วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เผยเบื้องลึก ความสำเร็จ พร้อมก้าวสู่ปีที่ 12 ของ “ฟูลมูน” ผู้คอยผลักดันตลาดเครื่องดื่ม RTD ไทย ให้มีสีสันอย่างต่อเนื่อง

 


เดินทางต่อเนื่องมาถึงปีที่ 12 อย่างสวยงาม สำหรับแบรนด์แห่งสัญลักษณ์ “พระจันทร์เต็มดวง” “ฟูลมูน” ในตลอดระยะเวลา 12 ปี มักจะนำเสนอจุดเด่นด้วยการสร้างไอเดียแปลกใหม่ที่ล้วนมาจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัย สะท้อนความสดใส และส่องสว่าง เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่เติบโตไปพร้อมกับวัยรุ่นทุกยุคสมัยอย่างแท้จริง

 

ฟูลมูนนั้น อยู่ภายใต้ บริษัท รอยัล เกทเวย์ จำกัด โดยมีคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นหัวเรือใหญ่ที่สร้างให้ฟูลมูนครองใจวัยรุ่นทั้งประเทศได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 12 ปี  โอกาสนี้ ได้พูดคุยกับคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ถึงประวัติความเป็นมาของฟูลมูน ณ จนถึงวันนี้ที่เติบโตมากว่า 12 ปี เล่าด้วย ประสบการณ์การบริหารที่เข้าใจธุรกิจนี้อย่างถ่องแท้ ผู้ที่นำฟูลมูนประสบความสำเร็จครองใจกลุ่มลูกค้าในตลาด

 

ฟูลมูนแบรนด์ที่สร้างตัวตนอย่างเข้าใจคนในทุกยุคสมัย

ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในด้านการสื่อสารของทุกแคมเปญภายใต้ฟูลมูน แบรนด์จะมีจุดเด่นคือ การที่เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัยตลอดเวลา แบรนด์ฟูลมูนจึงมีการปรับเปลี่ยนการสื่อสารให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคเรื่อยมา เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่กำลังเติบโตเคียงข้างไปพร้อมกับวัยรุ่นในแต่ละยุคสมัย

 

โดยในช่วงแรกๆ ฟูลมูนเลือกนำเสนอตัวตนของแบรนด์ผ่านทางการออกแบบ Packaging ที่แตกต่างด้วยความคลาสสิกสีทองของฉลาก ตามสมัยนิยมแห่งยุคและความชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังขี้เล่นและสร้างความสนุกซุกซนด้วยการซ่อน Easter Egg เล็กๆ เป็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยตรงมุมขวาด้านล่างของโลโก้พระจันทร์ โดยเจ้ากระต่ายค่อยๆเติบโตเปลี่ยนผ่านมาถึงปัจจุบันจนเจ้ากระต่ายมีรูปร่างโตเต็มวัย

ในปีที่12 นี้ ฟูลมูนได้รีเฟรชแบรนด์เพื่อสะท้อนจุดยืนว่า ฟูลมูนคือแบรนด์ที่เข้าใจและพร้อมเติบโต และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปพร้อมกับวัยรุ่นในทุกยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา

 

กระต่าย” สัญลักษณ์ ที่ให้นัยยะสะท้อนพฤติกรรมที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

การสร้างแบรนด์สตอรี่ของฟูลมูนนั้น ฟูลมูนได้สร้างคาแรคเตอร์ของกระต่ายขึ้นมาเป็นตัวแทนของผู้ที่มีชีวิตในโลกปัจจุบันด้วยบุคลิกซุกซนและกล้ากระโดดออกจากกรอบเดิมๆ เปรียบเสมือนกระต่ายคือเพื่อนร่วมเดินทางของวัยรุ่นที่อยู่เคียงข้าง เปิดทุกประสบการณ์ใหม่ไปพร้อมกัน และสร้างภาพจำว่าทุกครั้งที่เห็นเจ้ากระต่ายที่กล้ากระโดดออกมาจากดวงจันทร์คือสัญลักษณ์แห่งความกล้าที่เต็มไปด้วยสีสันและถึงเวลาที่จะออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

 

พูดถึงกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” การสร้างกระแสปากต่อปาก เป็นยุทธศาสตร์การตลาดที่ประสบความสำเร็จของฟูลมูน แบรนด์

นับตั้งแต่ปี 2552 ได้เปิดกลยุทธ์ทำการตลาดฟูลมูนในประเทศไทยแบบป่าล้อมเมือง เพราะแบรนด์ฟูลมูน เล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งคนไทยชื่นชอบการเดินทางคู่กับการดื่มสังสรรค์เสมอ ในวันนั้นย้อนไปประมาณเมื่อ 12 ปี เราเห็นโอกาสในการให้ฟูลมูนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การดื่มที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงแต่กลุ่มลูกค้าจากต่างจังหวัดแต่ยังรวมไปถึงกลุ่มลูกค้าในเมืองที่ออกมาท่องเที่ยวต่างจังหวัดด้วย โดยเป้าหมายของแบรนด์ฟูลมูนนั้นคือ ฟูลมูนนั้นจะต้องกลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่จะสามารถสร้างประสบการณ์เติมเต็มสุขในการพักผ่อนระหว่างการท่องเที่ยวในไทยของกลุ่มเป้าหมายในยุคนั้น เราจึงเริ่มวางจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ตลาดต่างจังหวัด เริ่มจากโซนแหล่งท่องเที่ยวไปถึงร้านขายของฝากและร้านขายส่งที่นักเที่ยวจะสามาถซื้อสินค้าไปเป็นลังไปดื่มด่ำแบบเบาๆ กับเพื่อนร่วมทริป หลังจากนั้นเราจึงค่อยๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากนอกเมือง ขยับมาจนถึงกลางเมือง จนเติบโตและทำให้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองนั้นสมบูรณ์

 

ถ้าให้พูดถึงผู้บริโภคนั้น เราจะเห็นกลุ่มนักเที่ยวนักเดินทางมักจะเลือกซื้อหาสินค้าฟูลมูนจากร้านขายส่งและร้านสะดวกซื้อบริเวณแหล่งที่พักและนำไปดื่มตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดตามเทศกาลของไทยจะปรากฏลังหรือขวดของฟูลมูนอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ทะเล ดอย น้ำตก ตลาดน้ำ โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท แม้กระทั้ง ลานกางเต็นท์ต่างๆ เป็นต้น

 

ในแง่ของภาพจำคนเมืองกับประสบการณ์การดื่มฟูลมูน อาจพูดได้ว่าครั้งแรกของกลุ่มเป้าหมายคนในเมือง มักจะมีภาพจำในลักษณะการดื่มของฟูลมูน เช่น ไวน์องุ่นที่มาจากวังน้ำเขียวเคยดื่มที่เขาใหญ่  ดื่มแล้วชื่นชอบจนต้องชื้อกลับมาที่บ้าน โดยจะเห็นจากร้านขายของฝากในพื้นที่เที่ยวจนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก ( word of mouth ) ในสมัยนั้นจนเริ่มมีการพูดถึงและความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ จากเพียงชื้อมาเป็นของฝากหรือชื้อมาดื่มที่บ้านกับคนในครอบครัว เติบโตจนเป็นการชื้อกลับมาเพื่อจำหน่าย ทำให้เพียงระยะเวลาไม่นานประมาณ 3-4 ปี ชื่อฟูลมูน ไวน์คลูเลอร์ ครองใจผู้ดื่มทั้งต่างจังหวัดและในเมือง พร้อมภาพจำ รสชาติที่ถูกปาก พร้อมกับความประทับใจในแต่ละทริปที่ตราตรึงในความทรงจำ

 

11 ปี ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งกับผู้สร้างวัฒนธรรมการดื่มแบบ “On The Go”

ตลอด 11 ปี ที่ผ่านมา ฟูลมูนพยายามสร้างสรรค์วัฒนธรรมการดื่มแบบ On The Go หรือเครื่องดื่มที่สามารถดื่มเติมเต็มความชิวได้ทุกที่ ไม่ว่าจะดื่มในบ้านหรือนำไปดื่มในระหว่างกิจกรรม Outdoor ด้วยคนในยุคนี้ไม่ได้ดื่มสังสรรค์โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นความมึนเมาอีกต่อไป หากแต่เลือกดื่มเพราะชื่นชอบในรสชาติ บางคนดื่มพร้อมกันเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต เช่น การดื่มระหว่างท่องเที่ยวซึมซับบรรยากาศและช่วงเวลาที่ประทับใจ ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ฟูลมูนสามารถช่วยเติมเต็มบรรยากาศ มิตรภาพในวงสนทนาและเป็นตัวเชื่อมให้พวกเค้าพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้อย่างถูกคอ นี่เองคือมนต์เสน่ห์ของเครื่องดื่มฟูลมูน

 

จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ฟูลมูนมีการปรับตัว โดยเน้น “สร้างประสบการณ์แคมเปญใหม่ๆ บนโลกออนไลน์"

ในสถานการณ์ปัจจุบัน การดื่ม การสังสรรค์ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวก รวมถึงร้านกลางคืนที่ต้องปิดให้บริการ แต่ด้วยการทำตลาดและการสร้างแบรนด์ของฟูลมูนที่เน้นให้คนชื้อกลับไปดื่มที่บ้านหรือนอกสถานที่ต่างๆ ในเวลาพักผ่อนเพื่อเติมฟิลลิ่งความสดชื่นและเพื่อผ่อนคลาย ฟูลมูนจึงเป็นแบรนด์ที่ยังสามารถสร้างการเติบโตขึ้นอยู่ระดับหนึ่งได้แม้ในสถานการณ์โควิด-19

 

ส่วนในพาร์ทการตลาดฟูลมูนที่นำมาแก้เกมส์ในสถานการณ์โควิด-19 เรายังคงสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆต่อไป แม้แบรนด์ฟูลมูนเราที่เติบโตมาจากแหล่งท่องเที่ยวที่มาคู่กับการเดินทางก็ตาม แต่ในยุคดิจิทัลปัจจุบันคำว่าการเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ๆไม่ได้ถูกจำกัดให้ต้องเป็นเดินทางไปในสถานที่จริง ๆ เสมอไป

 

ฟูลมูนเชื่อว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเรายังคงสามารถเรียนรู้เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ได้อยู่เสมอ ในโลกแพลตฟอร์มออนไลน์ คำว่าการเดินทาง ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ต้องออกรถไปพบเจอสิ่งใหม่อีกต่อไป แต่หากการเดินทางผ่านความคิดบนโลกออนไลน์ ก็ถือเป็นการเดินทางที่เติมเต็มประสบการณ์ได้อีกรูปแบบหนึ่ง เราจึงปรับแคมเปญการสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ชื่อแคมเปญ “เติมจันทร์ให้เต็ม” เพื่อเปิดโอกาสให้วัยรุ่นมีโอกาสได้เติมประสบการณ์ความสนุกไปกับการสร้างความทรงจำและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้พระจันทร์ดวงเดิมเพียงแต่เกิดขึ้นบนสถานที่แห่งใหม่

 

เตรียมก้าวสู่ปีที่ 13 ในการเป็นผู้นำแห่ง Brand Creativity Campaign กับกลุ่มเป้าหมาย ขยายช่องทางรุกทุกแพลตฟอร์มออนไลน์

ก้าวสู่ปีที่ 13 ทางฟูลมูนมีแผนที่จะปรับตัว เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียมีหลากหลายช่องทาง บางช่องทางสามารถโต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมายและกิจกรรมความประทับใจได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้นทางฟูลมูนมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่เต็มไปด้วย Creative & Innovative เพื่อสร้างสรรค์สินค้าให้ วาไรตี้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างประสบการณ์การดื่มใหม่ๆ ไปพร้อมกับยุคสมัย เพราะโลก New Normal หลังจากสถานการณ์โควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แอ็กซอลตา ตอกย้ำความเป็นผู้นำสีพ่นรถยนต์ระดับโลก พร้อมยกบริการศูนย์ผสมสีรถยนต์อัตโนมัติ Axalta Intelligence (AI) Color System ไว้ที่ร้านธุรกิจคู่ค้าแล้วทั่วประเทศ

 


บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสีพ่นรถยนต์มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง เดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาดต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดกับบริการศูนย์ผสมสีรถยนต์อัตโนมัติ Axalta Intelligence (AIColor System จับมือคู่ค้า ร้านค้า ศูนย์ผสมสีรถยนต์ ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในปี 2564

 

บริการศูนย์ผสมสีรถยนต์อัตโนมัติ Axalta Intelligence (AIColor System ด้วยเครื่องผสมสีอัตโนมัติ “Nason Automatic Dispenser” จากแอ็กซอลตา นับเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ใช้เทคโนโลยีการผสมสีด้วยระบบคอมพิวเตอร์  พร้อมตอบโจทย์ให้กับศูนย์ผสมสีรถยนต์ ร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายสีพ่นซ่อมรถยนต์ซึ่งได้รับความสนใจในเทคโนโลยีและได้รับความไว้วางใจแล้วทั่วประเทศ เสริมศักยภาพให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด   

 

นายรุจิภาส หุ่นผดุงรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายขาย กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวคิดธุรกิจใหม่นี้ คือการฉีกแนวทางการขายสีเบอร์แบบเดิมที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต้องมีการเก็บสต๊อกสินค้าเป็นจำนวนมากทำให้ต้นทุนการบริหารสินค้าคงคลังสูง ต้นทุนจมซึ่งมีผลต่อสภาพคล่องและโอกาสในการนำเงินไปบริหารกับสินค้าอื่น และยังต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บสินค้ามาก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงกับการสูญเสียอันเนื่องมาจากสินค้าหมดอายุสำหรับสีเบอร์ที่ขายไม่ดี นอกจากนี้นวัตนกรรมเทคโนโลยีเครื่องผสมสีรถยนต์อัตโนมัติยังสามารถผสมสีตามสูตรเพิ่มเติมได้ตามความต้องการของร้านค้าและอู่ซ่อมสีและตัวถัง เพื่อรองรับความต้องการกลุ่มสีผสม ให้ได้รับความรวดเร็วและตอบโจทย์ให้กับกลุ่มตลาดสีเบอร์  และช่างผสมสีที่ขาดแคลน ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาบุคลากรช่างผสมสี จึงได้แนะนำตัวช่วยเครื่องผสมสีอัตโนมัติ เพื่อตอบโจทย์และรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งแอ็กซอลตามีความแข็งแกร่งในเรื่องสูตรสีที่แม่นยำ

 

ศูนย์ผสมสีรถยนต์อัตโนมัติ Axalta Intelligence (AI) Color System จากแอ็กซอลตา มีการนำแบรนด์ล่าสุด Nason Automatic Dispenser มาใช้ในเครื่องผสมสีอัตโนมัติดังกล่าว ตั้งเป้า สาขารองรับตลาดทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีการติดตั้งและเปิดดำเนินการแล้ว แห่ง และจะมีการเพิ่มเติมอีก แห่ง ภายในปี 2564 ขณะนี้ลูกค้าสามารถเข้ารับบริการได้ที่ เอ พี คาร์เพ้นท์ จ.สระบุรี, ศ. กฤษ เพ้นท์ จ.นครปฐม, สีวิไลเพ้นท์ บางบอน กรุงเทพเอส ดี เอส โค้ทติ้ง จ.เชียงใหม่, ศรีวิชัยคาร์เพนท์ จ.ตรัง และในเร็วๆ นี้ที่ อุดรรุ่งเรือง จ.อุดรธานี, พรพรหมธาดาเพ้นท์ จ.ชลบุรี และ ท็อปเพ้นท์ เพอร์แฟค หนองเสือ จ.ปทุมธานี

 

สำหรับผู้สนใจ เครื่องผสมสีรถยนต์อัตโนมัติ หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-734-5000 หรือ Facebook: Axalta Coating Systems Thailand  

‘โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้’ ชี้โควิดดันความต้องการลงทุน “ฮอลิเดย์โฮม-สินทรัพย์” หนุนอสังหาฯเมืองพัทยาโตส่งท้ายปี 64

 


  โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ เผยเทรนด์ตลาดบ้านหลังที่สอง หรือฮอลิเดย์โฮม ในเมืองพัทยาดีมานด์ยังดี เนื่องจากเทรนด์การทำงานที่บ้านยาวนานขึ้น ทำให้ผู้ซื้อเริ่มมองหาที่พักระยะยาวหรือบ้านหลังที่สอง สำหรับพักผ่อนและทำงานไปพร้อมๆกัน ชี้ลูกค้าให้ความสนใจโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” ซื้อขายต่อเนื่องในช่วงโควิด-19  พร้อมเปิด 2 มุมมองผู้ซื้อจริง “อยู่เอง” เพื่อการพักผ่อน และ “ลงทุน” เป็นสินทรัพย์ส่งต่อถึงรุ่นลูก เชื่อมั่นศักยภาพเมืองพัทยาจะฟื้นกลับมาได้ในอนาคต

            ตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมืองพัทยายังคงเป็นที่น่าจับตามองแม้ในวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังระบาด แม้ว่าโดยรวมจะพบว่าผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกำลังซื้อบางส่วนที่ต้องการหาซื้อบ้านพักตากอากาศหรือ บ้านพักหลังที่ 2 ยังมีแนวโน้มยอดขายเติบโตได้ ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สามารถคลี่คลายได้ภายในปีนี้ ตลาดก็มีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ฟื้นตัว เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในช่วงปี 2565 เป็นต้นไป

            อย่างไรก็ดี แม้ในสถานการณ์ของการระบาดโควิด-19  ความต้องการซื้ออสังหาฯ ในเมืองพัทยาก็ยังเติบโตได้ดี จากข้อมูลของคอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า ณ ครึ่งแรกปี 2564 อัตราการขายเฉลี่ยในตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 69.20 %  เพิ่มขึ้นประมาณ 1.20%  จากในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ปัจจัยหลักๆ จากที่ยังไม่มีซัพพลายเติมเข้าสู่ตลาดมากนักจนไม่เกินภาวะล้นเกิน ศักยภาพของเมืองที่แข็งแกร่งจากการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานให้กับเมืองอยู่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกันก็ได้ส่งผลให้พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไป ปรับสู่การทำงานที่บ้านมากขึ้น (Work from Home) และด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยทำให้คนทำงานยุคใหม่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ แต่ปรับวิถีไปเป็น Work from Anywhere มากขึ้นเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์ใหม่หลังยุคโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ บ้านตากอากาศ หรือ ฮอลิเดย์โฮม จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง ทั้งเพื่อการพักผ่อน ทำงาน และสร้างมูลค่าจากการลงทุนในอนาคต

เทรนด์ Work From Home ยาวขึ้น ส่งผลพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผย นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบันเทรนด์การทำงานจากที่บ้าน
ที่ยาวนานขึ้น ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปและเริ่มมองหาชีวิตที่ยืดหยุ่นได้และมีพื้นที่พักผ่อนมากขึ้น รวมถึงการจำกัดพื้นที่และการเคลื่อนย้ายจากการประกาศล็อกดาวน์เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-
19 ระลอกใหม่ในประเทศ  สะท้อนทิศทางที่สอดรับสภาพความเป็นจริงของการขายและการตลาดฮอลิเดย์โฮมในพื้นที่พัทยา โดยเฉพาะโครงการของบริษัท “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” ได้รับความสนใจจากการซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในช่วงโควิด-19 ที่กำลังซื้อส่วนใหญ่มาจากในประเทศ ที่จะมองว่าพัทยายังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวและการพักผ่อนตากอากาศบ้านหลังที่ 2 บรรยากาศโดยรวมเอื้อต่อการท่องเที่ยว มีกิจกรรมเชิงไลฟ์สไตล์ให้ทุกคนในครอบครัวได้ทำร่วมกัน อีกทั้งใช้เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

            “จากแนวโน้มการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ หรือ New Normal ผู้ประกอบการอสังหาฯกำลังเผชิญกับรสนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปสำหรับชีวิตที่ยืดหยุ่นได้และมีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ทำให้เริ่มมีการมองหาที่พักระยะยาว หรือบ้านหลังที่ 2 สำหรับพักผ่อนและทำงานไปพร้อมๆ กัน” นายณพงศ์กล่าว

ข้อมูลที่น่าสนใจอีกด้านของงานวิจัยคอลลิเออร์ส ประเทศไทย ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ไม่พบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่เปิดขายในพื้นที่พัทยา โครงการส่วนใหญ่ชะลอเปิดตัวออกไป บางโครงการก็อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาใหม่ อันเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทำให้จำนวนหน่วยที่เปิดขายอยู่ในตลาดปัจจุบันไม่ล้นเกินกว่าความต้องการซื้อที่แท้จริง

คอนโดห้องใหญ่ ตอบโจทย์บ้านหลังใหม่ของครอบครั

นอกจากซัพพลายที่มีอยู่ไม่มากจะเป็นโอกาสสร้างยอดขายให้กับกำลังซื้อคนไทยที่มองหาบ้านหลังที่สองในแหล่งท่องเที่ยวแล้ว “ขนาด” พื้นที่ของคอนโดมิเนียม ก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อด้วย จากข้อมูลงานวิจัย คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ห้องชุดขนาดมากกว่า 100 ตารางเมตรขึ้นไปเหลืออุปทานในตลาดเพียงแค่ 1% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายในตลาด หรือประมาณ 610 ยูนิตเท่านั้น เพราะจำนวนยูนิตเปิดขายใหม่ในโครงการต่าง ๆ ส่วนใหญ่พัฒนาเป็นห้องขนาดเล็ก

“กำลังซื้อระดับบนที่มีความพร้อมยังคงมองหาคอนโดมิเนียมหรูที่สามารถมองเห็นวิวทะเลที่มีห้องขนาดใหญ่ สำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศหลังที่สอง หรือต้องการเปลี่ยนบรรยายกาศในการทำงานที่บ้านเป็นบรรยายกาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น หากห้องมีขนาดเล็กมากเกินไป อาจไม่ตอบโจทย์การมองหาเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองมากนัก เพราะส่วนใหญ่คนซื้อจะมองถึงประโยชน์การใช้พื้นที่ของสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้มากกว่า” นายณพงศ์กล่าว

ในส่วนของ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน -พัทยา” ขนาดห้อง Over-Size Unit 1-2 ห้องนอน พื้นที่กว้าง 80-133 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 ล้านบาท ที่พัฒนาไว้สำหรับรองรับกลุ่มกำลังซื้อ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองของครอบครัว เป็นการซื้อไว้เพื่อการลงทุน และสร้างมูลค่าการเติบโตของสินทรัพย์ในระยะยาว ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งนาจอมเทียนมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต จากการก่อสร้างเส้นทางหลวงพิเศษตัดใหม่เลี่ยงเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด ที่มีจุดทางลงอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ

เปิด มุมมองเรียลดีมานด์กับชีวิตที่ลงตัว

            บ้านหลังที่สองในแหล่งท่องเที่ยวเมืองพัทยาเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการพักผ่อนให้กับ ครอบครัวของ  “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา”

นายวุฒิเวช พิบูลพาณิชย์การ เปิดเผยถึงการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมพัทยาในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ว่า “ผมและครอบครัว ตัดสินใจซื้อห้องของโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งมีปัจจัยจากภาพรวมของเมืองพัทยาที่ไม่ว่าเดินทางไปกี่ครั้งก็พบว่าเมืองมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมมองว่าพัทยาเป็นเมืองที่มีชีวิต”

ในภาพรวมของโครงการฯ พอเข้ามาอยู่แล้วรู้สึกถึงการได้พักผ่อนอย่างแท้จริง อีกทั้งความปลอดภัย ครอบครัวเราใช้เวลาเดินทางไม่นานเพียงชั่วโมงกว่าจากกรุงเทพฯ  และไม่ไกลจากมอเตอร์เวย์ ทำให้สามารถเดินทางมาพักผ่อนที่นี่แทบจะทุกสัปดาห์
ที่สำคัญคือโครงการฯมีกิจกรรมในเชิงไลฟ์สไตล์ ติดทะเล มีท่าเรือ จากวันแรกจนถึงวันนี้ลูกๆ ของผมชื่นชอบบรรยากาศและการล่องเรือเป็นอย่างมาก

“ส่วนตัวแล้ววิวที่มองออกไปเห็นทะเล รวมถึงกิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวร่วมทำด้วยกัน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการฯก็มีความสำคัญ โดยมองถึงการเป็นจุดพักผ่อนของครอบครัวมากกว่าการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งในอนาคตแล้วเชื่อว่ามูลค่าของคอนโดมิเนียมโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา” จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ที่จะเป็นส่วนที่ส่งต่อให้ลูกได้ในอนาคต”

ด้าน นายวิรัช เตชะมงคลาภิวัฒน์ กล่าวว่า จำนวนยูนิตในโครงการนี้ที่มีไม่มาก และมีมารีน่าที่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของโครงการนี้ทำให้แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ทำให้ตัดสินใจซื้อยูนิตแรกไปเมื่อปี 2562 และซื้อเพิ่มอีกยูนิตไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

“ผมตัดสินใจซื้อที่นี่ มองเรื่องการซื้อเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ระยะยาวและส่งต่อให้ลูกต่อไป จากที่มีห้องอยู่แล้ว ก็ซื้อเพิ่ม นอกจากการมีมารีน่าและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการแล้ว ที่สำคัญคือ ผมมีเพื่อนอยู่ที่นี่ทำให้มาพักได้บ่อยๆ”

สำหรับโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน - พัทยา” คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ (High Rise) สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ เน้นการออกแบบโดยมอบความเป็นส่วนตัว และความสบายสูงสุด พร้อมเปิดมุมมอง 180 องศา ของวิวทะเลและท่าจอดเรือยอช์ท ที่สามารถชมวิวทะเลแบบพาโนรามา และสัมผัสบรรยากาศ “มารีน่า ไลฟ์สไตล์” ท่าจอดเรือยอช์ทหรูระดับเวิลด์คลาส แลนด์มาร์กสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพัทยา หนึ่งเดียวของฮอลิเดย์โฮมเมืองพัทยาที่เติมเต็มการพักผ่อนอย่างเหนือระดับทุกวันพักผ่อนแนวใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัว

            ผู้ที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายของโครงการหรือในรูปแบบออนไลน์ได้ทุกวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.oceanproperty.co.th หรือ โทร. 02-038-5013 ติดตามข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่
เฟสบุ๊ค 
www.facebook.com/OceanProperty  
อินสตาแกรม 
www.instagram.com/oceanproperty   
ไลน์ 
@oceanproperty

ประกาศ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ และ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์

 


 สืบเนื่องจากราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 32 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2564  ซึ่งมีการคลายล็อก 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม และมีประกาศเพิ่มเติมจากกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2564 เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 กันยายน 2564 หรือจนกว่าภาครัฐ  จะมีประกาศเปลี่ยนแปลง นั้น
บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ ด้วยการให้ความร่วมมือและร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โดยศูนย์การค้าในกลุ่มบริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ได้แก่ ศูนย์การค้า เดอะ  มาร์เก็ต แบงคอก และ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะเปิดให้บริการเฉพาะกิจการตามประกาศของภาครัฐ โดยมีรายละเอียดและมาตรการดังนี้
มาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 สำหรับเจ้าหน้าที่และพนักงานของศูนย์การค้า 2 แห่ง    ผู้ให้บริการลูกค้าจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และตรวจ PCR (Real Time Polymerase Chain Reaction) ก่อนปฏิบัติหน้าที่ และหลังจากนั้นให้เข้ารับการตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุกสัปดาห์ และลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน “ไทยเซฟไทย” เพื่อคัดกรองพนักงานก่อนเข้าทำงาน  
สำหรับร้านค้าภายในศูนย์ที่พร้อมเปิดให้บริการตามประกาศของภาครัฐมีดังนี้
 
• ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ เปิดให้บริการทุกวันเวลา 11.00 – 20.00 น. มีร้านค้าเปิดให้บริการดังนี้  
1.ซุปเปอร์มาร์เก็ต
   - ดอง ดอง ดองกิ (Don Don Donki)  (เปิดให้บริการเวลา 09.00 – 20.00 น.)
   - Lotus’s (เปิดให้บริการเวลา 07.00 – 20.00 น.)
    - ร้านขายยาและเวชภัณฑ์
2. ร้านอาหาร และ Street Food เปิดให้บริการซื้อแบบนำกลับไปทานได้ และเปิดให้นั่งได้ 50% ของจำนวนที่นั่งในร้านโดยมีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ Starbucks,รสนิยม, แซบอีลี่, Jone’s Salad, Mo Mo Paradise, พระราม 9 ไก่ย่าง, Maggi Kitchen, BON CHON Chicken, ยำแซ่บ, Dookki Topokki, Moma’s Bubble Tea Bar, ชาตรามือ, Cafe’ Amazon, Kamu, Tiger Sugar, Blue Elephant
3. ร้านค้าแฟชั่น และร้านอื่นๆ ที่เปิดบริการได้ตามข้อกำหนดภาครัฐ อาทิ AIIZ, December’s, SEVEN DAYS OPTIC, Seize, Jonathan Lipkens Bangkok, Watsons, KM Model, Cheng Cheng Oil, Rebalance, MOS Dental Clinic, 786 Salon


• ศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เปิดให้บริการทุกวันเวลา 09.00 – 19.00 น. มีร้านค้าเปิดให้บริการดังนี้  
1.ร้านสะดวกซื้อ  7 - Eleven  (เปิดให้บริการเวลา 04.00 – 20.00 น.)
2. ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ D-CHAIN
3. ธนาคาร/สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธนาคารไทยพาณิชย์, Exchange Booth ไทยพาณิชย์
4. ร้านอาหารและแพลทินัม ฟู้ด เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการซื้อแบบนำกลับไปทานได้และเปิดให้นั่งได้ 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน โดยมีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ Starbucks, Fresh Me, Gateaux House,Mcdonald’s, Richesse bakery, 28 ML, Café Amazon, After You, ALL COCO, Hinoya, Chester’s Grill, เครป เดลี่เฟรช,P Saus@ge, Monwork,ชาตรามือ
5. ร้านค้าแฟชั่น และร้านอื่นๆ ที่เปิดบริการได้ตามข้อกำหนดภาครัฐ อาทิ Moshi Moshi, โชคดีมีชัย, Kerry, ไปรษณีย์ไทย, MENA, SUNI,AUGUST,CHICAGO,MOM SODA,COZY ฯลฯ

ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญสูงสุดต่อมาตรการรักษาสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้า คู่ค้า และพนักงานทุกคน โดยได้ยึดแนวทางปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ซึ่งปัจจุบันทางศูนย์การค้า ได้ผ่านการประเมินมาตรฐาน Thai Stop COVID + โดยกรมอนามัย สำหรับกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการ Big Cleaning ครั้งใหญ่และตรวจสอบคุณภาพ ทำความสะอาด ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและอบโอโซนระบบปรับอากาศทั่วทุกพื้นที่ ก่อนเปิดให้บริการศูนย์การค้าในวันแรก พร้อมยังคงมาตรฐาน การคัดกรอง การเฝ้าระวังติดตาม การรักษาความสะอาด ลดการสัมผัส รวมถึงการเว้นระยะห่างเพื่อเพิ่มความมั่นใจ และสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการจะให้สแกนแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ก่อนเข้าพื้นที่บริการ ตลอดจนตอกย้ำมาตรการเชิงรุกป้องกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยการ Big Cleaning ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและอบโอโซนทั่วทุกบริเวณพื้นที่ของศูนย์การค้า ภายหลังการปิดบริการทุกวัน พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับการเปิดกิจการจัดกิจกรรม ให้ปลอดภัยและยั่งยืนด้วยหลักการ Covid-Free Setting และ Universal Prevention สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง ตามข้อกำหนดของภาครัฐ
โดยสุดท้ายนี้ บริษัทฯ มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราชาวไทยจะก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกันในระยะเวลาอันใกล้
 
ขอแสดงความนับถือ

บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านค้าที่เปิดให้บริการได้ตามประกาศภาครัฐ                                          
เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก โทรศัพท์ 02-209-5555 เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ โทรศัพท์ 02-121-8000 ต่อ 150

vivo ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G ไตรมาส 2 มากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

 



กรุงเทพฯ 31 สิงหาคม 2564 – vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก ประกาศความสำเร็จในยอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไตรมาสที่ ปี 2564 จากรายงานล่าสุดของบริษัทวิจัยข้อมูลตลาดชั้นนำอย่าง Strategy Analytics[1] ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ vivo ที่ประสบความสำเร็จในการมียอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายในหนึ่งไตรมาส โดย vivo สามารถครองส่วนแบ่งของยอดจัดส่งสมาร์ตโฟน 5G ได้มากถึง ใน สำหรับตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในอัตราการเติบโตของการจัดส่ง (Shipment) ต่อปีสูงถึง 215% ทั้งนี้ ด้วยการผสานระหว่างเทคโนโลยีชั้นนำและคุณภาพระดับสูงส่งผลให้  สมาร์ตโฟน vivo กลายเป็นอุปกรณ์ 5G ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาค

 

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Strategy Analytics ได้รายงานว่า vivo กลายเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ตโฟน 5G ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับสองของโลก[2] ทั้งยังสามารถรักษาตำแหน่งที่แข็งแกร่งในส่วนแบ่งทางการตลาดตลอดไตรมาสแรกของปี 2564 ด้วยความก้าวหน้าที่โดดเด่นในมาตรฐาน 5G และเทคโนโลยีหลักของแบรนด์ ผลักดันให้ vivo มุ่งมั่นมอบบริการที่ดีเยี่ยมแก่ผู้บริโภคด้วยโทรศัพท์มือถือ 5G ที่หลากหลายตลอดจนมอบประสบการณ์การใช้งาน 5G ที่ได้รับการปรับปรุงอย่างดีที่สุด

 


“ความจริง” ซิงเกิลแรกจากวง “Heartless Knight” เพลงของคนที่ต้องยอมทิ้งความฝัน เพื่ออยู่กับความจริงที่สำคัญกว่า

 


Heartless Knight (ฮาร์ตเลส ไนต์) วงร็อกหน้าใหม่จาก Melodic Music Studio ที่รวมสมาชิกคนดนตรีคุณภาพระดับแชมป์ทั้ง เอก-เอกกมล บุญโพธิ์ทอง (ร้องนำ) แชมป์ The Voice 2019, ป๊อป-คาเชน เจริญพลนภาชัย (กีต้าร์) แชมป์ Overdrive ครั้งที่ 2, โจ้-คำรพ ผลดีเยี่ยม (เบส) แชมป์ Hard Rock Ambassador ปี 2011, แชมป์-นรนภ ภิญโญกูล (กลอง) แชมป์ Hard Rock Ambassador Of Rock Battle Of The Band ปี 2011, โจ-นาวิน โสรัจจกิจ (คีบอร์ด) เจ้าของรางวัลมือคีบอร์ดยอดเยี่ยมจาก Rock Dream Teamซึ่งนักดนตรีทั้ง 4 คน ยังเคยเล่นร่วมกันในวง Luminasion (ลูมิเนชั่น) และเคยคว้าแชมป์การแข่งขันดนตรีระดับประเทศ GBOB ปี 2010 มาแล้วด้วย

โดยจุดเริ่มต้นของวงเกิดจากความสนิทสนมของ เอก และ ป๊อบ ที่มีความสนใจอยากบอกเล่าเรื่องราวผ่านเพลงแบบ Power Metal ที่ทรงพลังทั้งในพาร์ทดนตรี และพาร์ทเสียงร้อง จึงเริ่มชักชวนสมาชิกคนอื่นๆ เพื่อสร้างผลงานที่นอกจากจะฟังเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังอยากมอบเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คน จนกลายเป็นซิงเกิลแรกที่ชื่อว่า “ความจริง”

เนื้อเพลง “ความจริง” บอกเล่าการเดินทางของคนที่มีความฝันเป็นของตัวเอง แม้โอกาสในการทำสิ่งนั้นจะยาก และต้องเผชิญกับความจริงที่อาจจะทำให้ต้องตัดสินใจละทิ้งความฝัน พร้อมกับการให้กำลังใจทุกๆ คนได้มีพลังที่จะก้าวต่อไป เพื่อสิ่งที่สำคัญกว่า ส่วนพาร์ทของดนตรีก็อัดแน่นไปด้วยความร็อกเข้มข้น มีพลังในแบบ Ballard Rock โดดเด่นด้วยซาวด์คีบอร์ดที่ละเมียดละไม และไลน์กีต้าร์ที่โดดเด่น ขยี้อารมณ์ให้เพลงนี้โดนใจคนฟังมากขึ้นไปอีก

โดยเพลงนี้ได้การตอบรับที่ดีเยี่ยมจากแฟนเพลงของ Heartless Knight เพราะทันทีที่มิวสิกวิดีโอถูกปล่อยออกมาให้ชมและฟังกันทางยูทูป ก็สามารถทำยอดวิวทะลุไปกว่า 100,000 วิว ภายในเวลาเพียง วันเท่านั้น พร้อมกับคอมเมนต์จากแฟนๆ ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือเพลงเพราะที่สร้างกำลังใจได้จริงๆ”

สามารถติดตามฟังเพลง “ความจริง” เพลงร็อกเข้มข้นซิงเกิลแรกของวง Heartless Knight ได้แล้ววันนี้บน YouTube : Melodic Music Studio และทุกช่องทาง Streaming http://www.ncontent.tv/OLS/?p=TDqWpAcm

คอนเทนต์น้ำดีเพื่อสังคมไทย...สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 8 คว้ารางวัลชนะเลิศ “สื่อสร้างสรรค์คุณธรรมอวอร์ด” ปี 2563 ประเภทรายการโทรทัศน์ และอีกหนึ่งรางวัลประเภทบทเพลง ตอกย้ำความมุ่งมั่นผู้ผลิตสื่อคุณภาพอย่างแท้จริง

 


กรุงเทพฯ 30 สิงหาคม 2564 เป็นที่ยอมรับอย่างต่อเนื่อง...รายการธรรมะเรียลลิตี้ สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 8 โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการประกาศชื่อคว้ารางวัลชนะเลิศ สื่อสร้างสรรค์คุณธรรมอวอร์ดประจำปี 2563 (Moral Media Awards 2020) ประเภทรายการโทรทัศน์ พร้อมด้วยอีกหนึ่งรางวัล ประเภทบทเพลง จากผลงาน เชิญอริยมรรค ซึ่งประพันธ์โดยพระเมธีวชิโรดม (ท่าน ว.วชิรเมธี) ในงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 11 รูปแบบออนไลน์ ที่ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดโครงการรางวัลนี้ขึ้น เพื่อเชิดชูผู้ผลิตสื่อทั้งระดับบุคคล คณะบุคคล และหน่วยงานต่างๆ ที่สร้างสรรค์ผลงานส่งเสริมด้านคุณธรรมจริยธรรม และวิถีวัฒนธรรมไทย ทั้งนี้ รางวัลแห่งความภาคภูมิใจดังกล่าว สะท้อนความตั้งใจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มทรู ที่มุ่งมั่นผลิตสื่อและนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพมาโดยตลอด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้คนในสังคมทำความดี

เกี่ยวกับโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม

โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม เป็นโครงการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มทรู จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหมด 8 รุ่น และรุ่นสามเณรนานาชาติ  เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้ศึกษาหลักธรรมคำสอน ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติตนตามแนวทางพุทธศาสนา โดยจะถ่ายทอดสดทางช่องเรียลลิตี้ ทรูวิชั่นส์ เอชดี ช่อง 119 หรือ 333  และช่องเรียลลิตี้ ทรูวิชั่นส์ ช่อง 60 หรือ 99 รวมทั้งออกอากาศช่วงไฮไลท์ประจำวันทางช่องทรูปลูกปัญญา ทรูวิชั่นส์ ช่อง 37 และ 111 พร้อมรับชมรายการผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.trueplookpanya.com/truelittlemonk รวมถึงอีกหนึ่งช่องทางพิเศษ ผ่านแอปพลิเคชันทรูไอดี นอกจากนี้  ยังสามารถติดตามข่าวสารและรับชมรายการย้อนหลังได้ที่ http://www.truelittlemonk.com แอปพลิเคชันทรูไอดี และ  www.facebook.com/truelittlemonkthailand อีกด้วย

 

#สามเณรปลูกปัญญาธรรม

#ทรูปลูกปัญญา


“ณภัทร” คว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024 พร้อมลุยศึกชิงแชมป์โลกที่สหรัฐฯ

  24  เมษายน  2567 -  ณภัทร แซ่ลิ้ม โชว์พลังหวด  365.7  หลา คว้าแชมป์  “ โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ  2024”  รอบชิงชนะเลิศ ที่สนา...