ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม
เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2566 มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน
(NNP) อยู่ที่ 2,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 375 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตค่าก๊าซ
การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งนี้มีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย
ได้แก่ กำลังการผลิตจากโครงการที่เปิดดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 667 เมกะวัตต์,
การฟื้นตัวของอัตรากำไรต่อหน่วยระหว่างราคาไฟฟ้าตามค่า Ft
และต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ, ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
1.2% และปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยที่ลดลง 2.5% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์
ประสบความสำเร็จในการขยายกำลังการผลิตสู่ 4 กิกะวัตต์
จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าหลายโครงการตามแผน
ร่วมกับการลงทุนในตลาดที่สำคัญ ทั้งสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศมาเลเซีย
ตอกย้ำบทบาทในการร่วมพัฒนาภาคพลังงานให้กับภูมิภาค
อีกความสำเร็จที่สำคัญตลอดปี
2566 คือ การเดินหน้ากลยุทธ์ "Greenleap:
Global and Green“ เพื่อก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน
บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายโครงการ
รวมไปถึงการได้มาซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาเพิ่มเติมอีก
698 เมกะวัตต์ และมีโครงการพลังงานลมที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่สาธารณรัฐเกาหลีกว่า
1 กิกะวัตต์, โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่สาธารณรัฐอิตาลี 250-300
เมกะวัตต์, โครงการพลังงานหมุนเวียน Feed-in Tariff (FiT) ในประเทศไทย 339.3 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในอีกหลายประเทศ
เช่น สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, ราชอาณาจักรกัมพูชา, กรีซ, ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานในระยะยาว
ที่มุ่งสร้างการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในพลังงานหมุนเวียนระดับโลก
บี.กริม
เพาเวอร์ ยังมุ่งส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศ
โดยในปี 2566 สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่
โดยมีการเชื่อมเข้าระบบรวม 52.1 เมกะวัตต์ได้ตามเป้าหมาย
ซึ่งมาจากการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการ
รวมไปถึงการจัดหาใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ให้กับลูกค้า
และมุ่งต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค
เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในด้านความยั่งยืน ในปี
2566 บี.กริม เพาเวอร์ ที่ได้รับการการันตีผ่าน
3 รางวัล ได้แก่ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในเรตติ้งสูงสุด “AAA”
จาก SET ESG Ratings (ชื่อเดิมคือ Thailand
Sustainability Investment หรือ THSI), ติดอันดับ
The Sustainability Yearbook โดย S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยคะแนนสูงสุด 10% แรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้าทั่วโลกใน
Yearbook ปี 2567 นอกจากนี้ยังได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก FTSE4Good
Index อย่างต่อเนื่อง
ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี
มีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญอย่างมากในำด้านการบริหารจริยธรรม
โดยได้รับการรับรองในฐานะสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3
สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและการบริหารจริยธรรมที่ดี
สำหรับทิศทางในปี
2567 ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า
บี. กริม เพาเวอร์ มุ่งขยายการลงทุนในโครงการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มุ่งมั่นร่วมขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในการประกาศรับซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลรอบถัดไป ตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ
Feed-in Tariff (FiT) พร้อมเดินหน้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าตามแผนทั้งในประเทศไทย
ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม
(IU) รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 50-60 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำภาคอุตสาหกรรมของ บี.กริม เพาเวอร์
ในระยะยาว บี.กริม
เพาเวอร์ ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000
เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์
(Net Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593
บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ
0.36 บาท สำหรับปี 2566 ประกอบด้วยเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.18
บาท และเงินปันผลจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท คงอัตราการจ่ายปันผลที่
45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD)
13
มีนาคม 2567 และวันที่จ่ายปันผล คือ 10 พฤษภาคม 2567 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
2567 ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น