วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566

“เบน ชลาทิศ” เปิดฟลอร์แดนซ์ไฟลุก! ชวนแร็ปเปอร์สาว “Tsunari (สุนารี)” ฟีทฯเพลงใหม่ “ใช่-ไม่ใช่ (Yes or No)” แซ่บโดนใจ LGBTQIA+

 


เดินหน้าปล่อยเพลงจากอัลบั้ม “All For Love” ออกมาให้แฟนๆ ได้ฟังกันอย่างจุกๆ ไม่มีพัก  สำหรับ            เบน ชลาทิศ ตันติวุฒิ  นักร้องดีโว่แถวหน้าของเมืองไทย  จากค่าย Tero Music  หลังจากทำเซอร์ไพรส์ส่งเพลงสนุกๆ ลำดับที่ ยังรัก (Yong Love)”  ที่ควงแร็ปเปอร์หนุ่มมาดกวน GUYGEEGEE (กายจีจี) มาร่วมฟีทเจอริ่งสร้างสีสันความสนุกในเพลงที่แล้ว  ครั้งนี้ขอเปิดฟลอร์แดนซ์สนุกให้ไฟลุกกันต่อ กับซิงเกิลที่ 9  ใช่-ไม่ใช่ (Yes or No)” ซึ่งเพลงนี้เป็นการร่วมงานข้ามทวีปครั้งแรกกับแร็ปเปอร์สาวคนเก่งสุดเฟียต  “Tsunari (สุนารี)”  ศิลปินสาวมากความสามารถ  เจ้าของแทร็กแรป  Fire, Mula, Fruity Loops และ Since Young ที่ใช้ไรม์แรปและท่วงทำนองที่เป็นเอกลักษณ์ โดย เบน-ชลาทิศ เผยความรู้สึกและเล่าที่มาของซิงเกิลนี้ให้ฟังว่า... 

 

ติดตามผลงานน้อง Tsunari (สุนารี)” จากยูทูป รู้สึกประทับใจในงานเพลง เอ็มวีต่างๆ ที่น้องทำมันจัดจ้าน!! ตอนที่เขียนเพลง “ใช่-ไม่ใช่ (Yes or No)”  เป็นการร่วมงานที่แปลกไปกว่าเดิมที่เราเคยทำ ก่อนหน้านี้เวลาไปฟีทเจอริ่งกับใครก็จะได้เจอหน้ากัน แต่ว่าครั้งนี้น้องอยู่ต่างประเทศ เราทำงานคนละซีกโลก โดยเรามีท่อนที่เราทำไว้  แล้วก็เว้นเอาไว้เพื่อที่เราจะมีท่อนแร็ป ซึ่งเราก็ส่งไปให้น้อง แล้วน้องก็ส่งมาให้ ตั้งแต่เดโม่เราไม่มีแก้อะไรเลย รู้สึกว่ามันลงตัวและลิงก์กับเพลงได้อย่างสมบูรณ์  

 

สำหรับเพลง “ใช่-ไม่ใช่ (Yes or No)”  เขียนมาจากช่วงนั้นดูข่าว มักมีข่าวเด็ก ๆ สมัยนี้มีความคิดเป็นของตัวเอง เวลาเค้าพบเจออะไรไม่ถูกต้อง เขากล้าที่จะแสดงออก นึกถึงว่าถ้าเป็นตัวเองสมัยตอนเรียน เจอคุณครูทำอะไรที่เราคิดว่าไม่ถูกหรือเกินเลย เราก็จะได้แต่อดทน ปล่อยให้มันผ่านไป แต่เด็กสมัยนี้เค้ากล้าจะออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง สไตล์ของดนตรีเป็นแนว Soul-Funk มีกลิ่นอายของดนตรียุคต้น 80เพิ่มสีสันของ Synthesizer ที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น เป็นเอกลักษณ์ในแบบของ Manyx Boy  และได้สุดยอดแร็ปเปอร์อย่าง Tsunari มาร่วมแจม เป็นการผสมดนตรีแนว Trap เข้ามาร่วมด้วย นับว่าเป็นการผสมแนว Soul-Funk กับ Trap ได้อย่างลงตัว สำหรับ MV. พาย้อนไปใน Mood Tone 80 โดยใช้แสงแฟร์ กลิตเตอร์ ไฟ follow การเคลื่อนไหวแบบสโลว์ เล่าเรื่องราวของคู่รักที่กำลังฝืนทำในสิ่งที่ ‘ไม่ใช่’ ตัวเอง เพื่อให้ ‘ใช่’ สำหรับคนอื่น พอได้เข้ามาในที่ที่เป็นเหมือนเซฟโซน บรรยากาศที่ชวนให้ปลดปล่อยความเป็นตัวเอง ทั้งคู่จึงได้ก้าวออกจากกรอบเดิมๆ เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ทำในสิ่งที่อยากทำ อย่างการแต่งเป็นแดร็กควีน ก็ฝากเพลงใหม่ของเบนด้วยนะครับ ใช่-ไม่ใช่ (Yes or No)” เพลงนี้ฟีทเจอริ่งกับน้องสุนารี ก็หวังว่าทุกคนจะชอบเพลงนี้ สามารถติดตามชมได้ที่ เทโร มิวสิค นะครับ รวมถึงในทุกแพลตฟอร์มที่สามารถฟังได้เลยนะครับ 

  

📌ชม MV. ใช่-ไม่ใช่ (Yes or No)”  เบน-ชลาทิศ Feat. Tsunari  ซิงเกิลที่ 9 จากอัลบั้ม         All For Love  ได้แล้วทาง https://youtu.be/Da6BElDfhbo  และทุกช่องทางสตรีมมิ่งดาวน์โหลด https://benchalatit.lnk.to/Yes-No 

ติดตามผลงานของเบน-ชลาทิศ ได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/BenChalatitTantiwut  , Instagram: https://instagram.com/benchalatit?igshid=YmMyMTA2M2Y= 

Tiktok: https://www.tiktok.com/@benchalatit 

 

 

#ใช่ไม่ใช่YesOrNo #เบนชลาทิศ #Tsunari #BenChalatit #TeroMusic 

“นิวทริไลท์” ชวนคุณมา Fit กับ BodyKey Challenge ครั้งที่ 9 “รวมพลัง Fit พิชิตโอซาก้า” ชิงรางวัลรวมกว่า 19 ล้านบาท

 


กรุงเทพฯ (30 สิงหาคม 2566) บริษัท แอมเวย์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมฉลองก้าวสู่ปีที่ 90 ของแบรนด์ นิวทริไลท์ ที่มีการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน ล่าสุด เปิดแคมเปญแข่งขันลดน้ำหนัก กับ โปรแกรมบอดี้คีย์ ครั้งที่ 9 (BodyKey Challenge 9th) เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ มอบชีวิตใหม่ให้น้อง เพราะทุกการลดน้ำหนักที่สำเร็จ แอมเวย์บริจาคเงิน 900 บาท เพื่อนำไปช่วยชีวิตเด็กทารกจากโรคหัวใจพิการขั้นวิกฤต ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ในโครงการหนึ่งหัวใจ สู่ชีวิตใหม่ พร้อมให้คุณได้ชิงแพ็กเกจท่องเที่ยว เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และรางวัลพิเศษมากมาย มูลค่ารวมกว่า 19 ล้านบาท สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วม การแข่งขันลดน้ำหนักด้วยโปรแกรมบอดี้คีย์ ครั้งที่ 9” สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ กันยายน – 31 ตุลาคม 2566 โดยสามารถศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของกิจกรรม รวมทั้งรางวัลต่างๆ ได้ที่ https://challenge.amway.co.th/bdk-challenge-2023

ผู้บริหารเอ็ม บี เค ยินดีร้าน KEDMA โฉมใหม่ พบกับแบรนด์เครื่องสำอาง และสกินแคร์คุณภาพระดับพรีเมียม ที่พาราไดซ์ พาร์ค

 


นายวิศาล สิปิยารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายบริหารร้านค้าสัมพันธ์ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (ที่ จากซ้าย) พร้อมด้วย นางสาวอรวรรณ จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการฝ่ายร้านค้าสัมพันธ์ บริษัท เอ็มบีเค เซลส์ โซลูชั่น จำกัด (ที่ จากซ้าย) ร่วมยินดีแก่ นางสาวขวัญยืน แย้มสุวรรณ Office Manager และประสานงานการตลาด บริษัท แอล แอนด์ เอ็ม คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ จากซ้าย) เนื่องในโอกาสร้าน KEDMA แบรนด์เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ ปรับโฉมใหม่ ให้คุณได้เลือกสกินแคร์คุณภาพพรีเมียมหรือทำทรีตเมนต์ปรนนิบัติผิวหน้า ณ ชั้น ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์คเมื่อ เร็ว ๆ นี้

บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ร่วมบริจาคโลหิตแก่สภากาชาดไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ครั้งที่ 4

 


คณะผู้บริหาร พนักงานบริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด เจ้าหน้าที่และพนักงานบริษัทต่างๆ ในอาคารอื้อจือเหลียงกว่า 175 คน ได้ร่วมกันบริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทยได้จำนวนโลหิตถึง 70,000 ซีซี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ การบริจาคโลหิตในครั้งนี้จะสามารถนำไปรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับเลือดแดงและส่วนประกอบของเลือดจำนวนมากถึง 525 คน

 

กิจกรรมเพื่อสังคมโดยการบริจาคโลหิตครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่4 แล้วที่บริษัทฯ ได้จัดขึ้นและเป็นโครงการหนึ่งซึ่งบริษัทฯได้เล็งเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งมีความต้องการโลหิตเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน โดยการบริจาคทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา มีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคโลหิตกว่า 670 คน รวมเป็นจำนวนโลหิตกว่า 268,000 ซีซี สามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยผู้ที่ต้องการโลหิตในการรักษาได้ถึงกว่า 2,000  คน

 

ทั้งนี้ โครงการสนับสนุนการจัดหาโลหิตที่มีคุณภาพให้แก่สภากาชาดไทย เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายการช่วยเหลือสังคม รักษาสิ่งแวดล้อมและการมีธรรมาภิบาลที่ดี หรือ ESG ของบริษัทฯ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนในประเทศไทย

 

บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ก้าวสู่ปีที่ 30 ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทสินเชื่อรายย่อยในประเทศไทยที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ภายใต้แนวทาง “I TRUST” ที่ประกอบด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน บริการที่เป็นเลิศ และเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อประโยชน์ของลูกค้า พันธมิตร ดีลเลอร์ ผู้ถือหุ้น องค์กรและสังคมส่วนรวม ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของสังคมไทย พร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของไทยในอนาคต

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.summitcapital.co.th

 

ความอร่อยในสไตล์ยุโรปแนวเทือกเขาแอลป์ และบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ณ ห้องอาหารเวนติซี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์

 


ทุกวันศุกร์เราพร้อมให้คุณได้ร่วมเดินทางตามรอยความอร่อยในสไตล์ยุโรปแนวเทือกเขาแอลป์ และบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ที่ห้องอาหารเวนติซี ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ เชฟแอนเดรีย มอนเทลลา ผู้ที่จะพาทุกท่านเดินทางไปยังดินแดนที่อุดมไปด้วยขุมทรัพย์ความอร่อย ทำให้คุณได้หลงใหลไปกับมนต์เสน่ห์สไตล์ยุโรปแนวเทือกเขาแอลป์ ทั้งเมนูซิกเนเจอร์สไตล์    อิตาเลียน-ไทย รวมไปถึงอาหารนานาชาติ ทุกมื้อค่ำวันศุกร์ ในราคาเพียง 1,390 บาท++ ต่อท่าน       (ไม่รวมเครื่องดื่ม) เหล่าบรรดาความอร่อยที่รอให้คุณมาร่วมพิสูจน์ อาทิ มุมซีฟู้ดออนไอซ์ กั้งกระดาน กุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่ หอยนางรม ปูม้า กุ้ง ซูชิและซาชิมินานาชนิด, โคลด์คัท, สลัดบาร์, ซุป, ชีสนานาชนิด, พาสต้า, สปาเกตตี้, อาหารไทย-อิตาเลียนนานาชนิด, ขนมไทย ขนมอบ เค้กหน้าต่างๆ ไอศกรีม ผลไม้ตามฤดูกาล และเมนูไฮไลท์ของแต่ละวัน ไม่ควรพลาดกับเมนูไฮไลท์มื้อค่ำวันศุกร์ อาทิ มีตโลฟ, ขาหมูเยอรมัน, พอร์กกอร์ดองเบลอ, พาสต้าเยอรมัน "ชเป็ทซ์เลอ", ไส้กรอกเนื้อลูกวัว, ไส้กรอกเยอรมันบราทววสท์, ไส้กรอกชีส, ไส้กรอกเยอรมันแฟรงก์เฟิร์ตเตอร์, หมูสอดไส้ชีสและเบคอน และชีสฟองดู เป็นต้น

 

บุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อเย็น ทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. - 22.30 น. (ปิดไลน์อาหาร 22.00 น.) สามารถซื้อแพ็กเกจเครื่องดื่มเริ่มต้นที่ราคา 149 บาท++ (น้ำอัดลม น้ำเปล่า ชาและกาแฟ)

 

เวนติซีเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30 น. – 22.30 น.

 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 02-100-6255 หรือ อีเมล์: diningcgcw@chr.co.th

 

ติดตามข่าวสารของห้องอาหารเวนตี้ซี่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ได้ที่

เฟสบุ๊ค: Centara Grand & Bangkok Convention Centre at CentralWorld

อินสตาแกรม: centaragrand_centralworld


ป.ป.ช. นครสวรรค์ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการป้องกันทุจริตอุทยานแม่วงก์

 


สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันทุจริตในอุทยาน ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการตามมาตรการที่ ป.ป.ช. มีข้อเสนอแนะ ณ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ หวัง นำไปปฏิบัติใช้เป็นรูปธรรมเพื่อลดความเสี่ยงทุจริต และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการอุทยานอย่างเป็นระบบ

นายอภินันท์  เรืองประเภท ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการติดตามการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการทุจริตในอุทยานที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้มีการลงพื้นที่ตรวจติดตามการทำงาน เพื่อหารือถึงปัญหาและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในอุทยานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 โดยกลุ่มงานสืบสวนทุจริต ดำเนินการติดตามมาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โดยมี ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขานครสวรรค์ และ ผู้แทนจาก กอ.รมน. จังหวัดนครสวรรค์ ร่วมสังเกตการณ์การดำเนินการติดตามครั้งนี้ด้วย โดยเป้าหมายคือ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โซนกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร และอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โซนนครสวรรค์ (หน่วยฯ แม่เรวา) จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีการตรวจติดตามในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ข้อมูลทั่วไปของอุทยานแห่งชาติ  การจัดเก็บรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ การพิจารณาและอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ เป็นต้น

          จากการลงพื้นที่ พบว่า อุทยานแม่วงก์ได้มีการนำเอามาตรการ ฯ ที่สำนักงาน ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะมาปรับใช้อย่างครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่ ด้านการจัดเก็บเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับรายได้จากการเก็บค่าเข้าอุทยาน ค่าที่พัก ค่ายานพาหนะเข้าอุทยานแห่งชาติ ค่ากางเต็นท์ ค่าบริการเครื่องนอน ราคาต่าง ๆ ตามระเบียบของกรมอุทยานฯ โดยมีจุดเก็บเงินจำนวน 2 จุด เจ้าหน้าที่ประจำจุด ๆ ละ 2 คน วิธีการจัดเก็บค่าธรรมเนียม จะเป็นแบบตั๋วฉีก และสามารถจองทางออนไลน์ได้ โดยค่าธรรมเนียมจะเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ สำหรับวิธีการจัดเก็บ จะมีเจ้าหน้าที่นำเงินส่งให้กับทางอุทยานหลัง 16.30 และจะมีการตรวจตั๋วฉีกกับรายได้ให้ตรงกัน โดยทางอุทยานจะมีการนำส่งเงินให้กับกรมอุทยานฯ เดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งหากเกิน 500,000 บาท จะต้องนำส่งทันที โดยทางอุทยานจะมีการเก็บเงินในตู้เซฟ โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน นำส่ง และนำฝากเงิน และเจ้าหน้าที่การเงิน ของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โดยทางอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ได้มีการจัดทำข้อมูลขีดความสามารถในการรองรับของอุทยาน เช่น บริเวณช่องเย็น 100 คน/วัน,ลานกางเต็นท์ขุนน้ำเย็น 300 คน/วัน, บริเวณอุทยาน 300 คน/วัน เป็นต้น อุทยานมีการจัดทำแผนการบริการนักท่องเที่ยว เป็นแผน 5 ปี (แผนปี 2566-2570) ด้านการพิจารณาและอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์สามารถขอใช้เงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติแม่วงก์สามารถขอใช้เงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ร้อยละ 20 ของเงินได้อุทยานที่จัดเก็บ โดยการเขียนโครงการขอใช้เงินรายได้แต่ละโครงการจะต้องขอความเห็นชอบของคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติและหลังจากทำโครงการจะมีการรายงานผลการจัดทำโครงการฯไปยังกรมอุทยานฯ ด้านการบริหารจัดการ อุทยานแห่งชาติมีการจัดประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ โดยจำนวนครั้งเป็นไปตามงบประมาณที่กรมกำหนด โดยมีวาระ 2 ปี และมีส่วนราชการต่างๆมาร่วมเป็นกรรมการด้วย อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยว พบว่า ส่วนใหญ่พึงพอใจกับการให้บริการ แต่มีปัญหาในเรื่องการจองระบบออนไลน์ที่ค่อนข้างจองยาก ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ก็ได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่อุทยานให้ดำเนินการตามระเบียบ เพื่อประสิทธิภาพในการจัดเก็บเม็ดเงินรายได้ของอุทยาน และลดความเสี่ยงทุจริตอีกด้วย

 

 


เมนูใหม่ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วง ที่อิกนีฟ แบงคอก (IGNIV Bangkok) พร้อมเมนูอลาคาร์ท เมนูมังสวิรัติ เมนูเจ และเมนูเด็ก

 


กรุงเทพฯ ประเทศไทย - 29 สิงหาคม 2566 – อิกนีฟ แบงคอก (รางวัลมิชลิน 1 ดาว) เชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสศิลปะการทานอาหารแบบไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์แชร์ริ่งกับเมนูฤดูใบไม้ร่วง ที่เชฟเดวิด ฮาร์ทวิก ได้แรงบันดาลใจมาจากรสชาติที่ชื่นชอบจากถิ่นเกิด และการท่องเที่ยวไปสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะมหานครนิวยอร์กในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญ อาทิ วันขอบคุณพระเจ้า และวันฮาโลวีน นำมาผสมผสานจนรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูทั้ง 20 จาน ที่มีวัตถุดิบประจำฤดูใบไม้ร่วง ประกอบไปด้วย มะเขือยาว ฟักทอง แครอท พืชหัวชนิดอื่นๆ รวมถึงวัตถุดิบอื่น เช่น เนื้อกวาง เนื้อแก้มหมู ฟัวกราส์ แอปเปิ้ล ชีสกรูแยร์ กุ้งแลงกูสทีน คาเวียร์ ถั่วเฮเซล และอีกมากมาย

 

อาหารแต่ละเมนูล้วนแต่มาจากความทรงจำและประสบการณ์ส่วนตัวของผม ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ อาหารที่ผมชื่นชอบ สถานที่ที่เคยทำงาน อาหารที่เคยทาน และอาหารที่เคยทำในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ผมยังนึกถึงสิ่งอื่นๆ ที่จะมาช่วยทำให้เมนูใหม่นี้มีเอกลักษณ์ เหมาะสมกับภาพลักษณ์และตัวตนของอิกนีฟ จากนั้นจึงได้เริ่มลองทำ โดยทีมอิกนีฟได้ช่วยกันพัฒนา และกลั่นกรองจนกลายเป็นเมนูประจำฤดูใบไม้ร่วงทั้ง 20 จานนี้ในที่สุด เชฟเดวิก ฮาร์ทวิก หัวหน้าห้องอาหารอิกนีฟ แบงคอก กล่าว

 

อิกนีฟ แบงคอก ห้องอาหารไฟน์ไดน์นิ่งแบบแชร์ริ่ง สไตล์โมเดิร์นสวิส ที่มีรากฐานมาจากยุโรป พร้อมเชฟเดวิด ฮาร์ดวิก เชฟอาเน่ รีนและ เรจินา เดอซูซา ผู้จัดการห้องอาหาร มั่นใจว่าทีมอิกนีฟทุกคนใส่ความตั้งใจ และยึดมั่นในปรัชญาอาหารที่เป็นจิตวิญญาณของอิกนีฟ

 

เมื่อมาถึงห้องอาหารอิกนีฟ ประสบการณ์จะเริ่มต้นที่บริเวณเคาน์เตอร์ต้อนรับในบรรยากาศที่เป็นกันเอง เหมาะกับการเริ่มบทสนทนาและเริ่มต้นคอร์สด้วยอาหารทานเล่น หลังจากนั้นจะย้ายไปที่โต๊ะทานอาหารเพื่อลิ้มรสอาหารมื้อหลัก และของหวานโฮมเมดตามลำดับ โดยเชฟและทีมจะสลับกันมาร่วมพูดคุย  พร้อมอธิบายอาหารแต่ละจานตลอดทั้งมื้อ

 

อิ่มอร่อยไปกับเมนูฤดูใบไม้ร่วงที่อิกนีฟ แบงคอก ทั้ง 20 จาน ได้ตลอดเดือนกันยายน จนถึง เดือนพฤศจิกายน 2566 มื้อเย็น ทุกวัน เวลา 17:30 – 0:00 น. (ออเดอร์สุดท้ายเวลา 21:30 น.) ราคา 4,900 บาท ++ ต่อท่าน หรือจะเป็น เซต Carte Blanche พร้อม Surprise Dish ที่ไม่เหมือนใคร ราคา 7,900 บาท ++ ต่อท่าน นอกจากนี้ยังมีเมนูมังสวิรัติ เมนูอาลาคาร์ท และเมนูสำหรับเด็ก ให้ทุกท่านได้เลือกสรรค์ พิเศษเชฟ แอนเดรียส คามินาดา เชฟมิชลิน 3 ดาวผู้ก่อตั้งห้องอาหารอิกนีฟ แบงคอก จะมาเยี่ยมเยียนกรุงเทพฯ พร้อมมอบประสบการณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าของอิกนีฟ ในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เบอร์  02 207 7822 อีเมล igniv.bangkok@stregishotels.com เว็บไซต์ของทางร้าน www.ignivbangkok.com หรือลิงก์ http://bit.ly/IGNIVBangkokReservationAP

ติดต่อเราผ่านช่องทาง

Website:                          www.ignivbangkok.com

www.stregisbangkok.com 

Facebook:                        IGNIVBangkok

                                          TheStRegisBangkok

Line official account:        @ignivbangkok

               @stregisbangkok

กลับมาแล้ว! งานวิ่งแห่งปี “ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023” ชวนคนไทยมาวิ่ง Run for Change เพื่อเปลี่ยน...ทุกพลังเป็นของขวัญให้น้องผ่าน 3 มูลนิธิ จัดเต็ม! วิ่ง 3 สวน และวิ่งสะสมระยะแบบ Virtual Parkrun ระดมเงินบริจาคช่วยเยาวชนไทย

 


กลับมาแล้ว!!! สำหรับงานเดิน-วิ่งมินิมาราธอนการกุศลแห่งปี ทีทีบี |
ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 
2023” งานวิ่งที่จะชวนทุกคน Run for Change เพื่อเปลี่ยน...ทุกพลังเป็นของขวัญให้น้อง ปีนี้ “ทีทีบี” มาพร้อมพันธมิตรใหม่ “ธนชาตประกันภัย” เพื่อสานต่อภารกิจส่งต่อโอกาสให้เยาวชนไทย มอบรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายให้ 3 มูลนิธิ ได้แก่ มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม, โครงการ FOOD FOR GOOD โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ และโครงการไฟ-ฟ้า โดย มูลนิธิทีทีบี ปีนี้ ทีทีบี มี Challenge ชวนนักวิ่งสะสมระยะทางพิชิต แสนกิโลเมตร เพื่อสมทบเงินบริจาคเพิ่มอีก ล้านบาท พร้อม
จัดเต็มให้เลือกวิ่งแบบ Parkrun ที่ 3 สวนใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมกันในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 หรือแบบ Virtual Parkrun ที่สามารถวิ่งได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยทั้ง 2 ประเภท นักวิ่งสามารถร่วมกันวิ่งสะสมระยะได้ เปิดจำหน่ายบัตรวิ่งและร่วมบริจาคได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยค่าบัตรวิ่งและเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 100% งานนี้เหล่านักวิ่งชื่อดังมากมาย พร้อมด้วยพระเอกมาดเข้มสายบุญ “เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์” พร้อมร่วมโชว์ความฟิต ชวนทุกคนวิ่งรักษ์โลกไปพร้อมกับเสื้อวิ่ง Parkrun ที่ผลิตด้วยเส้นใยรีไซเคิล ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม งานนี้ ได้ทั้งสุขภาพดี และยังได้ช่วยให้น้องๆ มีชีวิตที่ดีขึ้นไปพร้อมกัน  



นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมาทีทีบีมุ่งขับเคลื่อนภารกิจสำคัญในการระดมทุนจากงานเดิน-วิ่งการกุศลและได้นำรายได้จากการจำหน่ายบัตรวิ่ง และเงินบริจาคทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้มูลนิธิการกุศลต่าง ๆ เพื่อส่งต่อโอกาสให้กับเด็กที่ประสบปัญหา หรือเด็กที่ขาดโอกาสทางสังคม ด้วยตระหนักว่าเยาวชนคือ “ต้นกล้า” ที่ต้องบ่มเพาะและดูแลเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยเชิญชวนทุกคนมาร่วมกัน Make REAL Change สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้กับสังคมและผู้คนรอบข้างให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งกว่า 10 ปีที่ผ่านมาได้มอบเงินบริจาคไปแล้วราว 40 ล้านบาท สำหรับการกลับมาในปี 2566 ทีทีบีพร้อมพันธมิตรใหม่คือ ธนชาตประกันภัย ที่มีพันธกิจในการช่วยเหลือน้อง ๆ ในสังคมเช่นเดียวกัน ได้ผนึกกำลังสานต่อกิจกรรมงานเดิน-วิ่งมินิมาราธอนการกุศล ภายใต้ชื่อ “ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023

 

“การกลับมาครั้งนี้ อยากชวนทุกคนมาร่วม Run for Change เพื่อเปลี่ยน...ทุกพลังวิ่งและเงินบริจาคเป็นของขวัญให้น้อง ภายใต้เป้าหมายการระดมเงินทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ส่งมอบให้แก่ มูลนิธิในสัดส่วนที่เท่ากัน ได้แก่ มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม โครงการ FOOD FOR GOOD โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ และโครงการไฟ-ฟ้า โดยมูลนิธิทีทีบี เพื่อนำไปช่วยเหลือและสนับสนุนพัฒนาเยาวชนไทย ซึ่งในปีนี้จัดงานเต็มรูปแบบ ทั้งแบบ Parkrun วิ่งในสวน ประกอบด้วย สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนจตุจักร และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) โดยจะวิ่งพร้อมกันในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 เป็นช่วงปลายปีรับกลิ่นอายคริสมาสต์ และยังมีการวิ่งในรูปแบบ Virtual Parkrun วิ่งสะสมระยะได้ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้นและครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งสามารถสมัครและส่งผลวิ่งได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ ทีทีบีต้องขอขอบคุณธนชาตประกันภัยที่ร่วมเป็นพันธมิตรหลักในกิจกรรม Parkrun 2023 เพื่อสร้างสังคมไทยให้ดีขึ้นไปด้วยกัน นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) และพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่มาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมในปีนี้เช่นกัน”

 

ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023” เป็นงานเดิน-วิ่งมินิมาราธอนที่เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการพิชิต 10 กิโลเมตรแรกในชีวิต โดยไม่ต้องกังวลกับตัวเลขทางสถิติการวิ่ง และค่าบัตรวิ่งและเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 100% ซึ่งนอกจากจะได้ช่วยเหลือสังคม ส่งผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นงานวิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเสื้อที่ผลิตให้กับนักวิ่งเป็นเสื้อรักษ์โลก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ซึ่งออกแบบและผลิตโดยบริษัท เย่ห์พัฒนา ต้าเย่ห์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ NDS พันธมิตรที่ดูแลสนับสนุนการผลิตเสื้อวิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับงานพาร์ครันมาอย่างต่อเนื่อง

 

นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ธนชาตประกันภัยได้ร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนงาน ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดี และมีความสำคัญมากของทีทีบี โดยมีจุดมุ่งหมายหลักในการช่วยเหลือสังคมทุกมิติ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ยังขาดโอกาส ซึ่งจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติและช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในอนาคต ดังนั้น เมื่อทีทีบีที่เป็นพันธมิตรหลัก เปิดโอกาสให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงาน ธนชาตประกันภัยมีความรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่ทำเพื่อสังคมในครั้งนี้ พร้อมขอมอบประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความคุ้มครองสูงสุด 200,000 บาท ให้กับผู้สมัครวิ่งประเภท Parkrun ที่มาวิ่งในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 ทุกคน เพื่อเพิ่มความอุ่นใจ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรที่สนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน พร้อมมีความคุ้มครองที่เพียงพอในแต่ละช่วงชีวิต

 

“ธนชาตประกันภัย หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะเป็นแรงส่งต่อพลังบวกให้กับสังคมไทยและช่วยให้น้อง ๆได้รับโอกาส เป็นอีกหนึ่งของขวัญที่มีค่าต่ออนาคตของชาติ จึงอยากเชิญชวนคนไทยมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ มาวิ่งเพื่อเปลี่ยน...ทุกพลังให้เป็นของขวัญให้น้อง โดยเงินรายได้จากค่าบัตรวิ่งและเงินบริจาคไม่หักค่าใช้จ่ายจะมอบให้กับ มูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ซึ่งเป็นการให้ที่ได้ทั้งบุญและสุขภาพที่แข็งแรง

 

Challenge ใหม่สำหรับปีนี้ที่อยากชวนนักวิ่งทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรม “ทีทีบี | ธนชาตประกันภัย พาร์ครัน 2023” ทั้งแบบ Parkrun และ Virtual Parkrun ร่วมส่งผลวิ่งเพื่อพิชิต แสนกิโลเมตร ซึ่งทีทีบีจะสมทบเงินบริจาคเพิ่มอีก 1,000,000 บาท และพลาดไม่ได้! สำหรับแฟนคลับของพระเอกหนุ่มมาดเข้มสายบุญ เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์ ที่มาโชว์ความฟิต ร่วมกับ 4 นักวิ่งชื่อดัง ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง” นักวิ่งมาราธอน เจ้าของเพจ 42.195K Club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน หมอมิยู-ทันตแพทย์หญิงชรินญา กาญจนเสวี” นักวิ่งหญิงคนแรกที่ห่มสไบ วิ่งมาราธอนได้เร็วที่สุดในโลก สถิติ Guinness World Records ด้วยเวลา 3.45.34 ชั่วโมง  ยูริต๋าต้า-ด.ญ. อริสา และพงศกร วรพงศ์กิติพันธ์ สองพี่น้องนักวิ่งเยาวชนชื่อดัง จอมทำลายสถิติที่คว้ารางวัลทุกสนามแข่ง ชวนทุกคนมาร่วมกันวิ่งเพื่อเปลี่ยนทุกพลังเป็นของขวัญให้น้อง ส่งมอบรายได้ทั้งหมดในสัดส่วนที่เท่ากันให้กับ 3 มูลนิธิ ได้แก่

• มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ช่วยค่าผ่าตัดเพื่อน้อง ๆ ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ได้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง

• โครงการ FOOD FOR GOOD โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อมื้ออาหารคุณภาพ ระบบน้ำดื่มสะอาด และตู้แช่โซลาร์เซลล์ให้น้อง ๆ ในโรงเรียนห่างไกลไม่มีไฟฟ้า ได้เติบโตสมวัย  

• โครงการไฟ-ฟ้า โดย มูลนิธิทีทีบี ช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาด้านศิลปะและทักษะการใช้ชีวิต เพื่อให้น้อง ๆ สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ คืนสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน

 

มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศที่ parkrun.ttbfoundation.org พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรวิ่งและร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้ - 23 ธันวาคม 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้

• Parkrun วิ่งในสวน บัตรวิ่งราคา 700 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) เปิดขายจำนวน 6,000 ใบ ตั้งแต่วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2566 และร่วมวิ่งพร้อมกัน สวน ในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 (สามารถร่วมสะสมระยะวิ่งในรูปแบบ Virtual Parkrun ได้)

• Virtual Parkrun วิ่งสะสมระยะ บัตรวิ่งราคา 600 บาท (ไม่รวมค่าจัดส่ง) เปิดขายจำนวน 3,000 ใบ สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2566 และร่วมส่งผลวิ่งเพื่อสะสมระยะได้ตั้งแต่วันนี้ – 23 ธันวาคม 2566

ค่าบัตรวิ่งและเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 100%

 

* * * * * *

#RunforChange #วิ่งเพื่อเปลี่ยน

#ทีทีบีธนชาตประกันภัยพาร์ครัน2023

#ttb #ThanachartInsurance #parkrun2023

#YouCanMakeREALChange


วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566

OCCURA เปิดกลยุทธ์ด้านบริการ ชู “นักทัศนมาตร” คือจุดแข็งขับเคลื่อนศูนย์บริการแว่นตายุคใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภค

 


โอคูระ (OCCURA) ศูนย์บริการแว่นตาและเลนส์เฉพาะบุคคลแบบครบวงจร เปิดกลยุทธ์ธุรกิจ สร้างความแตกต่าง เน้นบริการตอบโจทย์เพนพอยท์ สอดรับพฤติกรรม และความต้องการผู้บริโภค เผย นักทัศนมาตร ฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจ ชี้ศาสตร์และศิลป์คุณสมบัติสำคัญที่ต้องมีในการให้บริการ พร้อมวิเคราะห์ แก้ไขปัญหาสายตา และให้คำปรึกษาอย่างเข้าใจถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการ ยึดหลัก ลูกค้าต้องสบายตา สบายใจ และใช้งานได้จริง ควบคู่กับบริการเฉพาะบุคคลแบบครบวงจร คือจุดแข็งแบรนด์ มัดใจฐานลูกค้าเดิม เพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภคขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย พบปัจจุบัน “นักทัศนมาตร” เป็นสายงานที่ยังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของธุรกิจแว่นสายตาค้าปลีก พบแนวโน้มจ้างงานนักทัศนมาตรทั่วโลกมีโอกาสโต 10% ในปี 2564 – 2574

 

นายธนัฐณ์ วิทย์ภิรมย์ ผู้บริหารร้านแว่นตาโอคูระ (OCCURA) เผยปัจจุบันวิถีชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะวัยทำงานที่ใช้สายตาบนเครื่องมือเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์มากกว่า 6 ชม.ต่อวัน ยังไม่รวมการดูจออื่น ๆ เช่น TV หรือการเพ่งอ่านหนังสือ เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสายตาก่อนวัย และปัญหาอื่น ๆ ทางสายตาที่หลากหลายขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากปัญหาสายตาแล้ว ยังพบว่าผู้บริโภคยุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ เพื่อเสริมความมั่นใจกับการสวมใส่แว่นสายตาในชีวิตประจำวัน พร้อมต้องการคุณภาพการมองเห็นที่คมชัดจากแว่นสายตาได้ในเวลาเดียวกัน โดยปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพตา และค่าสายตาพัฒนาไปมาก รวมถึงเทคโนโลยีโครงสร้างของเลนส์สายตามีคุณสมบัติให้เลือกใช้ดูแลสายตาได้หลากหลาย ส่งผลให้อาชีพ นักทัศนมาตร” ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะทั้งทางด้านศาสตร์ในการการวิเคราะห์ค่าสายตา แก้ไขปัญหาสายตาให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีทักษะด้านศิลป์ในการเข้าใจแฟชั่น สามารถให้คำแนะนำในการเลือกกรอบแว่นตา หรือเลนส์สายตาที่มีคุณสมบัติเสริมพิเศษ ที่ตอบโจทย์การสร้างเสริมไลฟ์สไตล์ให้โดดเด่นไปพร้อมกัน เป็นที่ต้องการในตลาด โดยเฉพาะธุรกิจแว่นสายตาค้าปลีกมากขึ้นในปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ ในภาวะการแข่งขันของตลาดที่สูงขึ้น OCCURA มองเห็นโอกาสการสร้างความแตกต่าง ชูจุดแข็งความพร้อมบุคลากร และบริการที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคเป็นหลัก โดยมีนักทัศนมาตรประจำศูนย์บริการ ควบคู่กับบริการเฉพาะบุคคล ครบวงจร สำหรับนักทัศนมาตร นับเป็นหนึ่งในบุคลากรด้านผู้เชี่ยวชาญที่เป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจ โดย OCCURA ให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดเลือก จากผู้ที่จบการศึกษาหลักสูตรทัศนมาตรศาสตร์บัณฑิต Doctor of Optometry, O.D. ใบประกอบวิชาชีพ ในระดับมาตรฐานโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมยึดตามหลักอุดมคติที่ นักทัศนมาตร” ของ OCCURA ต้องมีทักษะครบทั้งศาสตร์และศิลป์ในการให้บริการ มีความเข้าใจในหลักจิตวิทยา ด้วยแนวคิด ลูกค้าต้องสบายตา สบายใจ และใช้งานได้จริง พร้อมความรู้ความสามารถเกี่ยวกับศาสตร์การตรวจวัดสายตาวินิจฉัยอาการ คัดกรองแยกโรคและภาวะต่าง ๆ สามารถดูแล และให้คำปรึกษาอาการของด้านสุขภาพสายตาที่มีความซับซ้อนเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกันได้ มีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาสุขภาพสายตาด้วยเลนส์สายตา รวมไปถึงศิลปะในการเลือกกรอบแว่นตาที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้โดดเด่น ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาค่าสายตา นอกจากนี้ยังต้องมีหลักจิตวิทยาในด้านการรับฟังและการสื่อสารที่ดี เข้าใจถึงความกังวลในการใช้งานและปัญหาของผู้บริโภค พร้อมให้คำแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาสายตาตั้งแต่ต้น ตลอดจนการใส่แว่นตาให้ถูกวิธี การดูแลถนอมสายตา และติดตามอาการหลังการใช้งานแว่นสายตา

 

นายธนัฐณ์ กล่าวเพิ่มเติม จากกลยุทธ์ทางธุรกิจดังกล่าว นับได้ว่าเป็นจุดแข็งของแบรนด์ OCCURA นอกจากจะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยรักษาฐานลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำบนความต้องการใหม่ ๆ แล้ว เป็นจุดที่สร้างความแตกต่าง ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภครายใหม่ที่มีปัญหาทางสายตา ขยายฐานลูกค้าจากการบอกต่อปากต่อปาก รวมถึงการเพิ่มยอดขายจากการที่ผู้บริโภคเข้าใจปัญหาสายตาที่แท้จริงจากการได้รับคำแนะนำจากนักทัศนมาตรและผู้เชี่ยวชาญในด้านการดูแลปัญหาสายตา ที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ การให้บริการจะเริ่มต้นจากการสอบถามอาการทางสายตา เพื่อคัดกรองโรคตาที่สามารถกระทบกับระบบการมองเห็น และตรวจวัดค่าสายตาโดยนักทัศนมาตร เลือกเลนส์ที่เหมาะกับค่าสายตา เลือกกรอบแว่นตาที่สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างเลนส์ที่เลือกใช้และไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน ส่งต่อให้ช่างประกอบแว่นตา (Optician) ที่มีประสบการณ์ของ OCCURA ในการวิเคราะห์ปรับดัดกรอบแว่นตาให้เหมาะสมกับสรีระใบหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าแว่นสายตาที่ได้รับจะใช้งานได้อย่างสบายตาตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล

 

ปัจจุบัน อาชีพนักทัศนมาตรถูกจัดเป็นอาชีพหนึ่งในกลุ่ม Os” บุคลากรหลักดูแลสุขภาพสายตาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ประกอบด้วย นักทัศนมาตร (Optometrist) จักษุแพทย์ (Ophthalmologist) และช่างแว่นตา (Optician) ด้วยจุดเด่นของนักทัศนมาตรที่มีหน้าที่ดูแลคัดกรองโรคตาเบื้องต้น และอาการผิดปกติของระบบการมองเห็นเป็นด่านแรก พร้อมสามารถให้คำแนะนำด้านอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ยึดหลักไลฟ์สไตล์การใช้งาน และความต้องการของผู้บริโภคมาร่วมพิจารณาในการเลือกโครงสร้างกรอบแว่นตาและเลนส์ ส่งผลให้นักทัศนมาตรเป็นที่ต้องการในตลาด โดยเฉพาะธุรกิจแว่นสายตาค้าปลีกในประเทศไทย ซึ่งสอดรับกับข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า อาชีพนักทัศนมาตรทั่วโลกที่มีโอกาสเติบโต 10% ในช่วงปี 2564 – 2574 นอกจากนี้ นักทัศมาตร ยังเป็นอาชีพที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กำหนดว่าในแต่ละประเทศควรมีนักทัศนมาตรดูแลอย่างน้อย 1 คน ต่อประชากรจำนวน 6,000 – 10,000 คน ขณะเดียวกัน พบว่าประเทศไทยยังมีนักทัศนมาตรที่มีใบประกอบวิชาชีพ ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้บริโภคในตลาดของจำนวนประชากรคนไทยกว่า 66 ล้านคน

 

OCCURA ศูนย์บริการแว่นตาและเลนส์เฉพาะบุคคลแบบครบวงจร พร้อมให้บริการผู้บริโภคด้วยนักทัศนมาตร ที่มีประสบการณ์ ให้คำปรึกษาปัญหาด้านสายตา และกรอบแว่นตา เลนส์สายตา รวมถึงคอนแทคเลนส์ แบบเจาะลึกและเอ็กซ์คลูซีฟ ตอบโจทย์ปัญหาสายตาเฉพาะบุคคล เพื่อไลฟ์สไตล์ของชีวิตประจำวันที่ลงตัว นัดนักทัศนมาตรเพื่อปรึกษาปัญหาด้านสายตาที่ Line @occura หรือ โทร. 02-645-0192 ติดตามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.occuravision.com  Facebook: occcuravision Instagram: occuravision

SAWAD เตรียมขายหุ้นกู้ 4 ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.25-5.20% เร่งขยายธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย ดันธุรกิจโตต่อเนื่อง คาดเสนอขาย 12-14 ก.ย.นี้ ผ่าน 10 สถาบันการเงินชั้นนำ

 


SAWAD เปิดเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ รุ่น ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ ปี ดอกเบี้ย [4.25 – 4.40]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี ดอกเบี้ย [4.70 – 4.90]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี ดอกเบี้ย [4.80 – 5.00]% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี ดอกเบี้ย [5.00 – 5.20]% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”  ด้าน 10 สถาบันการเงินชั้นนำให้ความเชื่อมั่น ผนึกกำลังเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน) คาดว่าเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 12 – 14 กันยายน 2566 นี้ มั่นใจจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade และให้ผลตอบแทนที่จูงใจ

 

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ประกอบด้วยหุ้นกู้ทั้งหมด รุ่น โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ ปี ดอกเบี้ย [4.25 – 4.40]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี ดอกเบี้ย [4.70 – 4.90]% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี ดอกเบี้ย [4.80 – 5.00]% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี ดอกเบี้ย [5.00 – 5.20]% ต่อปี (ซึ่งจะแจ้งอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ผู้ลงทุนทราบภายหลัง) จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 12 – 14 กันยายน 2566 โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และมีการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ SAWAD ถือหุ้น 99.99% ดำเนินธุรกิจติดตามหนี้สิน ให้บริการสินเชื่อ และนายหน้าประกันวินาศภัยให้กับทาง SAWAD โดยเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง ชุดจะจัดจำหน่ายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 10 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โดยหุ้นกู้ทั้ง ชุด จะชำระดอกเบี้ยทุก เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

นางสาวธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 1,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,138 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยราว 3,444 ล้านบาท และรายได้อื่นราว 946 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 4,390 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 59.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการเติบโตทั้งรายได้และกำไร มาจากกลยุทธ์ในการขยายตัวพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิรวม 2,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,256 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,350 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 58.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 อยู่ที่ระดับ 89,297 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นหลังจากหยุดการขยายพอร์ตสินเชื่อเนื่องจากสถานการณ์โควิด และเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย บริษัทจึงเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ หากบริษัทฯกำหนดรายละเอียดที่แน่นอนแล้วจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ ดังนี้

ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้

   ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

   ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน
https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 819

   ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application CIMB Thai Digital Banking ได้อีก ช่องทาง) โทร. 02-626-7777

   บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000

   บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-8888

   บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800

   บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร 02-249-2999 หรือ Line Official : @BlueBellFin

   บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050

   บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56

   บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004

 

หมายเหตุ:  การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...