กรุงเทพฯ – 5
ตุลาคม 2566 - บริษัท
อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศภารกิจและวิสัยทัศน์ใหม่ รองรับการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจครั้งสำคัญ
เดินหน้าสู่ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย ซึ่งแผนการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เป็นการดำเนินตามค่านิยมหลักเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน
(ASV)
ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2573
ของกลุ่มบริษัทฯ ระดับโลก ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีของผู้คน
1,000 ล้านคนทั่วโลก และส่งเสริมความยั่งยืนของโลกด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ
50%
มร. อิชิโระ
ซะกะกุระ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยสภาวะแวดล้อมในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม
และพนักงาน บริษัทฯ จึงได้ปรับ“วิสัยทัศน์” ใหม่ จากเดิม “มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย”
สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน” โดยมี “ภารกิจ”
ใหม่ ในการอาสา “แก้ไขปัญหาด้านอาหารและสุขภาพของสังคมผ่านค่านิยมหลักของบริษัท”
“พร้อมกันนี้ ยังมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ในระดับโลก ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ
ผ่านการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพดีของผู้คนจำนวน
1,000 ล้านคน และการทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง
50% จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยอายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มีแผนเปิดตัว
กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ภายในปี 2573
เพื่อสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคม
ผู้สูงวัยของไทยในอนาคตอันใกล้ และขยายผลความสำเร็จในการปลูกฝังแนวคิดการลดผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อมสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน”
จากโจทย์ระดับโลกของกลุ่มบริษัทฯ
สู่เป้าหมายการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย
อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุพันธกิจในการสร้างความอยู่ดีมีสุข
ให้สังคมไทย โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง Well-being หรือ
“การอยู่ดีมีสุข” ทั้งกับเพื่อนพนักงานและคนไทยทุกคน ซึ่งในส่วนของเพื่อนพนักงาน
ทางบริษัทฯ ได้มีการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ต่าง
ๆ ในสถานประกอบการ เช่น โรงอาหารที่มีเมนูสุขภาพให้เลือกรับประทาน
หรือสถานที่ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ทั้งทางด้านอาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังตั้งเป้าที่จะสนับสนุน
คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทย
ด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพของบริษัทฯ ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งหมด
3 แนวทาง ประกอบด้วย
1)
โภชนาการที่สมดุล
เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นด้วยโภชนาการที่ปราศจากการประนีประนอม (Nutrition
without Compromising) ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพซึ่งได้รับการรับรองเครื่องหมาย
Healthier Choice Logo เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม (รสดี
สูตร
ลดโซเดียม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ฯลฯ)
และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดน้ำตาล (กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้,
น้ำตาลไลท์ชูการ์, เบลนดี้ สติ๊ก คาเฟ
โอเล ฮาฟแคลอรี่ ฯลฯ) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพแต่ยังคงความอร่อย
พร้อมทั้งพัฒนาระบบประเมินปริมาณสารอาหารสำหรับเมนูอาหารไทย (Nutrient
Profiling System for Thai Menus: NPS-M) ให้คนไทยได้ใช้เป็นเกณฑ์
ในการตัดสินใจเลือกเมนูอาหารที่ชอบ อร่อย และเหมาะกับสุขภาพของแต่ละคน
2)
โภชนาการสำหรับการกีฬา
ในโครงการ Thailand
Victory Project ด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับนักกีฬา
(Winning Meal) เพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงและมีพลังงานเพียงพอ
ควบคู่ไปกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อะมิโนไวทัล ให้กับทีมนักกีฬาทีมชาติไทยในศึกซีเกมส์
ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา รวมไปถึงแผนการสนับสนุนในอนาคตต่อไป
3)
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุขภาพ
ด้วยการนำศาสตร์แห่งกรดอะมิโนมาตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนวัยทำงานจนถึงผู้สูงวัย
เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
แบบสุดยอด (Hyper-Aged
Society) ในปี พ.ศ. 2578 ของไทย โดยได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนอาหารและอาหารเสริม ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพให้แก่คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัย
มุ่งมั่นดำเนินการในทุกขั้นตอนกิจกรรมทางธุรกิจ
เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
อายิโนะโมะโต๊ะ
ได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงาน 5 ด้าน
เพื่อบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนในปี 2573 ได้แก่ 1)
การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% 2) การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80% 3) ลดขยะพลาสติก
เป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก) 4)
ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50% และ 5) การจัดซื้อจัดจ้าง
อย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร
โดยโรงงานทุกแห่งของบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต
ที่ได้นำหลัก 3Rs มาใช้ในการจัดการทรัพยากรในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำตลอดการผลิตให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้วยการบำบัดและใช้หมุนเวียนภายในโรงงาน การนำแกลบที่เหลือจากภาคการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อต้มไอน้ำพลังชีวมวลเพื่อผลิตไอน้ำสำหรับกระบวนการผลิต
(Biomass Cogeneration) รวมไปถึงการใช้พลังงานแสงอาทิตย์
ทดแทนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา
สำหรับภาคการเกษตร บริษัทฯ ได้ดำเนินงานผ่านโครงการ
“การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย” (Thai Farmer
Better Life Project) ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
ควบคู่กับการให้ความรู้ในการปรับปรุงดิน พัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรส
อายิโนะโมะโต๊ะ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โรคใบด่างฯ
ซึ่งเป็นโรคระบาดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมันสำปะหลัง
โดยสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาด ทนทาน และปราศจากโรค
ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดข้างเคียง ที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างฯ
มาตั้งแต่ปี 2564 รวมถึงปัจจุบันแล้วกว่า 73,025 ต้น
นอกจากนี้ ในเร็ว ๆ นี้ยังได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญ
Too
Good To Waste
เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน
ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวทางการจัดการ Food Loss and Food Waste
ที่ใช้ในโรงงาน เพื่อลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวน
การผลิต ด้วยการนำของเหลือจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืน
สู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำให้กับพืช
และใช้ผสมในอาหารสัตว์ (Fertilizer Animal feed) การนำขี้เถ้าแกลบที่เป็นของเหลือจากโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมจากชีวมวล
(Biomass Cogeneration) ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดิน
สำหรับผลสำเร็จในการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – พ.ศ. 2565)
อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงถึง 91% รวมทั้งการบำบัดน้ำทิ้งที่ได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง
267,000 ตัน
หรือเทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่กว่า 30 ล้านต้น และสามารถลดการใช้พลาสติกจากการดำเนินการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ต่าง
ๆ เช่น ลดขนาดหรือความหนาของบรรจุภัณฑ์พลาสติกลง โดยที่ยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไว้ได้ดีเหมือนเดิม
หรือการยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 2 ซึ่งทำให้ช่วยลดการใช้พลาสติกลงได้กว่า
307 ตัน นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้ถึง
49% หรือประมาณ 1,000 ตัน อีกด้วย
“เราคาดว่าโครงการและกิจกรรมภายใต้ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ
ทั้งในส่วนการสร้างความอยู่ดีมีสุข
ให้สังคมไทย และการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่กำลังดำเนินการอยู่และกำลังจะเริ่มดำเนินการในอนาคต
จะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย
เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศญี่ปุ่น
และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทย
อันจะนำไปสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนภายในปี 2573 ได้สำเร็จ” มร.
ซะกะกุระ กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น