วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ป.ป.ช. เร่ง มาตรการป้องกันทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน

 


   สำนักงาน ป.ป.ช. เร่งเครื่องติดตามหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เดินหน้ามาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างจริงจังย้ำ ไม่ปล่อยผ่าน หากพบเจ้าหน้าร่วมรู้เห็นรับส่วยสติกเกอร์ตามที่เป็นข่าว
เผย ไม่นิ่งนอนใจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อหากมีมาตรการเข้มข้น นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการชั่งน้ำหนักจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องส่วยได้ ที่สำคัญ คือ ธรรมาภิบาลของเจ้าหน้าที่
ซึ่งต้องไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
        นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงานป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในเรื่องของการติดตาม ควบคุมและลดปัญหาการทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เป็นเรื่องที่สำนักงานป.ป.ช.ได้ดำเนินการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เสนอมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เพื่อเป็นมาตรการในการแก้ไขปัญหาเพราะเล็งเห็นว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อทางหลวงแผ่นดินและถนนหมดอายุการใช้งานก่อนช่วงเวลาที่ได้ออกแบบไว้ทำให้ภาครัฐต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนมากในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาถนนและยังเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตดังกล่าว ตามที่ ป.ป.ช.เสนอและกำหนดให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 รับข้อเสนอแนะนำไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

1.การบังคับใช้กฎหมายให้สามารถเอาผิดและลงโทษผู้ประกอบการที่บรรทุกน้ำหนักเกินได้อย่างเป็นรูปธรรม
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84
2.พิจารณาการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MoU) ในการควบคุม กำกับดูแลถนนในแต่ละเขตความรับผิดชอบอย่างบูรณาการ
3.จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นการบังคับใช้กฎหมาย
4.ให้มีการออกมาตรการให้รถบรรทุกมีใบชั่งระบุน้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ต้นทางโดยเครื่องชั่งที่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากสำนักงานกลางชั่งตวงวัดกระทรวงพาณิชย์ การควบคุมน้ำหนักที่ต้นทางให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและรถบรรทุกต้องจัดให้มีป้ายแสดงน้ำหนักที่บรรทุกจริงขณะวิ่งด้วยพร้อมทั้งสร้างช่องทางให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเมื่อพบผู้กระทำความผิด
5.ผลักดันการนำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินการ เช่นเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกโดยใช้เครื่องชั่งน้ำหนักขณะเคลื่อนที่ความเร็วสูง(High-speed weigh-in-motion: HSWIV)และเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridgeweigh-in-motion: BVIM) มาใช้ในการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน
เพื่อลดปฏิสัมพันธ์และการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการชั่งน้ำหนัก
6.เพิ่มมาตรการการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่มีปัญหาการทุจริต

        จากการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้างต้นกระทรวงคมนาคม ได้มีการกำหนดเป็นมาตรการระยะสั้และมาตรการระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ อาทิมีการจัดหลักสูตรอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ให้เข้าใจเกี่ยวกับการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน,กรมทางหลวงได้จัดทำ MoU ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดการกับรถบรรทุกที่กระทำผิดอย่างเข้มงวด,นำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้มีการนำระบบเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกโดยใช้เครื่องชั่งน้ำหนักขณะเคลื่อนที่ความเร็วสูง(High-speed weigh-in-motion: HSWIV)และเทคโนโลยีการตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกชนิดติดตั้งใต้สะพาน (Bridge
-in-motion: BVIM) มาใช้แล้วแต่ยังขาดการรับรองเครื่องชั่งน้ำหนักจากสำนักงานกลางชั่งตวงวัดเพื่อให้สามารดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยกระทรวงคมนาคมได้มีแนวทางในการพิจารณารายละเอียดการบันทึกน้ำหนักโดยเครื่องชั่งน้ำหนักขณะรถเคลื่อนที่หรือ WIM ทุกรูปแบบ และรูปถ่ายจากกล้อง CCTVเพื่อให้สามารถเป็นเครื่องมือตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อศึกษาวิจัยความพร้อมและความเที่ยงตรงของเทคโนโลยีก่อนนำมาเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบจับกุมในอนาคตและจะดำเนินการตั้งหน่วยชั่งน้ำหนักยานพาหนะเคลื่อนที่ (Spot Check)
เพื่อป้องกันรถบรรทุกหลีกเลี่ยงการเข้าจุดชั่งน้ำหนัก เป็นต้น
        อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เร่งผลักดันให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันการทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกินเพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียกับประเทศชาติซึ่งไม่ได้เพียงแต่เรื่องของการบรรทุกน้ำหนักเกิน
ยังรวมไปถึงเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ขับขี่บนท้องถนนด้วยอาทิ การที่รถบรรทุกหนักวิ่งช้าแต่วิ่งเลนขวาสุดตลอดทางทำให้รถเล็กที่มีความเร็วมากกว่าต้องขับแซงซ้ายซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เป็นต้น ในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจตรากวดขับังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงกำชับไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องควรยึดมั่นในการปฏิบัติงานด้วยความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้
และส่วนตัวเชื่อว่า จากกรณีที่เป็นข่าวส่วยสติกเกอร์น่าจะมีเจ้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ทุกหน่วยงานที่ร่วมแก้ปัญหาทุจริตรถบรรทุกน้ำหนักเกินควรมีการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการติดตามตรวจสอบเพราะนอกจากจะมีความแม่นยำแล้ว ยังช่วยลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งจะเป็นการปิดช่องโหว่ของการทุจริตคอร์รัปชันได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...