ในขณะที่ Mango Art
Festival ครั้งที่ 4 ใกล้เข้ามา ความคาดหวังของศิลปินและนักสะสมงานศิลปะก็เพิ่มสูงขึ้น
ด้วยทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา
งานที่มีชีวิตชีวานี้ได้กลายเป็นเวทีสำคัญซึ่งทำให้ชุมชนศิลปะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
ทั้งยังได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในมุมมองความคิด ชีวิต และเส้นทางอาชีพของหลาย ๆ คน
พร้อมกับความคาดหวังที่อยากจะเห็นภาพความสำเร็จนั้นเกิดซ้ำอีกครั้ง
มาร่วมกับเราเจาะลึกเรื่องราวของศิลปินและนักสะสมงานศิลปะ
เพื่อสำรวจผลกระทบอันลึกซึ้งของศิลปะที่มีต่อพวกเขา
รวมไปถึงเรื่องเล่าประสบการณ์จาก Mango Art Festival
ในมุมมองที่ทั้งหมดเคยได้สัมผัส
…..
การเป็นศิลปินเต็มเวลานั้นยากแค่ไหน? “ธนวัฒน์ สุริยะทองธรรม” เป็นอีกคนหนึ่งที่น่าจะตอบได้ดี
ศิลปินมือรางวัล
ผู้จบการศึกษาทางด้านภาพพิมพ์
แต่ในช่วงหลายปีหลังสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ คนที่ติดตามงานของธนวัฒน์มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจะพบว่างานปัจจุบันของเขานั้นแตกต่างออกไป
“การเปลี่ยนแปลงเป็นตามธรรมชาติ
เราอาจจะโตขึ้น หรือ วิธีมองโลก มองสังคมเปลี่ยนไป
หรือเพราะเรามีลูกมันก็อาจจะมีส่วน”
งานศิลปะแบบสื่อผสม
(Mixed
Media Art) ที่มีลักษณะ “กึ่งสามมิติ”
ซึ่งธนวัฒน์สร้างสรรค์อยู่ในวันนี้ ชวนตะลึงทั้งด้วยขนาดและรายละเอียด
บวกกับขั้นตอนการทำงานที่ค่อนข้างซับซ้อน
งานที่เห็นเหมือนกับเป็นตัวการ์ตูนหรือของเล่นสำหรับเด็กได้สะท้อนบุคลิกความเป็นคนขี้เล่นและสรวลเสเฮฮาของผู้สร้างสรรค์
แต่เมื่อพิจารณาลึกลงไปจะพบความจริงจังในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสังคม
ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงงานจากยุคก่อนหน้านี้ของเขา
“สิ่งที่มันเชื่อมกันก็คือ
ผม ซึ่งเป็นคนทำ เพราะในคน ๆ หนึ่งมีหลายมุม แล้วแต่ว่าเราจะแสดงออกตรงไหน
หยิบตรงไหนมาใช้”
ในงาน Mango Art
Festival เมื่อปีที่แล้ว
ธนวัฒน์ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา
และในปีนี้เขาพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวด้วยการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่มานำเสนอ
“ความสำเร็จในโลกศิลปะไม่ได้ยึดติดกับสูตรตายตัว
แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างสรรค์และการขายซึ่งต้องบาลานซ์กันให้ได้
“เครื่องวัดอย่างหนึ่งของงานศิลปะที่ประสบความสำเร็จก็คือ
การขาย ซึ่งมันปฏิเสธไม่ได้ เมื่อสร้างสรรค์งานออกมาแล้ว ต้องไปให้ถูกที่ถูกทาง
ถ้าขายไม่เป็นหรือขายไม่ได้ ก็ไปหาว่าใครที่ขายได้ มันก็จะมีทางเลือก
อย่างเช่นมาที่ Mango
Art Festival
“การขายงานศิลปะไม่ใช่เรื่องผิด
ศิลปะก็เหมือนของอย่างอื่น จะบอกว่าศิลปะเหนือกว่าอย่างอื่น พูดไม่ได้
ไม่มีอะไรสำคัญกว่ากัน”
สิ่งที่ธนวัฒน์เน้นย้ำคือ
เรื่องราวความสำเร็จของเขาไม่ใช่ “สูตรสำเร็จตายตัว” ที่จะแนะนำใคร ๆ ให้ทำตามได้
“แต่สิ่งหนึ่งที่จะบอกได้ก็คือ
ศิลปินต้องมีผลงานออกมา งานเท่านั้นที่จะเป็นตัวนำทุกอย่าง
แล้วต้องวิเคราะห์งานตัวเองด้วย”
แม้จะมีประสบการณ์ด้านศิลปะมามากกว่าทศวรรษ
แต่ธนวัฒน์ยังคงทุ่มเทให้กับการขัดเกลางานฝีมือของเขาเสมอ
พร้อมไปกับการประเมินผลงานของตัวเองอยู่ตลอด
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงเพื่อให้งานชิ้นต่อไปดีขึ้นกว่างานเก่า
“ผมต้องรับผิดชอบมัน
จะดีหรือไม่ดีก็ต้องรับผิดชอบ ยอมรับ แล้วก็ทำใหม่ให้มันดี
ศิลปินต้องวิเคราะห์งานตัวเองให้เป็น ถ้ามันดีก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว
ถ้าไม่มีดีไปกว่านี้แล้วเราจะทำมันทำไม มันต้องหยุด พอ ไปทำอย่างอื่น
แต่ผมไม่เชื่อว่ามันดีที่สุด”
และในเทศกาล
Mango Art Festival 2024 ธนวัฒน์ สุริยะทองธรรม
พร้อมจะเผยโฉมผลงานล่าสุดของเขาซึ่งสะท้อนแสดงถึงวิวัฒนาการทางศิลปะที่เขาพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
…..
ถึงเวลาจะผ่านมาเป็นปีแล้ว
แต่คนที่ได้ไปร่วม Mango Art Festival 2023
ยังจำผลงานที่น่าประทับใจของศิลปินสตรีทอาร์ตมาแรงอย่าง “แมนซู้ด”
(Manzood) ซึ่งทำร่วมกับสกู๊ตเตอร์ระดับตำนานอย่าง
“เวสป้า” ได้
การได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่ดี
ทำให้เอกลักษณ์ในผลงานซึ่งแมนซู้ดอุทิศตนเพื่อสร้างในตลอดหลายปีที่ผ่านมาถูกมองเห็นและได้การยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
ด้วยเชื่อเสมอว่า
การสร้างเอกลักษณ์ให้กับงานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นสำหรับศิลปินทุกคน
แน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องที่ยากและท้าทายอย่างยิ่ง
“การเป็นศิลปินต้องสร้างตัวตนที่ชัดเจนและมีเอกลักษณ์ในผลงานให้คนรู้จัก
ในทางการตลาดก็เหมือนการทำแบรนด์ของตัวเองให้แข็งแรง
ในยุคปัจจุบันการสร้างอะไรใหม่ ๆ
ก็ต้องการความคิดสร้างสรรค์และใช้เวลาในการคิดเยอะขึ้น”
แมนซู้ดเปรียบเทียบการทำงานศิลปะกับการเล่นกีฬาที่ต้องมีการฝึกฝนฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
รวมทั้งต้องพยายามรักษามาตรฐานคุณภาพ มุ่งมั่นปรับปรุงยกระดับผลงานอย่างต่อเนื่อง
“ต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ”
ศิลปินสตรีทอาร์ตผู้นี้ยังเป็นนักโต้คลื่นและผู้ชื่นชอบธรรมชาติโดยเฉพาะทะเลเป็นพิเศษ
สิ่งเหล่านี้เป็น “เรื่องราว” ในผลงานของเขา
ขณะที่คาแรคเตอร์ในภาพวาดของ
แมนซู้ด ซึ่งเป็น “ตัวการ์ตูน” ที่มี "ดวงตาพิเศษ"
นั้นเป็นการคลี่คลายพัฒนามาจากตัว "Q" ที่เป็นชื่อเล่นของศิลปินและ
“เหมือนกับเป็นการมองโลกในมุมที่พิเศษมากกว่าดวงตาปกติ”
การเรียนรู้ทดลองสร้างสรรค์สำหรับศิลปินคนนี้ไม่มีวันจบ
“ทุกวันนี้ยังเรียนรู้ มีเรื่องใหม่ ๆ มาตลอดเวลา” และ “ต้องทำในสิ่งที่เป็นตัวเรา
วาดในสิ่งที่เรารู้สึก ต้องหาตัวตน หาสไตล์ของเรา ต้องสร้างความแตกต่าง
ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อความคิดของเรา ไม่หลงกระแส
ทำในสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข ที่เราชอบ แล้วจะทำได้เรื่อย ๆ”
สำหรับแฟน ๆ
ที่ตั้งตารอคอย ศิลปินผู้นี้จะนำผลงานสร้างสรรค์ใหม่ล่าสุดของเขามาเสนอใน Mango Art
Festival 2024 “เป็นงานที่แสดงคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของเราออกมา
สดใสขึ้น น่ารักแฝงด้วยความลึกลับ” แมนซู้ดเปิดเผย
…..
“นวัต คิวบิก” ดาวรุ่งแห่งศิลปินรุ่นใหม่ผู้เชี่ยวชาญการวาดภาพแนวคิวบิสม์
(Cubism)
ซึ่งดึงดูดผู้ชมด้วยสไตล์และมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นน่าสนใจ
“ผมวาดภาพแบบคิวบิสม์มาตั้งแต่เด็ก
ตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเรียกว่าคิวบิสม์ ผมวาดรูปทรงเรขาคณิต
ตัดทอนรายละเอียดยุบยิบ ให้เห็นเป็นชิ้นเข้าใจง่าย”
จากการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัย
รวมกับการฝึกฝนทดลองด้วยตัวเอง
และบทเรียนจากชุมชนศิลปะในสวนจตุจักรซึ่งเขาเปิดร้านอยู่ที่นั่นนานถึง 6 ปีตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา
“การขายภาพที่จตุจักรทำให้ผมได้เผชิญหน้ากับชีวิตจริงของแท้
ทำให้ผมได้รู้จักลูกค้า ได้คุยกับลูกค้าโดยตรง แล้วได้คุยกับศิลปินอื่น ๆ
ทำให้ได้รู้ว่าคนคิดกับผลงานของผมยังไง เป็นจุดที่ทำให้ผมพัฒนาผลงานได้ไว
“ผมได้รับคำวิจารณ์ตรง
ๆ ได้เรียนรู้โลกที่แท้จริงว่ามันไม่ได้สวยงาม เป็นศิลปินแล้วไม่ต้องง้อเงิน
หรือศิลปะต้องไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยว ศิลปะบริสุทธิ์ เหล่านี้ลบทิ้งไปได้เลย”
นวัต คิวบิก
เป็นศิลปินที่ชอบทดลอง “เทคนิคต่าง ๆ ผมได้มาจากจตุจักร เช่น
การทำเทกซ์เจอร์นูนสูงนูนต่ำ ให้มีมิติมากขึ้น ใช้คัตตอนบัด สำลี หรือผ้าเข้ามาผสม
“เราสามารถเปิดใจแล้วเอาทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวในชีวิตประจำวันมาใส่ไว้ในศิลปะได้หมด
มันจะเป็นเทคนิคใหม่เฉพาะตัวที่เราเอามาใช้
ทำให้ผลงานของเราก็จะมียูนีคมากขึ้น”
งานของ นวัต
คิวบิก ส่วนใหญ่เป็นภาพบุคคลมาพร้อมเรื่องราวในนั้นให้คนดูได้รู้สึก
“งานศิลปะอาศัยความรู้สึกในการดู
ศิลปะสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องอธิบายเป็นสตอรี่หรือเป็นคำพูดมากมาย
“ผมรู้สึกว่าภาพคนมันท้าทาย
เพราะศิลปินวาดภาพคนมาเป็นพัน ๆ
ปีแล้วคุณจะวาดภาพคนยังไงให้แตกต่างกับศิลปินที่เกิดก่อนคุณ
หรือจะวาดภาพคนยังไงให้คนดูแล้วรู้ว่านี่คือ นวัต
“ในยุคนี้มีศิลปินเกิดขึ้นใหม่มากมาย
แล้วหลายคนก็วาดภาพคน เราจะสามารถพรีเซนต์ออกไปยังไงให้คนเห็นแล้วรู้ว่าภาพนี้
นวัตเป็นคนวาด”
นวัต คิวบิก
ร่วมงาน Mango
Art Festival มา 2 ครั้ง
ปีที่แล้วผลงานของเขาขายได้ทั้งหมด “หลังจากนั้นก็มีแกลเลอรี่ติดต่อให้ผมไปแสดงงาน
และนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของผมจะมีขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้มาแสดงงานที่ Mango
Art Festival”
นับตั้งแต่เรียนจบสาขาวิชาศิลปะจินตทัศน์
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒเมื่อหลายปีก่อน
จิตใจของนวัตมั่นคงอยู่กับการทำงานศิลปะอย่างไม่เคยวอกแวกลังเล
“พูดตามตรง
มันค่อนข้างอยู่ยากมากเหมือนกัน ผมเห็นศิลปินหลายคนที่โตมาพร้อมกัน
สุดท้ายก็ต้องไปทำงานอย่างอื่นที่เขาไม่ได้รัก
“แต่ถ้าหากต้องการเป็นศิลปิน
คิดว่าสามารถอยู่กับมันไปจนตายได้ ก็ต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
หาความรู้รอบตัวเยอะ ๆ โลกกำลังจะหมุนไปทางไหน เราจะปรับตัวเอาชนะมันได้ยังไง”
กับเส้นทางอาชีพศิลปิน
นวัต คิวบิกบอกว่า เขาเคยวางแผนอนาคตไว้หลายอย่าง “แต่ผมก็ได้ค้นพบว่า
ในการทำงานศิลปะ เราไม่สามารถวางแผนได้ทั้งหมด มันจะมีสถานการณ์เข้ามา
ศิลปะเป็นอะไรที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเราได้ตลอดเวลา
“สุดท้ายคำตอบก็คือ
ทำผลงานให้ดีที่สุด แค่นี้ก็พอแล้ว หลังจากนั้นโลกจะพาเราไปที่ไหนก็แล้วแต่”
…..
แม้จะหลงใหลในศิลปะอย่างหยั่งรากลึกและศึกษาเชิงวิชาการมานานหลายปี
แต่ “วัณณิตา ตันเก่ง” หรือ “หมิว” นักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยศิลปากร
ยังเรียกตัวเองว่า "หน้าใหม่" ด้วยเส้นทางอาชีพของเธอเพิ่มเริ่มต้น
“หมิวเพิ่งเข้ามาในวงการ
ได้เริ่มต้นแสดงงานตอนเรียนปริญญาโท รู้สึกว่ามันยังเร็วมาก
มีหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้อีกเยอะในวงการนี้”
ก้าวแรก ๆ
เพื่อเข้าสู่อาณาจักรแห่งศิลปะระดับมืออาชีพ วัณณิตาได้ร่วมเทศกาลศิลปะ Mango Art
Festival เมื่อปีที่แล้ว
ผลงานศิลปะของเธอถูกมองเห็นและได้รับความสนใจอย่างมาก
ด้วยความโดดเด่นในแนวทางกึ่งนามธรรม
(Semi
Abstract) ซึ่งเป็นการสำรวจแสง สี
และรูปทรงที่เชิญชวนให้ผู้ชมร่วมจินตนาการ
“งานของหมิวจะเน้นเรื่องแสงสีที่สะท้อนผ่านวัตถุใส
วิ้ง ๆ แวว ๆ เอกลักษณ์ของหมิวอยู่ที่การเคลื่อนไหวของฝีแปรง ที่ออกมาเบลอร์ ๆ
ฟุ้ง ๆ”
การเข้าร่วมเทศกาลศิลปะเป็นการเปิดโลกสำหรับศิลปินหน้าใหม่และมอบโอกาสที่สำคัญที่สุดคือ
การได้มีนิทรรศการศิลปะเดี่ยวครั้งแรก
“งานนี้ทำให้คนเห็นงานเรามากที่สุด
มีคิวเรเตอร์มาติดต่อให้เราไปแสดงงาน
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนจำงานที่เราแสดงในงานได้ คนมาดูงานเยอะมาก
คนเข้าถึงงานได้ง่าย แล้วไม่มีใครรู้ว่าหมิวเป็นศิลปิน
ทำให้เรามีโอกาสได้ฟังความคิดเห็นของคนอื่นว่าเขาคิดยังไงกับงานของเรา”
ผลงานที่นำออกแสดงของวัณณิตา
สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ทางศิลปะ สไตล์ และธีมส่วนตัว
การเปิดเผยนี้ทำให้เธอสามารถสร้างความประทับใจ และสร้างสถานะของตัวเองในชุมชนศิลปะ
โดยที่นิทรรศการเดี่ยวเป็นเครื่องยืนยันความสามารถและการทำงานหนักของศิลปิน
การนำผลงานมาร่วมเทศกาลสร้างโอกาสให้วัณณิตาได้เติบโตและพัฒนา
“เราต้องทำงานสม่ำเสมอ แต่ไม่ใช่แค่ทำงานในสตูดิโอ ต้องไปดูงานข้างนอก ไปพบปะผู้คน
สร้างคอนเนคชั่น เปิดโอกาสให้คนรู้จักเราได้มากขึ้น อาจจะได้รับโอกาสใหม่ ๆ
เข้ามา”
ขณะที่การเป็นศิลปินหน้าใหม่เป็นประสบการณ์อันท้าทาย
ไม่ต่างกับเป็นผืนผ้าใบว่างเปล่าที่รอการเติมเต็มด้วยวิสัยทัศน์และเป็นเอกลักษณ์
“การที่เราได้ออกไปข้างนอก
ทำให้คนเห็นงานเราแล้ว ก็ต้องพัฒนางานขึ้นไปเรื่อย ๆ
ทำให้เขาจดจำผลงานของเราและได้เห็นความสม่ำเสมอในการสร้างสรรค์งานของเรา
“หมิวทำงานเป็นหลัก
แต่เมื่อเวลามีกิจกรรมทางศิลปะก็ไปร่วมด้วย เพื่อไปพูดคุยทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ
ทำให้เราเป็นที่รู้จัก ทำให้เขารู้จักเราด้วย”
…..
ในมุมมองของนักสะสม
อีเวนต์แห่งปีอย่าง Mango Art Festival เป็นโอกาสพิเศษในการดื่มด่ำกับงานศิลปะอันหลากหลายในที่เดียว
นักสะสมสามารถค้นหาผลงานซึ่งตรงกับรสนิยมและความชื่นชอบของตนเองได้อย่างง่ายดาย
เทศกาลนี้ยังเป็นประตูสู่ชุมชนศิลปะและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
“ทอม แวน
บลาร์คอม” (Tom Van Blarcom) นักสะสมงานศิลปะชาวอเมริกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเทศกาล
Mango
Art Festival ที่เขาเคยได้สัมผัสว่า
“เป็นการผสมผสาน
ศิลปิน แกลเลอรี และทุกสิ่งที่หลากหลายมารวมกัน คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณจะพบอะไร
อาจจะไม่มีอะไรหรืออาจจะมีหลายชิ้นที่คุณชอบ อาจจะตรงเป้าหรือพลาดเป้า
เราไม่มีทางรู้ นั่นคือสิ่งที่น่าสนุกเกี่ยวกับงานนี้”
ด้วยประสบการณ์เกือบ
4 ทศวรรษในการใช้ชีวิตในประเทศไทย
ทอมเข้าใจถึงความรู้สึกของหลายคนเมื่อแรกก้าวเข้ามาสำรวจโลกแห่งศิลปะที่อาจดูน่าหวาดกลัวด้วยถูกมองว่าเป็นพื้นที่สำหรับ
“ชนชั้นสูง” หรือคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
“ลืมมันซะ ไม่ต้องสนใจพวกเขา”
ทอมแนะนำ “ไปดูในสิ่งที่คุณต้องการดู สนุกไปกับมัน
และอย่าไปสนใจเรื่องเหล่านั้น
อย่าปล่อยให้พวกเขาทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ควรอยู่ที่นั่น คุณควรจะอยู่ตรงนั้น
และคุณควรจะสนุกไปกับมัน และถ้าคุณสามารถจ่ายได้ คุณก็แค่ซื้อมัน”
สำหรับ ทอม
แวน บลาร์คอม วิธีเลือกงานศิลปะเข้าคอลเลคชั่นสะสมของเขานั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน
โดยจะฟังความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในหลังจากได้เห็นงานชิ้นนั้น ๆ
“คำที่ผมใช้คือ
‘มันสื่อสารกับผมหรือเปล่า’”
จากผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะกลายมาเป็นนักสะสม
คอลเลคชั่นของทอมเติบโตอย่างช้า ๆ ประกอบด้วยผลงานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด
ภาพพิมพ์ ประติมากรรม ภาพถ่าย และ เซรามิก รวมอยู่ในนั้น
งานทั้งหมดที่สะสมไว้
“ผมไม่คิดว่ามันหล่อหลอมอัตลักษณ์ของผม มันเป็นความชอบที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา
ศิลปะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมมากขึ้นเรื่อย ๆ
และผมใช้เวลามากขึ้นในการดูงานศิลปะ สำรวจ
งานศิลปะ
การไปสถาบันเกี่ยวเนื่องกับศิลปะ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องความเป็นตัวตนของผม
แต่เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญและคือสิ่งที่ผมชอบใช้เวลาไปกับมัน”
สำหรับทอม
เป้าหมายหรือความตั้งใจเกี่ยวกับคอลเลคชั่นงานศิลปะนี้คือ
การซื้อสิ่งที่เขาชอบและทำให้เขามีความสุข
“มีบางชิ้นที่ผมยังสามารถดูและชื่นชมมันได้จนถึงทุกวันนี้
เป็นงานชิ้นที่ยังคงสื่อสารกับผม ตั้งแต่วันที่ผมได้ชื่นชมมันครั้งแรกเมื่อ 10 ปี 15 ปี หรือ 20
ปีที่แล้วก็ตาม”
ทอมเก็บผลงานไว้ทั้งที่บ้านและในที่ทำงาน
“ได้ดูมันแล้วยังรู้สึกตื่นเต้น เพลิดเพลิน นั่นแหละคือส่วนที่ผมชอบ”
นักธุรกิจเจ้าของบริษัท
TQPR
ผู้นี้ไม่เคยวางแผนสำหรับการเก็บสะสมงานศิลปะ
“ผมซื้อสิ่งที่ผมรู้สึกกับมัน ไม่ซื้อเพื่อทำกำไร
คนจำนวนมากจะซื้อและหวังว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นแล้วจึงขายได้ แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น
ผมซื้อสิ่งที่สื่อสารกับผม ซื้อสิ่งที่ผมชอบ ซื้อสิ่งที่ผมต้องการอยู่ด้วย
และผมโชคดีมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ศิลปินที่ผมชอบส่วนใหญ่กำลังไปได้ดี
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับผม
“ผมไม่ได้วางแผน
ผมแค่ผ่านมาและหวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่สื่อสารกับผม” ทอม แวน บลาร์คอม กล่าว
…..
การสร้างคอลเลคชั่นงานศิลปะเป็นกระบวนการที่ยาวนานและสามารถมอบความเพลิดเพลินให้กับเจ้าของได้ตลอดชีวิต
และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม คอลเลกชั่นงานศิลปะสามารถแสดงออกถึงความสนใจ
ความรู้สึก หรือการเดินทางของนักสะสมงานศิลปะได้ส่วนหนึ่ง
“รวิศรา
จิราธิวัฒน์” อาร์ตเลิฟเวอร์ที่กลายมาเป็นนักสะสมงานศิลปะผู้ทุ่มเท
แบ่งปันเรื่องราวการเดินทางสู่โลกแห่งศิลปะและผลกระทบอันลึกซึ้งที่มีต่อชีวิตของเธอ
“เริ่มต้นจากมองหางานศิลปะที่ถ้ามาอยู่ในบ้านแล้วเราสามารถดูได้นาน
ๆ ดูได้ไม่เบื่อ เป็นจุดแรก ๆ ที่เรายอมลงทุนกับเรื่องของศิลปะ
เพราะว่าอยากให้มันอยู่กับเรานาน ๆ”
รวิศราเป็นนักสะสมงานศิลปะที่เปิดกว้าง
และเธอก็พบว่า Mango
Art Festival เป็นพื้นที่ซึ่งมีศิลปะหลากหลายให้ได้ค้นหา
“Mango Art
Festival เปิดให้ทั้งศิลปินอิสระ ศิลปินที่มีชื่อเสียง เป็นการรวมตัวกันที่หลากหลาย
เราจะได้เห็นหลาย ๆ รูปแบบ คนทั่วไปมาร่วมงานได้ นักสะสมได้เจอศิลปิน
ศิลปินสามารถจะนำเสนอตัวเขาเองได้ ไปแล้วเราเห็นอะไรใหม่ ๆ ทุกปี ทั้งงานศิลปะ
ศิลปิน และอีเวนต์ที่จัด
“เวลาไปดูงานหรือว่าได้ไปพบเจอพูดคุยกับศิลปิน
ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขา ได้รู้เรื่องการทำงาน รู้ว่าเขาคิดงานยังไง
รวมทั้งแพสชั่นของเขา ทำให้เราอยากสะสมงานของเขา อยากสนับสนุน
และมองว่าน่าจะได้เห็นงานกับเขาอีกเรื่อย ๆ
“ดิฉันจะรู้สึกอินสไปร์กับศิลปินที่แนวคิดหรือความเชื่อของเขา
งานที่สะสมส่วนใหญ่จะมีความหมายในด้านบวก หรือเป็นงานที่สร้างโซเชียลอิมแพ็ค
“งานทุกชิ้นที่สะสมมีคุณค่าสำหรับเรา
ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ทุกชิ้นถูกลงมือสร้างด้วยความคิดสร้างสรรค์
ด้วยพลังของศิลปินคนนั้น ๆ แต่ละคนมีเรื่องของเขาที่จะเล่า”
งานศิลปะที่สะสมนอกจากจะทำให้เหมือนมีหอศิลป์เป็นของตัวเองที่บ้านแล้ว
ผู้บริหารหญิงแห่งเครือเซ็นทรัลรีเทลผู้นี้ยังนำผลงานศิลปะที่สะสมไปติดตั้งไว้ที่ทำงานด้วย
“งานศิลปะเป็นความชอบส่วนตัว
แล้วเราก็อยากให้คนอื่นเอ็นจอยได้ด้วย ที่นำงานมาติดตั้งที่ออฟฟิศ
เพื่อให้บรรยากาศสดใสมากขึ้น เวลาเห็นงานศิลปะ คนทำงานอาจจะไม่เครียด
อาจจะมีแรงบันดาลใจบางอย่าง การสะสมงานศิลปะเป็นความชอบส่วนตัว
แล้วก็เป็นการได้แชร์กับคอมมูนิตี้ของเราด้วย”
นอกจากนี้งานศิลปะที่เก็บสะสมยังสร้างฐานความรู้และขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ของคนเป็นเจ้าของ
“ศิลปะมีความหมายมากสำหรับดิฉัน
เวลาเราดูงานศิลปะ จะมีความคิดใหม่งอกขึ้นมาเสมอ ทำครั้งที่ดูมันก็จะได้อะไรใหม่ ๆ
มาตลอดเวลา ทั้งเกี่ยวกับชิ้นงานและเกี่ยวกับตัวเราเองด้วย
เป็นแรงบันดาลใจซึ่งสามารถนำมาใช้กับชีวิตได้
“ดิฉันสะสมงานศิลปะโดยไม่ได้มองที่ราคา
แต่มองที่เนื้องาน มองที่ศิลปิน แล้วก็เป็นงานที่เราชอบ ถ้าเราคอนเน็คท์กับมัน
เราก็คิดว่างานชิ้นนั้นก็มีคุณค่ากับเรามากพอแล้ว เราไม่ได้ตีราคาด้วยเม็ดเงิน
แต่ตีราคาด้วยเนื้องานมากกว่า
“การสะสมงานศิลปะไม่มีอะไรผิดหรือถูก
ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับคุณค่าที่เขา ให้กับงานศิลปะ
ไม่มีอะไรมาจำกัด มีคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบศิลปินอาวุโส
หรือผู้ใหญ่หลายท่านก็สะสมงานอาร์ตทอย เป็นชุมชนที่ไม่มีพรมแดน”
…..
เรื่องราวจากศิลปินและนักสะสมงานศิลปะเหล่านี้ตอกย้ำว่า
ศิลปะมีพลังอันน่าทึ่งซึ่งสามารถเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนเติบโต พัฒนา
และเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้ ขณะที่กิจกรรมทางศิลปะ เช่น Mango Art
Festival มีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่ให้ผู้คนได้ดื่มด่ำใกล้ชิดกับศิลปะ
ที่ซึ่งผู้รักงานศิลปะทุกคนได้รับเชิญให้มีส่วนร่วมในการเดินทาง สำรวจ ค้นพบ
รับแรงบันดาลใจ รวมทั้งสำรวจผลกระทบอันลึกซึ้งของศิลปะที่มีต่อชีวิตของเรา
Mango Art Festival 2024 วันที่: 7
- 12 พฤษภาคม 2567 เวลา:
11.00 - 21.00 น.
สถานที่: ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ร่วมเดินทางสู่โลกแห่งศิลปะไร้พรมแดนกับ
Mango
Art Festival ครั้งที่ 4 ภายใต้ธีม “Journey” พบกับผลงานศิลปะหลากหลายกว่าพันชิ้น จากศิลปินกว่า 200 คน
รวมถึงศิลปินอิสระและศิลปินหน้าใหม่ที่โดดเด่น สำรวจบูธของ 18
แกลเลอรี่ซึ่งจัดแสดงผลงานที่คัดสรรมาแล้วจากทั้งไทยและต่างประเทศ
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์งานฝีมือ เข้าร่วม Art Talks โดยวิทยากรผู้มากประสบการณ์
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูล และมุมมองทางศิลปะ
ชมการแสดงอันตระการตาไม่ว่าจะร้อง เล่น เต้นรำ ฯลฯ
อย่าพลาดโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน “การเดินทาง” ทางศิลปะครั้งนี้!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line Official : @mangoartfestival
Email : mangoartfestivalthailand@gmail.com
Mobile : (66) 98-846-0969
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น