วันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566

"มินเทล" เผยผลสำรวจใหม่ พบคนไทยนิยมดื่ม เครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์สูงเพื่อดับร้อน

 


กรุงเทพฯ—27 ธ.ค. 2566—พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต

ประเทศไทยเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงทุบสถิติในฤดูร้อนปี 2566 โดยมีรายงานว่าร้อนทะลุปรอทถึง 45.5 องศาเซลเซียส ในช่วงที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้ ผู้บริโภคมักหันมาดื่มน้ำเพื่อดับกระหาย ซึ่งผลการศึกษาล่าสุดจากมินเทล (Mintel) เผยให้เห็นว่า คนไทย 70% พยายามดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยพยายามเพิ่มน้ำให้กับร่างกายเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศที่ท้าทาย

คลื่นความร้อนที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทยปีนี้ยังจุดประกายให้เกิดการพูดคุยเรื่องเครื่องดื่มมากขึ้น โดยเครื่องมือโซเชียลลิสเทนนิงอย่างอินเฟจี แอตลาส (Infegy Atlas) พบว่าเครื่องดื่มมีอิมเพรสชัน (impression) ประมาณ 780,000 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 การพูดคุยที่เพิ่มขึ้นนี้มีขึ้นในขณะที่ไทยเริ่มเข้าฤดูร้อนและมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยพยายามมองหาวิธีคลายร้อน และแสดงความรู้สึกเชิงบวกเกี่ยวกับเครื่องดื่ม

รัชมีกา คานีโย ( Rashmika Khanijou) นักวิเคราะห์อาวุโส แผนกอาหารและเครื่องดื่ม มินเทล รีพอร์ท ประเทศไทย กล่าวว่า

"รายงานวิเคราะห์เทรนด์วงการอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก (Global Food and Drink Trend Weatherproofed Provisions) ประจำปี 2566 ของมินเทลนั้น มอบข้อมูลให้แบรนด์ต่าง ๆ นำไปใช้ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภครับมือกับสภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นได้ โดยเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์น่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการให้ความสดชื่นและฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งส่วนผสมที่มีมูลค่าเพิ่มบางส่วนที่ควรจับตามองนั้นมีทั้งอิเล็กโทรไลต์และสมุนไพรคลายร้อน ซึ่งต้านทานผลกระทบที่ความร้อนมีต่อร่างกายได้"

"คุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ก็กำลังกลายเป็นเรื่องน่ากังวลเนื่องด้วยอุณหภูมิร้อนจัดอย่างที่ไทยกำลังเผชิญ ส่วนผสมที่น่าจับตามองคือส่วนผสมที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยให้ร่างกายรับมือกับสภาวะเช่นนี้ได้"

ในปี 2566 นั้น เครื่องดื่มอัดลม (70%) น้ำดื่มบรรจุขวด (67%) และกาแฟพร้อมดื่ม (60%) เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อันดับต้น ๆ ในใจผู้บริโภค นอกจากนี้ ผลสำรวจยังเผยให้เห็นโอกาสที่เป็นไปได้สำหรับเครื่องดื่มไฮบริด โดยผู้บริโภค 47% แสดงความสนใจที่จะลองดื่ม

คุณคานีโย กล่าวเสริมว่า "แบรนด์ต่าง ๆ มีโอกาสที่จะดึงดูดความสนใจด้วยการนำกาแฟและน้ำผลไม้มาผสมกัน หรือที่เรียกว่า 'จอฟฟี' (joffee) ซึ่งเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อดึงดูดผู้บริโภคชาวไทย ผลการศึกษาของเราระบุว่า ชาวกรุงเทพฯ 58% (เทียบกับ 47% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด) รู้จักและสนใจลองเครื่องดื่มไฮบริด ซึ่งสำหรับแบรนด์แล้ว นี่เป็นโอกาสในการพัฒนาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมกาแฟที่มีรสชาติที่โดนใจผู้บริโภค"

ให้ความสำคัญกับประโยชน์ต่อสุขภาพ

ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับคุณค่าต่อสุขภาพมากกว่ารสชาติ (35% เทียบกับ 22%) เมื่อซื้อเครื่องดื่ม

"ปัจจุบันไม่มีรสชาติกลุ่มใดที่ถูกมองว่า 'มีประโยชน์' โดยเมื่อคุณประโยชน์ต่อสุขภาพเข้ามามีความสำคัญมากกว่ารสชาติแล้ว การผสมผสานรสชาติและประโยชน์เข้าด้วยกันจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เครื่องดื่มดึงดูดผู้บริโภคและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้"

คนไทยกลุ่มที่มีอายุสูงกว่า (เจ็น เอ็กซ์) มีแนวโน้มเลือกเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ เช่น เจ็น ซี ตัวอย่างเช่น 43% ของผู้บริโภคที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ชอบเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีน้ำตาลต่ำ/ไม่มีน้ำตาล/ลดน้ำตาล เมื่อเทียบกับ 33% ในกลุ่มเจ็น ซี โดยคุณคานีโยแนะนำว่า แบรนด์จะดึงดูดคนกลุ่มเจ็น เอ็กซ์ ได้ เมื่อเสนอตัวเลือกที่เน้นเรื่องสุขภาพพร้อมสรรพคุณที่มีประโยชน์และเป็นที่ยอมรับ

ในภาพรวมนั้น คนไทยเกือบครึ่งชอบเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่ทราบกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น คอลลาเจนและโปรไบโอติก โดยคุณรัชมีกากล่าวเสริมว่า "สิ่งนี้ตอกย้ำว่าผู้บริโภคชาวไทยอ่านรายการส่วนผสมเครื่องดื่มอย่างจริงจัง และมองหาตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพของตนเอง"

วางคนกลุ่มเจ็น ซี เป็นตลาดเป้าหมาย

แม้เจ็น ซี จะเป็นกลุ่มที่นิยมบริโภคเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มากที่สุดในไทย แต่เจ็น ซี ยังตามหลังกลุ่มอายุอื่น ๆ ในบางหมวดหมู่ เช่น น้ำดื่มบรรจุขวด กาแฟพร้อมดื่ม (RTD) น้ำวิตามิน และเครื่องดื่มทดแทนมื้ออาหาร (เช่น โปรตีนเชค) โดยผลการศึกษาของมินเทลนั้นสะท้อนให้เห็นโอกาสที่ยังไม่ได้มีการสำรวจอย่างจริงจังสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ในตลาดเจ็น ซี

image.png

คุณคานีโย กล่าวว่า "แบรนด์เครื่องดื่มมีโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยใช้รสหวานเจาะกลุ่มเจ็น ซี โดยผลการศึกษาของมินเทลแสดงให้เห็นว่า กลุ่มเจ็น ซี ชาวไทยมากกว่าหนึ่งในสาม (37%) ชอบเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีรสหวาน (เช่น ช็อกโกแลต) มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ (เทียบกับ 30% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด) ดังนั้น เจ็น ซี จึงจัดได้ว่าเป็น 'ผู้ทำอะไรตามอารมณ์ตัวเอง' โดยเน้นไปที่รสชาติที่ตนเองชอบมากกว่า"

"อย่างไรก็ตาม รสหวานในเครื่องดื่มมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการเป็น 'สิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ' โดยแบรนด์จะเอาชนะความคิดเช่นนี้ได้ โดยนำส่วนผสมที่มีประโยชน์เพิ่มเข้ามา เพื่อนำเสนอเครื่องดื่มที่สมดุลและน่าดึงดูดสำหรับผู้บริโภคเจ็น ซี"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...