วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

บี.กริม ขับเคลื่อน 6 กลุ่มธุรกิจ เติบโตก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก ผนึก “บี.กริม เพาเวอร์” และ “บี.กริม อุตสาหกรรม” ตอบโจทย์ลูกค้าครบวงจร สร้าง “บี.กริม ฟาร์มา” ธุรกิจฐานรากขององค์กร สู่ผู้นำผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร เดินหน้าทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคมไทย

 


กรุงเทพฯ (29 มกราคม 2567) – บี.กริม องค์กรที่อยู่เคียงคู่สังคมไทย จากรากฐานปรัชญาการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2421 เติบโตเคียงข้างประเทศไทย เริ่มต้นจากธุรกิจร้านปรุงยา สู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน วันนี้สยายปีกสู่ กลุ่มธุรกิจ พร้อมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจฐานราก ตั้งเป้าสร้าง       “บีกริม ฟาร์มา” สู่ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร เผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรใน 5 ปีข้างหน้า ฉลองการเข้าสู่ปีที่ 150 มุ่งเติบโตก้าวกระโดด ขึ้นแท่นองค์กรชั้นนำระดับโลก

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม กล่าวว่า ตลอด 145 ปี บี.กริม มุ่งมั่นในการทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม จากจุดเริ่มต้นธุรกิจร้านปรุงยาสมัยใหม่ในสมัยรัชกาลที่ สู่บริษัทที่มีหลากหลายธุรกิจในทุกวันนี้ โดยมี “ดีเอ็นเอ” ของความทันสมัยและก้าวไปไม่หยุดนิ่ง ภายใต้ค่านิยมหลัก ประการ (4Ps Core Values) ที่ครอบครัว บี.กริม ยึดถือเป็นวิถีปฏิบัติในการทำงานเสมอมา ซึ่งเสมือนอาวุธที่นำมาประยุกต์เป็นกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อปรับเปลี่ยนและรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง พร้อมนำเสนอสิ่งใหม่มาสู่สังคมไทยที่หลากหลาย  และวันนี้ บี.กริมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การริเริ่มขุดคลองชลประทานรังสิตเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตรการนำเข้ายาที่ทำให้คนไทยไม่ต้องป่วยตายโดยไม่จำเป็นการติดตั้งเครื่องโทรเลขไร้สายเป็นครั้งแรก ตลอดจนกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมและการดำเนินธุรกิจการค้าอื่น ๆ

ปัจจุบัน บี.กริม มีสายธุรกิจหลัก กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจด้านพลังงาน 2. ธุรกิจอุตสาหกรรม 3. ธุรกิจสุขภาพ 4. ธุรกิจเทคโนโลยีดิจิตอล 5. ธุรกิจไลฟ์สไตล์  เป็นตัวแทนสินค้าแฟชั่นหลายกลุ่ม และ 6. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยวันนี้ บี.กริม ในวันนี้ก้าวข้ามการแข่งขันในประเทศสู่การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลก โดยมุ่งกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ และกำหนดทิศทางการลงทุนของบี.กริม ซึ่งจะเน้นไปที่ค่านิยมหลัก ประการ (4Ps Core Values)  1. ความร่วมมือกัน (Partnership) 2. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Pioneering Spirit) 3. การมีทัศนคติที่ดี (Positivity) และ 4. ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)

บี.กริม ตั้งเป้าหมายการเติบโตของแต่ละธุรกิจ โดยเฉพาะใน ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ระยะยาว “GreenLeap – Global and Green” โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่า 50% ในปี 2573 และตั้งเป้าขยายการลงทุนสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา ในปี 2573 และมีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon Emissions ภายในปี 2593 หรือ คศ. 2050 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในประเทศไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อิตาลี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง และได้เปิดดำเนินการ (COD) แล้วรวม 3,970 เมกะวัตต์ เมื่อรวมโครงการซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 12 โครงการ จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 4,623 เมกะวัตต์ โดยความสำเร็จมาจากจุดแข็งในการเป็นผู้นำกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม และพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลก

ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ มีการขยายโครงการต่างๆ ในต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีไฮไลท์คือประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 122.49 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 1,000 เมะวัตต์ ส่งผลให้ บี.กริม เพาเวอร์ เป็น ใน ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สเปน สหรัฐอเมริกา และไทย ที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลเกาหลีใต้ เข้าร่วมงาน Investment Korea 2023 พร้อมได้รับรางวัลจากรัฐบาลเกาหลีใต้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนภายใต้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลไทยจำนวน 15 โครงการ รวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์ ปัจจุบันได้เตรียมพร้อมเข้าร่วมโครงการพลังงานหมุนเวียนในรอบถัดไปแล้ว

บี.กริม อุตสาหกรรม หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ บี.กริม ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยผลการดำเนินงานในปี 2566 มีรายได้เติบโตขึ้น 14% สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอื่นซึ่งเติบโตน้อยกว่า สำหรับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้แก่ ระบบปรับอากาศแคเรียร์ ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจระบบปรับอากาศในประเทศไทย จากการเดินหน้าสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากพันธมิตรตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการเปิดตัวนวัตกรรมและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยที่สามารถเชื่อมต่อระบบ IoT ระบบปรับอากาศแบบ VRF สำหรับอาคาร หรือระบบบริการหลังการขายที่สามารถแจ้งการทำงานผิดปกติโดยอัตโนมัติ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยชูจุดเด่นเรื่องการบริการแบบครบวงจรและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย พร้อมทางเลือกในการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในปี 2566 บี.กริม ได้ติดตั้งประมาณ 70 หัวชาร์จให้แก่หลากหลายผู้ประกอบการ โดยปีนี้เน้นขยายธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แพลตฟอร์มของ บี.กริม เอง ขณะเดียวกันยังมีการขยายธุรกิจไปสู่การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบ EPC ซึ่งเป็นการให้บริการติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turn-Key ตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง ขออนุญาต จนจบกระบวนการ และมีการพัฒนาโซลูชันเพื่อสุขภาพที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร หรือ Healthy Living Solution ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีระบบไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อโรคในระบบปรับอากาศ ซึ่งมีการติดตั้งในห้างสรรพสินค้าเครือเซ็นทรัลแล้วกว่า แห่ง และมีแผนขยายไปยังสถานที่ต่างๆ ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในระยะยาวถึง เท่าภายในปี 2573 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

ปิดท้ายด้วย บี.กริม ฟาร์มา อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจเรือธงของ ที่ บี.กริม ให้ความสำคัญมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2421 ย้อนกลับไป 145 ปี กับร้านปรุงยาตำรับตะวันตกแห่งแรกของประเทศไทย ในชื่อ “สยามดิสเป็นซารี่” และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นร้านยาหลวงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ จุดเริ่มต้นของปรัชญาแห่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีของ บี.กริม ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อส่วนรวมและสังคม และวันนี้ด้วยสถานการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการรักษา บี.กริม ได้กลับมาสานต่อธุรกิจฐานรากดังกล่าวภายใต้ “บี.กริม ฟาร์มา” ซึ่งยังคงมุ่งเน้นเจตนารมณ์เดิมที่ชัดเจน นั่นคือการมุ่งสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับผู้คน ส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ป่วย เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ได้แก่ ยา และ เวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 2. กลุ่มยารักษาโรคระบบประสาทและจิตเวช 3. กลุ่มยารักษาโรคกระดูกและกล้ามเนื้อ 4. กลุ่มยารักษาโรคระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และเครื่องมือแพทย์

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ตลอด 145 ปี พร้อมกับกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ บี.กริม พร้อมเดินหน้าเติบโตสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก ก้าวสู่ความสำเร็จและขยายธุรกิจไปในหลายประเทศทั่วโลก ผลักดันให้ต่างประเทศเห็นถึงศักยภาพของคนไทย และช่วยนำพาธุรกิจ และพันธมิตรทุกคนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...