วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566

TCMC เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีรายได้รวม 2.14 พันล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น พร้อมเติบโตตามสถานการณ์ตลาดในครึ่งปีหลัง

 


ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TCM Corporation Plc.) หรือ TCMC เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ ของปี 2566 ยังคงทำรายได้กว่า 2.14 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 27.3 ล้านบาท ชี้สามกลุ่มธุรกิจพร้อมเติบโตตามสถานการณ์ตลาดที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ ที่มีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สู่กลุ่ม Geo-Textile และ non-carpet เพิ่มความหลากหลายให้สินค้า ขณะที่ธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวฟื้นตัวชัดเจนตามธุรกิจท่องเที่ยว ด้านกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์รายได้ปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติ

               นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCMC)  เปิดเผยว่า บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (เรียกรวมกันว่า “กลุ่มบริษัท”) มีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ ปี 2566 จำนวน 2,140.61 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,384.53 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.23 และมี EBITDA จำนวน 176.55 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 48.98 และมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 27.30 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 6.38 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 9.27 ล้านบาท จากสถานการณ์ตลาดที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ และผลของการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจ

               ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่สองสะท้อนถึงสถานการณ์ของตลาดที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติชัดเจนขึ้น จากการที่ทีซีเอ็มซีได้เร่งปรับตัวต่อเนื่องตามแผนงานด้วยการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด พัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการมูลค่าเพิ่มสูง และสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกอบกับเศรษฐกิจในหลายตลาดเริ่มฟื้นตัว ด้วยอานิสงส์จากการท่องเที่ยว ตลาดกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวดีขึ้น ด้านกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์มีออเดอร์เข้ามาเยอะขึ้นจากแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยและต่างประเทศมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสที่สองเติบโตต่อเนื่อง  ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีรายได้บรรลุตามเป้าหมายที่ฝ่ายบริหารได้วางไว้” นางสาวปิยพรกล่าว

·       ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมฟื้นตัวส่งผลดีกลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว (TCM Surface)

จากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพและทำ lean ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 580.45 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 17.95  ถึงแม้ว่ากลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่ง ค่าแรง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากสภาพตลาด แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน มีการลงทุนในเครื่องจักรที่ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้น้ำ ลดการใช้วัตถุดิบ รวมถึงการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน และการปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้กลุ่มธุรกิจสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ร้อยละ 37.34  กลุ่มธุรกิจมีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการแนะนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด เนื่องจากสินค้าที่พัฒนาขึ้นใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาด เช่น พรมใช้ภายนอกอาคาร แผ่นซับเสียง ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนกลางและต้นทุนทางการเงิน กลุ่มธุรกิจสามารถทำกำไรได้ 10.66 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนถึงร้อยละ 208.7 ถือว่าทำผลประกอบการได้ดี อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ ทำให้กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวมีผลขาดทุนสุทธิ 16.62 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 17.67 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยธนาคารที่สูงขึ้นอย่างมาก

ทางด้านกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ฟื้นตัวตามสถานการณ์ตลาด ส่งผลให้สามารถทำยอดขายสูงขึ้นกว่าปีก่อนได้ถึงร้อยละ 8.79 และสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ร้อยละ 29.42 เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแผงวงจรในอุตสาหกรรมรถยนต์กลับสู่ภาวะปกติ แต่กลุ่มธุรกิจมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารโดยรวมเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อยอดขายสูงขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย จากการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สู่กลุ่ม Geo-Textile และ non-carpet เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้สินค้า ซึ่งหากรวมกับค่าใช้จ่ายจากส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ จะทำให้กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์มีผลกำไรสุทธิ 24.66 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.55 ของยอดขาย ซึ่งหากรวมต้นทุนสินค้าที่ถูกจัดไปไว้ที่ TCM Surface จำนวน 6.88 ล้านบาท จะทำให้มีกำไรสุทธิ 17.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.05 ของยอดขาย ซึ่งเป็นอัตราส่วนใกล้เคียงกับมาตรฐานที่ทำได้ในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) รายได้กลับสู่สภาวะปกติทั้งจากสภาพตลาดและสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ ส่งผลให้รายได้ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีรายได้สูงกว่าปกติ แต่ทั้งนี้รายได้นับว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากร้อยละ 14.12 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 20.15 ในปีนี้

               ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566  กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวม สูงขึ้นจากวันสิ้นปี 2565 จำนวน 175.89 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.11 มีหนี้สินรวมสูงขึ้น จำนวน 163.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.89 กลุ่มบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ การจ่ายเงินแก่ซัพพลายเออร์ และการควบคุมสต๊อกที่สามารถจัดการได้ดี อัตราตอบแทนจากสินทรัพย์ และอัตราตอบแทนผู้ถือหุ้น ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากรายได้รวมใน Q2/2566 ลดลงร้อยละ 10.23 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ในครึ่งปีหลังของปี 2566 กลุ่มบริษัทจะยังคงรับรู้ผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามสภาวะตลาดที่ฟื้นตัวในแต่ละกลุ่มธุรกิจ และจากการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนและการปรับปรุงประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตามองทั้งในประเทศ และนอกประเทศ และผลจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้และการลงทุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของทีซีเอ็มซีกล่าวทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...