั่นสะเทือนระยะไกลและแบบเรียลไทม์ได้ นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานอีกด้วย

 

ด้าน บริษัท เทคแมน โรบอท แสดงระบบวิชัน AI ของหุ่นยนต์ปฏิบัติการร่วม พร้อมแบ่งปันกรณีศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่นำไปใช้ในด้านต่างๆ เช่น การประกอบรถยนต์ การแปรรูปโลหะ และการวางพาเลท ส่วน บริษัท จีเอ็มที โกลบอล นำเสนอการใช้งานส่วนประกอบความแม่นยำ ซึ่งรวมถึงตัวกระตุ้นเชิงเส้น กระบอกไฟฟ้า และแท่นหมุนมอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และใยแก้วนำแสง และท้ายสุด บริษัท แพลนเน็ต เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวโซลูชันอีเทอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรม ช่วยผู้ผลิตในประเทศไทยสร้างระบบเครือข่ายความเร็วสูงและคุ้มค่าโดยใช้เทคโนโลยี 5G และ LoRaWAN

 

คุณหนิ่ว หยง ฉือ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน ประจำประเทศไทย (TAITRA) ในฐานะแขกพิเศษในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ กล่าวเปิดงานว่า “ในฐานะซัพพลายเออร์รายใหญ่อันดับ 6 ของไทยในปี พ.ศ. 2565 ไต้หวันได้สร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับไทยในภาคการผลิต ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือและโอบรับนวัตกรรม เราจึงสามารถยกระดับประสิทธิภาพ ผลิตผลและผลกำไร เมื่อร่วมมือกันเราสามารถสร้างคอมมูนิตี้การผลิตที่แข็งแกร่งและมีชีวิตชีวามากขึ้นได้"

 

งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ยังได้รับเกียรติจาก ดร.สมสิทธิ์ มูลสถาน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเป็นแขกพิเศษ พร้อมกล่าวเปิดงานว่า “ประเทศไทยกำลังผลักดันภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เราต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเต็มที่ นักอุตสาหกรรมไทยยังคงเชื่อมั่นและมั่นใจในประสิทธิภาพของเทคโนโลยีจากไต้หวัน พวกเขาใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง”

 

นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมและนิทรรศการ " Taiwan Excellence Pavilions at Taiwan Expo” ขึ้นในเดือนกรกฎาคม และร่วมงาน “Medica Fair Thailand” ในเดือนกันยายน อีกด้วย ทั้งหมดนี้มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ผู้ประกอบการและบุคลากรไทยในอุตสาหกรรมการผลิต สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/TaiwanExcellence.TH

 

แรบบิท แคร์ เตือน สถิติอุบัติเหตุหน้าฝนพุ่ง แนะทางเลือก “แคร์ ครบ คุ้ม” ไม่หวั่นเมื่อวันน้ำมาก

 


ขับช้า ๆ ฝนตก ถนนลื่น” เราได้ยินคำเตือนนี้กันเสมอ ๆ เมื่อเข้าหน้าฝน รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของกระทรวงคมนาคมชี้ว่ากว่า 45% ของอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงฤดูกาลนี้ เกิดจากสาเหตุที่เกี่ยวกับฝน ไม่ว่าจะถนนลื่น ฝนตก ทัศนวิสัยไม่ดี หรือแม้กระทั่งลมแรงที่พัดเอากิ่งไม้ ป้ายโฆษณาหล่นลงมาทับรถ ข้อมูลนี้สอดคล้องกับสถิติการเคลมประกันรถยนต์ของหนึ่งในพาร์ทเนอร์บนแพลตฟอร์มแรบบิท แคร์ ปี 2565 พบว่าเดือนที่มีการเคลมประกันมากที่สุด 3 ใน 5 อันดับแรกอยู่ในช่วงฤดูฝน ได้แก่ เดือนพฤษภาคม เดือนมิถุนายน และเดือนสิงหาคม

ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจึงเริ่มหันมามองหาประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมมากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ มีเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้นที่ครอบคลุมทุกความเสี่ยงตั้งแต่การเฉี่ยวชน อุบัติเหตุ การก่อการร้าย ไปจนถึงเหตุไม่คาดฝันจากภัยธรรมชาติจนเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ เช่น ฝนตก น้ำท่วม รถลื่นไถล เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการเลือกซื้อประกันชั้น 2+ บางตัวที่มีความคุ้มครองที่ได้กล่าวไปข้างต้น ผู้บริโภคจำนวนมากอาจยังไม่ทราบว่า ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ไม่ได้ครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำท่วมในทุกแผนประกัน เพราะมีเพียง 16% จากผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มแรบบิท แคร์เท่านั้นที่มีความคุ้มครองครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำท่วม ฉะนั้น ผู้บริโภคที่มีความกังวลและต้องการความคุ้มครองดังกล่าว จึงควรศึกษารายละเอียดความครอบคลุมของการรับประกันให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ อีกหนึ่งตัวช่วยคือการบริการจากที่ปรึกษาการขายที่พร้อมรับฟังและมีความสามารถในการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด 

จากสถิติของแรบบิท แคร์ พบว่าความนิยมในประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ส่วนหนึ่งมาจากการจัดโปรโมชั่นที่น่าสนใจและหลากหลาย ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ที่ตรงตามงบประมาณที่ตั้งไว้ได้มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2563 ผู้ที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ คิดเป็นประมาณ 14% ของทั้งหมด โดยเพิ่มเป็น 19% ในปี 2564 และกว่า 30% ในปี 2565

จากแนวโน้มนี้ แรบบิท แคร์ ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ประกันภัยชั้นนำมองเห็นโอกาสที่จะสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มรูปแบบ จึงได้จัดโปรโมชั่น พิเศษ “แคร์ ครบ คุ้ม” สำหรับผู้ซื้อประกันภัยรถยนต์ทุกชั้นที่แรบบิท แคร์ เราพร้อมเสนอความ “แคร์” ด้วยการประสานความช่วยเหลือเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากทีมผู้เชี่ยวชาญทันทีที่แจ้งเหตุ และยังสามารถเลือกซ่อมกับอู่ที่ได้มาตรฐานทั่วประเทศในเครือข่ายของบริษัทประกันนั้น ๆ พร้อมการให้ความคุ้มครองที่ “ครบ” ทุกปัญหาหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม รถลื่นไถล ต้นไม้หรือป้ายล้มทับ
จากลมแรงหรือฝนตกหนัก
 และ “คุ้ม” สำหรับรถยนต์ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะซื้อประกันชั้น หรือ 2+ ผ่านแรบบิท แคร์ ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียงเดือนละ 625 บาท ประหยัดสูงสุดได้มากถึง 70% โดยลูกค้าสามารถผ่อนเบี้ยประกันดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน

ประกันภัยรถยนต์บนแพลตฟอร์มของแรบบิท แคร์มีหลายแพ็คเกจจากหลายบริษัทที่ครอบคลุมความเสี่ยงจากสภาพการขับขี่ในฤดูฝนให้ผู้ขับขี่เลือกตามความต้องการ ได้แก่ แพ็คเกจ GG Motor By Region ประกันภัยชั้น จากกรุงเทพประกันภัย (BKI) ที่กำหนดค่าเบี้ยประกันภัยแตกต่างกันไปตามภูมิภาค สามารถซ่อมได้ที่อู่ในเครือข่ายทั่วประเทศ และยังคุ้มครองความเสียหายจากภัยก่อการร้าย

ส่วนในกลุ่มประกันภัยรถยนต์ 2+ มีแพ็คเกจหลากหลายมากขึ้น ที่เพิ่มความคุ้มครองจากเหตุทีมาจากฝน โดยธนชาตประกันภัย มีแผนประกันภัยรถยนต์ “ธนชาต 2+ จัดเต็ม” ที่ลูกค้าสามารถซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติมได้ โดยจะมีวงเงินคุ้มครองให้สูงสุด 100,000 บาทต่อครั้ง เป็นความคุ้มครองที่จะได้รับเพิ่มเติมนอกเหนือจากความคุ้มครองพื้นฐาน เช่น คุ้มครองรถเกิดอุบัติเหตุจากการชน รถยนต์สูญหาย และไฟไหม้ คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และทรัพย์สิน การให้ค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร การประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา รวมไปถึงการดูแลที่ครอบคลุมถึงหลังการชน เช่น ชดเชยค่าเดินทางระหว่างที่รอซ่อมรถ เงินชดเชยรายได้ขณะเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีบริการช่วยเหลือบนท้องถนน 24 ชั่วโมง นับเป็นแผนความคุ้มครองที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกความเสี่ยงภัย และลูกค้าสามารถเลือกทุนประกันภัยได้เองตามต้องการ 

เพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแผนประกันภัยต่าง ๆ รวมถึงการเปรียบเทียบเงื่อนไข ราคา  แรบบิท แคร์ ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการความแคร์เวอร์ชั่นล่าสุด CareOS 2.0 ลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลส่วนตัวและความต้องการเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ และระบบจะประมวลผล แสดงแผนประกันที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าออกมาได้ในเวลา 30 วินาทีเท่านั้น หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา ทาง Care Center ก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ แรบบิท แคร์ ยังมีฟีเจอร์ Customer Portal ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะกรมธรรม์รถยนต์  จัดการเอกสาร และเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้เองได้สะดวกรวดเร็วผ่านเว็บไซต์และ Line OA @rabbitcare พร้อมทั้งเข้าถึงบริการช่วยเหลือและสิทธิพิเศษมากมาย

เมื่อเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ตามความต้องการเฉพาะตัวแล้ว ลูกค้ายังสามารถร่วมกิจกรรมพิเศษกับแรบบิท แคร์ เพื่อลุ้นเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อ SHARP มูลค่ากว่า 5,990 บาท ได้ที่เฟซบุ๊กแรบบิท แคร์ ได้ที่ (คลิก)

ถึงจะมีประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมความเสี่ยงในฤดูฝนแล้ว อย่าลืมใช้ความระมัดระวังมากขึ้ในการขับขี่บนท้องถนน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและเพื่อนร่วมทาง

วว. รับสมัครพนักงานใหม่ประจำศูนย์บริการนวัตกรรมเครื่องสำอางแบบครบวงจร ICOS

 


กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดย ศูนย์บริการนวัตกรรมเครื่องสำอางแบบครบวงจร (Innovative Cosmetic Services Center : ICOS) มีภารกิจให้บริการเบ็ดเสร็จ ครบวงจร ด้านการผลิตเครื่องสำอาง แก่ผู้ประกอบการ SMEs  Startup วิสาหกิจชุมชน เพื่อต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เสริมแกร่งเศรษฐกิจประเทศ ประสงค์เปิดรับพนักงานใหม่ จำนวน 2 อัตรา (ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่) ดังนี้

1)       เจ้าหน้าที่ผลิต 1 อัตรา

คุณสมบัติ

·       วุฒิ ปวส.ขึ้นไปทุกสาขา

·       สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานได้

·       สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว

·       มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

·       ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ทำงานภายใต้แรงกดดันได้

หน้าที่และความรับผิดชอบ

·       จัดทำเอกสารบันทึกการผลิตและข้อมูลที่เกี่ยวข้อกับการผลิตตาม COSMETIC GMP

·       ดูแลรักษาและเตรียมความพร้อมของเครื่องมือในการผลิตให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

·       ดำเนินการผลิตเครื่องสำอางตามแผนการผลิตและงานอื่นๆที่ได้รับมอบหมาย

·       รายงานผลการดำเนินงานประจำเดือน

 

2) เจ้าหน้าที่คลังสินค้า 1 อัตรา

    คุณสมบัติ

·       วุฒิ ปวส.ขึ้นไปทุกสาขา

·       สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานได้

·       สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว

·       มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย

·       ชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ ทำงานภายใต้แรงกดดันได้

หน้าที่และความรับผิดชอบ

·       จัดทำเอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับคลังวัตถุดิบ,บรรจุภัณฑ์และสินค้าสำเร็จรูป ตามระบบGMP

·       จัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าเข้าคลังสินและดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่จัดเก็บ

·       จัดของตามใบเบิกให้ฝ่ายผลิตตามแผนการผลิตและจัดเก็บเข้าที่หลังใช้งานแล้ว

·       ตรวจสอบจำนวนวัตถุดิบ,บรรจุภัณฑ์และสินค้าที่รับเข้าคลังและงานอื่นๆที่ได้รับมอบหมาย

·        รายงานผลการดำเนินงานประจำเดือน

 

สถานที่ปฏิบัติงาน : โรงงานศูนย์บริการนวัตกรรมเวชสำอางแบบครบวงจร (ICOS) วว.

    35 หมู่ 3 ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-577-9000 ต่อ 9243, 9091  

    มือถือ  061-397-8382 (มณีรัตน์)


วีซ่า เผย 86% ของผู้บริโภคชาวไทยอยากหันมารับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น

 


กรุงเทพฯประเทศไทยวันที่ 28 มิถุนายน 2566: วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ (86%) ตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น การศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) ชี้ให้เห็นว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม (43%) เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบแล้วในชีวิตประจำวัน โดยอีก 43% วางแผนที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อซื้อสินค้าในอนาคต

 

การศึกษาฉบับนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า 89% ของผู้บริโภคชาวไทยเลือกที่จะชำระเงินแบบไร้เงินสดในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การชำระผ่านบัตร โมบายวอลเล็ต หรือโมบายแบงค์กิ้ง ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเงินสดหรือคริปโตเคอร์เรนซี นอกจากนี้เกือบครึ่ง (48%) ยังเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบในราคาและคุณภาพที่เท่ากัน โดยอีก 23% ยอมจ่ายมากขึ้นให้แก่บริษัทที่ใส่ใจและให้คุณค่าเรื่องความยั่งยืน

 

ซีรีน เกย์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า วีซ่า เล็งเห็นผู้บริโภคในประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาคกำลังสนใจเรื่องความยั่งยืน และเลือกที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาเราได้สนับสนุนการสัญจรในเมืองแบบคาร์บอนต่ำตลอดจนร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารเพื่อพัฒนานวัตกรรมในการเพิ่มความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการชำระเงิน ในฐานะเครือข่ายการให้บริการการชำระเงินระดับโลก เราอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่แสวงหาบริการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านให้ประเทศไทยก้าวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) โดยปีที่ผ่านมาเราได้เปิดตัว Visa Eco Benefits โซลูชันทางการเงินที่สามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการใช้จ่ายผ่านบัตรของพวกเขา และยังสามารถเลือกกิจกรรมการชดเชยคาร์บอน (carbon offsetting) หรือเลือกบริจาคเพื่อการกุศล ผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของธนาคารที่ใช้บริการได้อีกด้วย

 

โดยสามในสี่ของผู้บริโภคชาวไทย (75%) เลือกที่จะใช้จ่ายผ่านบัตรที่ผลิตจากวัสดุรักษ์โลก ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนที่เสนอโดยผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน และผู้บริโภคชาวไทยยังต้องการทราบถึงเคล็ดลับและข้อมูลเกี่ยวกับการบริโภคเพื่อความยั่งยืนแบบเฉพาะบุคคลอีกด้วย (74%) นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสที่จะบริจาคเพื่อการกุศลในทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร (71%) และหาโอกาสที่จะชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผ่านโครงการปลูกป่าหรือการใช้พลังงานสะอาด (69%)

 

นอกจากนี้ มากกว่าสี่ในห้าของผู้บริโภคชาวไทย (82%) ประสงค์จะบริจาคด้วยคะแนนสะสมเพื่อสิ่งที่มีความหมายยิ่งขึ้นกว่าการแลกของรางวัล โดยเกินกว่ากึ่งหนึ่ง (56%) พร้อมที่จะบริจาคด้วยคะแนนสะสมบางส่วน ในขณะที่หนึ่งในสี่ (26%) ของผู้ตอบแบบสอบถามพร้อมบริจาคคะแนนสะสมทั้งหมด

 

สำหรับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมสามอันดับแรกที่ผู้บริโภคชาวไทยพร้อมที่จะบริจาคคะแนนสะสมของพวกเขา คือ โครงการบริหารจัดการขยะและการรีไซเคิล (50%) การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน (46%) และการลดมลพิษทางอากาศและทางน้ำ (43%) ขณะที่ประเด็นด้านสังคมสามอันดับแรกที่ผู้บริโภคชาวไทยต้องการเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นผ่านการบริจาคคะแนนสะสมของพวกเขา คือ ด้านสาธารณสุข (22%) การบรรเทาภัยพิบัติ (20%) และการศึกษาเท่าเทียม (12%)

 

เดลต้า ประเทศไทย ได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน ESG100 Universe ประจำปี 2566 โดยสถาบันไทยพัฒน์เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน ตอกย้ำความสำเร็จด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

 


สมุทรปราการ ประเทศไทย วันที่ 28 มิถุนายน 2566 - บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ได้รับการคัดเลือกจากหน่วย ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์เข้าร่วมเป็น 100 บริษัท/กองทุน/กองทรัสต์ ที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในประเทศไทยในปี 2566 หรือ  ESG100 Universe ของสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ ติดต่อกันที่เดลต้าได้รับรางวัลนี้สำหรับผลงานดีเด่นในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

 

เดลต้าเป็นหนึ่งใน 100 บริษัทชั้นนำด้านการดำเนินงานด้านความยั่งยืนซึ่งได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อ ESG100 ประจำปี 2566 จากทั้งหมด 888 บริษัท/กองทุน/กองทรัสต์ใน 36 อุตสาหกรรมที่ได้รับการประเมินโดยสถาบันไทยพัฒน์ โดยใช้ข้อมูลอ้างอิง ESG ประมาณ 16,445 รายการจากเอกสารที่สาธารณชนเข้าถึงได้

 

ตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2558 หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันไทยพัฒน์ได้ทำการจัดอันดับและรวบรวมรายชื่อบริษัท ESG100 โดยใช้แนวทางตามมาตรฐานการประเมินความยั่งยืนของ GISR (Global Initiative for Sustainability Ratings) ทั้งนี้สถาบันไทยพัฒน์ได้แบ่งบริษัทที่อยู่ในรายชื่อ ESG100 ออกเป็นแปดประเภท และมีเดลต้าเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของหมวดเทคโนโลยี

 

ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ถูกรวมอยู่ในดัชนี Thaipat ESG ซึ่งนักลงทุนจากทั่วโลกสามารถใช้เป็นมาตรฐานกับบริษัททั่วโลกในเมตริกต่าง ๆ รวมถึงผลตอบแทนจากราคา (Price Return), ผลตอบแทนการลงทุนรวม (Total Return), ผลตอบแทนรวมสุทธิ (Net Total Return) ซึ่งดัชนี Thaipat ESG ถูกคำนวณและเผยแพร่ในรูปแบบของดัชนี S&P Dow Jones Custom

 

นับตั้งแต่เปิดตัว เดลต้าจัดอยู่ในรายชื่อประจำปีของสถาบันไทยพัฒน์ในฐานะบริษัทที่มีผลงานด้าน ESG ที่โดดเด่นที่สุดในตลาดหุ้นไทย การได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องของเดลต้าเป็นผลมาจากกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีประสิทธิภาพและมีมูลค่าเพิ่มที่ดีเลิศสำหรับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ข้าวมาบุญครอง เจ้าของตำนานข้าวสารบรรจุถุงของไทย ร่วมส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ สู่อุตสาหกรรมเกษตรที่มีประสิทธิภาพ


 

หากกล่าวถึง ข้าวมาบุญครอง ข้าวถุงรายแรกของประเทศ ที่ถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งตำนานข้าวถุงไทย โดยปัจจุบันอยู่เคียงข้างครอบครัวไทยมายาวนานกว่า 44 ปี และยังเป็นผู้นำในการนำนวัตกรรมเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับข้าว หลังจากนำนวัตกรรมวาล์ว-ล็อคมาไว้บนบรรจุภัณฑ์ข้าวสารบรรจุถุงเป็นรายแรกของโลก เพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่ของข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดูได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีนโยบาย ส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพให้เยาวชนเติบโตเป็นบุคคลกรที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ที่เป็นอาชีพหลักของคนไทย  เพื่อร่วมกันสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในกลไกช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีให้กับประเทศ

ล่าสุดได้สนับสนุนกิจกรรมเข้าค่ายจำลองกิจกรรมการผจญภัย ในรั้วมหาวิทยาลัยของคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากไอเดียสร้างสรรค์ ของนิสิตชั้นปีที่ ที่มีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไปในแต่ละปี โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ เพื่อต้อนรับนิสิตใหม่ของคณะฯ ให้มีความพร้อมและการวางแผนที่ดี ก่อนก้าวเข้าสู่การใช้ชีวิตจริงภายในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ และประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นางสาวมัลลิกา บุระขันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด กล่าวว่า ขอบคุณคณะอุตสาหกรรมเกษตรที่ให้โอกาสข้าวมาบุญครอง ได้เข้ามามีส่วนร่วม ทำกิจกรรมกับน้องๆนิสิตในครั้งนี้ เพื่อร่วมส่งเสริมประสบการณ์ เตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการ และกิจกรรมที่จะเป็นองค์ความรู้ ช่วยพัฒนาศักยภาพในมิติต่างๆ ให้กับนิสิต ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ๆ ช่วยยกกระดับผลิตภัณฑ์ และสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรของไทย รวมทั้งกิจกรรมดังกล่าวยังช่วยสร้างความผูกพันธ์ระหว่างแบรนด์ข้าวมาบุญครอง และเหล่านิสิตที่เป็นคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนแง่มุม เพื่อให้แบรนด์ข้าวมาบุญครอง เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น

นางสาวชุติกาญจน์ จูกระโทก นิสิตฝ่ายประสานงานโครงการฯ กล่าวเสริมว่า โครงการนี้เป็นกิจกรรมที่สานต่อกันมารุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นกิจกรรมช่วยแนะแนวน้องๆ นิสิตใหม่ ให้รู้จักคณะอุตสาหกรรมเกษตร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มากยิ่งขึ้น ผ่านไอเดียการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ของนิสิตชั้นปีที่ ในแต่ละปี รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง ให้สนิทกันมากยิ่งขึ้น เพื่อคอยดูแล ช่วยเหลือกันและกันไปจนจบปีการศึกษา 

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีอย่างข้าวมาบุญครอง ที่เล็งเห็นความสำคัญในการจัดกิจกรรมของเรา พร้อมทั้งให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์และของรางวัล เพื่อเป็นแรงสนับสนุนเปิดพื้นที่ให้กับพวกเราได้จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ สอดคล้องกับนโยบายในการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของคณะอุตสาหกรรมเกษตร เพื่อให้นิสิตมีประสบการณ์ การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ นอกเหนือจากการศึกษาข้อมูลด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มอบดอกไม้แสดงความยินดี GRAND OPENING ร้าน KENZO SUISAN อิซากายะสไตล์ฮามายากิ นำเข้าอาหารทะเลสด ๆ ย่างบนเตาแบบญี่ปุ่นหอมกรุ่นที่ชั้น 2 โซน A

 


ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ นำโดย นายสมพล ตรีภพนารถ (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า นายวิศาล สิปิยารักษ์​ (ที่ 7 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายบริหารพื้นที่เช่าและผู้เช่าสัมพันธ์ พร้อมด้วย นางสาวฐิติรัตน์ ประสงค์ผล (ที่ จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายพื้นที่เช่าและผู้เช่าสัมพันธ์ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้เช่าสัมพันธ์มอบดอกไม้แสดงความยินดีแก่ นายประสงค์ศักดิ์ อักษรมัต (ที่ 6 จากซ้าย) และ นายพงศรักษ์ แท่นประยุทธ (ที่ 5 จากซ้าย) กรรมการบริษัท เคนโซ เอ็ม จำกัด เนื่องในโอกาส Grand Opening ร้าน KENZO SUISAN (เคนโซ่ ซุยซัน) อิซากายะสไตล์ฮามายากิ นำเข้าอาหารทะเลสด ๆ ย่างบนเตาแบบญี่ปุ่นกลิ่นหอมยั่วใจ เครื่องดื่มและอาหารหลากหลายเมนูละลานตา ณ ชั้น โซน เมื่อเร็ว ๆ นี้


“ควิกแสบ” ร่วมสนับสนุนงานเดิน-วิ่ง การกุศล สมทบทุนฯ 70ปี โรงพยาบาลกระบี่

 


นางสาวบุษยากร ศรีสุทำ(ขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควิกแสบ นำทีมร่วมงาน Krabi Hospital Mini-Half Marathon 2023 กิจกรรมเดิน - วิ่งการกุศลเพื่อโรงพยาบาลกระบี่ ครั้งที่ เนื่องในโอกาส ครบรอบ 70 ปีการก่อตั้งโรงพยาบาลกระบี่ ภายใต้แนวคิด Run  For Share ให้ด้วยใจไม่สิ้นสุด” พร้อมมอบเงินสนับสนุนสมทบทุนในการปรับปรุงอาคารและจัดชื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์สุรัตน์ ตันติทวีวรกุล(ซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ รับมอบและให้การต้อนรับ ณ สวนสาธารณะธารา เทศบาลเมืองกระบี่ เมื่อเร็วๆ นี้

วว. /วช. ปั้นผู้ส่งเสริมพัฒนาแปลงเกษตรรุ่นที่ 2 มุ่งยกระดับมาตรฐานการเกษตรของไทยให้ยั่งยืน

 


ดร.พัชทรา   มณีสินธุ์   รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ผู้ส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตร รุ่นที่ 2”  ซึ่ง วว. โดย หน่วยฝึกอบรม กลุ่มบริการอุตสาหกรรม  ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยและนวัตกรรมจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  ในการดำเนินโครงการ “การถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อสร้างผู้ส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตร และผู้ประเมินแปลงเกษตรเบื้องต้น ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและเกษตรอินทรีย์เพื่อยกระดับท้องถิ่นไทย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ภาคการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบตั้งต้นของอาหาร มีความรู้เรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและเกษตรอินทรีย์  มีคุณภาพชีวิตที่ดีและปลอดภัย  นำไปสู่การกำหนดนโยบายเพื่อให้มีผู้ส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตรในระดับท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชมรมเพื่อนปาริชาต วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพตำบลบางคูวัด และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรทางการแพทย์เพื่อสังคม ในวันที่  28 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 5 อาคาร Admim วว. เทคโนธานี คลองห้า จังหวัดปทุมธานี

“...ปัจจุบันประเทศไทยตระหนักถึงการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์กับคุณภาพชีวิตและการศึกษาเพิ่มมากขึ้น มีการยกระดับคุณภาพการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง มีการบริโภคอาหารปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอาหารในกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเกษตรอินทรีย์ได้ถูกกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ทุกภาคส่วนร่วมปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตที่พึ่งพาการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี มาเป็นการพึ่งตนเองในการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารอินทรีย์ โดยเป็นประโยชน์ในทุกมิติ ทั้งมิติของอาหารปลอดภัย ความปลอดภัยของเกษตรกร การประหยัดค่าใช้จ่าย การฟื้นฟูนิเวศของดิน/ทรัพยากรธรรมชาติ และการสำนึกต่อผู้บริโภคด้านความปลอดภัย ช่วยลดการบริโภคที่มีสารเคมีตกค้าง ลดอัตราการเจ็บป่วยซึ่งเกิดจากการบริโภคอาหารที่มีสารพิษในแต่ละปี โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่นับเป็นสาเหตุของการตายในลำดับต้นๆของประเทศไทย อย่างไรก็ตามพบปัญหาหลักคือ กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ยังไม่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตรอย่างทั่วถึง และยังไม่ได้รับการประเมินแปลงเกษตรอย่างเพียงพอตามไปด้วย ส่งผลให้ไม่สามารถต่อยอดไปสู่การได้รับการตรวจประเมินรับรองมาตรฐานทางการเกษตรและเกษตรอินทรีย์ได้...” รองผู้ว่าการบริการอุตสาหกรรม วว. กล่าวถึงที่มาในการดำเนินโครงการฯ

ทั้งนี้การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ผู้ส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตร รุ่นที่ 2” ถ่ายทอดความรู้นำโดย นางชลธิชา นิวาสประกฤติ  นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ กลุ่มวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. และทีมคณะวิจัย บรรยายเรื่อง มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 9000-2564  ใน 2 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1) เกษตรอินทรีย์ ในด้านการผลิต การแปรรูป การแสดงฉลากและการจำหน่าย ผลิตผลและผลิตภัณฑ์อินทรีย์ และ  2) การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร  ซึ่งจะก่อให้เกิดการจัดการความรู้ การมีส่วนร่วม และการนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ให้มีศักยภาพในการส่งเสริมและพัฒนาแปลงเกษตรของตนเองและชุมชน เป็นการพึ่งพาตนเอง รวมทั้งช่วยสร้างอาชีพและรายได้ ตลอดจนส่งเสริมการยกระดับมาตรฐานทางการเกษตรของประเทศไทยให้ยั่งยืน


MBK จับมือ SET และ พันธมิตรผู้ประกอบการ SE จัดงานผ้าเปลี่ยนโลก ครั้งที่ 5 ตลาดนัดเพื่อสังคม รวบรวมงาน Craft มีสไตล์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจากชุมชนทั่วประเทศถึงผู้บริโภคกลางกรุง

 


เอ็ม บี เค บริษัทชั้นนำของคนไทย ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเครือข่ายพันธมิตร ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม SE จัดงาน ผ้าเปลี่ยนโลก (Craft for Changeตลาดนัดเพื่อสังคมที่รวบรวมกลุ่มหัตถกรรมผ้าทอมือ งาน Craft มีสไตล์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจากชุมชนทั่วประเทศถึงผู้บริโภคใจกลางกรุงและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อสนับสนุนช่องทางจำหน่ายและขยายตลาดอย่างต่อเนื่องให้กับสินค้าหัตถกรรมผ้าไทยที่มีดีไซน์ร่วมสมัยและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม รวมถึงสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งงาน ผ้าเปลี่ยนโลก (Craft for Changeจัดติดต่อกันทุกปี ปีนี้เป็นครั้งที่ 5 จัดขึ้นระหว่าง วันพุธที่ 28  วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 ณ ลานเซ็นเตอร์ ฮอลล์ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก นายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กรและพัฒนาเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมทำพิธีเปิด ซึ่งในพิธีเปิดยังสร้างความตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของผ้าไทยในการแสดงแฟชันโชว์สุดพิเศษ ชุด ผ้าเปลี่ยนโลก Craft for Change 2023

นายสมพล ตรีภพนารถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอ็ม บี เค ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจและการลงทุนที่เน้นความยั่งยืน ตามแนวทาง ESG คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งกิจกรรม ผ้าเปลี่ยนโลก (Craft for Change) เป็นโครงการที่สนับสนุนพื้นที่ของศูนย์การค้า  เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการเพื่อสังคม (SE) และ ชุมชนจากทั่วประเทศ ในการขยายตลาดและเพิ่มช่องทางจำหน่ายงานหัตถกรรมผ้าไทย ที่มีการนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาผสมผสานกับการรังสรรค์ดีไซน์ร่วมสมัย ฝีมือประณีตสวยงาม และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ อยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางเมือง ลูกค้าคนไทยเดินทางมาร่วมงานสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS และมีลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกที่จะได้ร่วมสัมผัสความงดงามของผ้าไทยในแต่ละท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน สร้างสรรค์เป็นผลงานที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก (Limited Editionนอกจากนี้ต้องขอบคุณพันธมิตร SET และ ผู้ประกอบการ SE ที่ร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้สังคม ส่งเสริมการสืบทอดภูมิปัญญาผ้าไทยและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน

ด้าน นางสาวนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กรและพัฒนาเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนดำเนินงานด้วยความยั่งยืนในทุกมิติ เน้นให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ที่ดีให้แก่สังคม งานผ้าเปลี่ยนโลก (Craft for Change) เป็นตัวอย่างหนึ่งของการทำงานร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจกับผู้ประกอบการ SE อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้ร่วมสนับสนุน ผู้ประกอบการ SE ที่อยู่ใน SET Social Impact Platform ร่วมแสดงสินค้าภายในงาน โดยบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนช่องทางการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคม ครอบคลุมพื้นที่ในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อนำรายได้กลับไปช่วยเหลือสังคม ดูแลสิ่งแวดล้อม และสืบสานวัฒนธรรมผ้าพื้นถิ่นไทยต่อไป

ภายในงาน ผ้าเปลี่ยนโลก (Craft for Changeมีผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม หรือ SE (Social Enterprise) ร่วมออก      บูธจำนวน 20 ร้านค้า ได้แก่ กนกผ้าฝ้ายฝ้ายจ๋ายาใจบ้านหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัยยาโน แฮนดิคราฟท์Banana Land, escape issue, FOLKCHARM, HEARTIST, HOMRAK, IndyEko & aom shoes, JUTATIPKhaisaeng Handmade, LARINN BY DOUBLE P, MAKA DesignMUNZAA, P'Liv และ พันธมิตรผู้ประกอบการ SE รายใหม่ ๆ ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมในปีนี้ ได้แก่ HomeNet Thailand Brand ผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือจากหลาย ๆ จังหวัด Designed by WISHULADA กระเป๋าดีไซน์ชิค ๆ โดยศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายในงานยังมีกิจกรรมเวิร์คช็อปงานคราฟต์ที่น่าสนใจ พร้อมโปรโมชันเมื่อช้อปสินค้าภายในงานครบ 800 บาทขึ้นไป แลกรับฟรี ของที่ระลึกสุดคูล กระเป๋าผ้าขาวม้าสุดคูล

ตัวแทนผู้ประกอบการ SE ที่ร่วมออกบูธในงานผ้าเปลี่ยนโลกติดต่อกันทุกปี ตั้งแต่ปีแรกจนถึงครั้งนี้ นางสาวภัสสร์วี ตาปสนันทน์ ผู้ก่อตั้ง FOLKCHARM กล่าวว่า FOLKCHARM ร่วมกิจกรรมกับ MBK มาตั้งแต่ต้นในการจัดงาน รู้สึกว่าทาง MBK ใส่ใจและสนใจในการสนับสนุนผ้าไทยร่วมสมัยจริง ๆ โดยได้สร้างตลาดที่ต่อเนื่องให้กับผู้ประกอบการชุมชนและแบรนด์ที่มี Passion ในการทำงานนี้ รู้สึกขอบคุณที่องค์กรใหญ่แบบ MBK เห็นความสำคัญของงานพวกเราและอยากให้สนับสนุนต่อไปค่ะ อยากเชิญชวนให้มาร่วมชมผลงานของชุมชนต่าง ๆ และแบรนด์ที่มีแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ของตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม สินค้าที่มีเอกลักษณ์ เสื้อผ้าที่ใส่แล้วสวยจริง ๆ ที่สำคัญได้ส่งเสริมชุมชนและไม่เป็นภาระให้กับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

ด้านตัวแทนผู้ประกอบการ SE รายใหม่ ๆ ที่มาร่วมออกบูธเป็นปีแรก นางสาววิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ เจ้าของแบรนด์ WISHULADA กล่าวว่า “เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ของแบรนด์ WISHULADA ที่ได้เข้าร่วมงานผ้าเปลี่ยนโลกที่ MBK จัดขึ้นค่ะ เพราะ MBK มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเดิน จึงทำให้ชาวต่างชาติได้เห็นศักยภาพงานฝีมือของคนไทย รวมถึงงานนี้ยังรวบรวมผู้ประกอบการสิ่งทอ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตั้งแต่กระบวนการผลิตผ้าไทยเป็นผืน สู่การนำผ้าไทยมาออกแบบประยุกต์เป็นสินค้าประเภทต่าง ๆ ที่ร่วมสมัย ซึ่งเป็นการชูศักยภาพงานฝีมือของคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังเป็นการนำเสนอแนวทางการรักสิ่งแวดล้อมผ่านสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การฟอกย้อมที่ใช้สีธรรมชาติ การต่อยอดเศษผ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด บูธ WISHULADA มีสินค้าอัพไซเคิลเศษผ้าไทยผสมผสานเศษวัสดุเหลือใช้นำมาให้ทุกท่านได้เลือกสรรและเกิดแรงบันดาลใจในการต่อยอดเศษวัสดุ ทุกผลงานของ WISHULADA มีสีและลวดลายของเศษผ้าที่ต่างกัน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสีสันของธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ทุกใบเปรียบกับงานศิลปะ เพราะมีเพียง เดียวบนโลก นอกจากนี้ในงานยังมีบูธอีกมากมาย ผลิตภัณฑ์ผ้าจากทั่วประเทศมาให้ช้อปกันค่ะ”

##

 

#MBK #ผ้าเปลี่ยนโลก #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #ตลาดนัดเพื่อสังคม #ผ้าไทย #EcoProduct


บีโอไออนุมัติ Chery ค่ายรถยนต์รายใหญ่จีน ตั้งฐานผลิต EV ในไทย

            บีโอไอ เผยผลสำเร็จการดึง Chery บริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทยเป็นรายล่าสุด หลังจากหารือกันกว่า 2 ปี โดย...