กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดย
ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร (InnoHerb) ดำเนินงานตามนโยบาย 10
อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย ประสบผลสำเร็จพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์เพื่อชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ
จากพืชสมุนไพรตระกูลเมล่อน “แตงไทย” รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ในปี
พ.ศ. 2570
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ความสำเร็จของ
วว. ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืชสมุนไพร
“แตงไทย” ซึ่งอยู่ในตระกูลเมล่อน (Cucumis melo) และเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ภายใต้การดำเนินโครงการวิจัย “การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์เพื่อชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุจากสารรงควัตถุในพืชสมุนไพรสู่ประเทศไทย
4.0” นับเป็นการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
อย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบาย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศ
ซึ่งจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2570 ทั้งนี้เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นการทำงานของระบบต่างๆ
ภายในร่างกายย่อมเสื่อมถอยลง ส่งผลให้เกิดโรคเสื่อมในระบบต่างๆของร่างกาย
ประกอบด้วย ระบบประสาท ระบบผิวหนัง ระบบฮอร์โมน ระบบหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน
และระบบกระดูกและข้อ เป็นต้น โดยเฉพาะการเสื่อมสภาพของผิวหนังและเส้นผม
ซึ่งมีผลต่อสภาพจิตใจและการออกสู่สังคม ที่ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ
“...การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ
ได้แก่ ผิวหนังบางลง เซลล์ผิวหนังลดลง
ความยืดหยุ่นของผิวหนังไม่ดี ผิวหนังเหี่ยว และมีรอยย่น จำนวนเม็ดสีลดลง
ล้วนส่งผลให้การทำหน้าที่ปกป้องรังสียูวีจากแสงแดดลดลง ก่อให้เกิดฝ้าและกระมากขึ้น
เนื่องจากจำนวนเซลล์สร้างเส้นใยอิลาสติกและคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ลดลง
การที่เส้นใยคอลลาเจนลดลง มีผลทำให้เซลล์ทำหน้าที่ลดลง
ส่งผลให้เซลล์ที่ผิดปกติถูกทำลายได้ยากขึ้น ความชื้นที่ผิวหนังกำพร้าลดลง
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผิวเหี่ยวย่นและมีริ้วรอยมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ
จึงมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบันและในอนาคต
สำหรับรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์...” ผู้ว่าการ
วว. กล่าว
ทั้งนี้ วว. ประสบผลสำเร็จวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์เพื่อชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ
จากพืชสมุนไพรตระกูลเมล่อน “แตงไทย” จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ได้แก่
1)
สารสกัดหยาบเปลือกแตงไทยในรูปแบบโซลิดดิสเพอร์ชัน มีจุดเด่นคือ
พัฒนาโดยใช้ระบบนำส่งรูปแบบโซลิดดิสเพอร์ชัน มีอนุภาคขนาดไมครอน มีสารสำคัญ ได้แก่ กรดเฟอรูลิก
สกัดจากเปลือกแตงไทย ผ่านการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ต้านการอักเสบ ต้านการชรา และป้องกันความเสียหายจากรังสี UVA ในเซลล์ผิวหนัง
มีค่าการละลายน้ำและการปลดปล่อยของสารสำคัญได้เร็วกว่าสูตรผสมทางกายภาพ ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษในเซลล์ผิวหนังมนุษย์ชนิดไฟโบรบลาสต์
เซลล์มะเร็งลำไส้มนุษย์ ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ
เมื่อทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันทางปากในสัตว์ทดลอง ใช้เป็นสารสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหรือเสริมอาหารและมีความคงตัว
(stability)
2) เฟอร์รูลิกแอซิด พลัส ซีอี (Ferulic acid plus CE) มีจุดเด่นคือ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผงชงดื่มชนิดแรกที่พัฒนาจากสารสกัดแตงไทยในรูปแบบโซลิดดิสเพอร์ชัน มีสารสำคัญ ได้แก่ กรดเฟอรูลิก
สกัดจากเปลือกแตงไทย ผ่านการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ต้านการอักเสบ ต้านการชรา และป้องกันความเสียหายจากรังสี UVA ในเซลล์ผิวหนัง โดยระบบนำส่งโซลิดดิสเพอร์ชันสามารถเพิ่มค่าการละลาย
ส่งผลให้การดูดซึมและชีวประสิทธิผลดีขึ้น ไม่มีไขมัน
ไม่มีน้ำตาลทราย ละลายได้ในของเหลว ง่ายต่อการรับประทาน ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษ
เมื่อทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันทางปากในสัตว์ทดลองและมีความคงตัว (stability)
นางศิรินันท์ ทับทิมเทศ
ผู้อำนวยการ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร กล่าวเพิ่มเติมว่า พืชตระกูลเมล่อนเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากจะนำมาใช้ในการประกอบอาหารแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ด้วย ในอดีตมีการรับประทานพืชตระกูลเมล่อนเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ
เช่น ความชราภาพ การอักเสบ และมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้ใช้สำหรับการรักษาโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด
เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารได้มีการใช้ผลทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำผลไม้ แยม สลัด
ขนม ทำให้มีเปลือกและเมล็ดซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้ใช้งานเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก นำมาสู่การศึกษาสารสำคัญในส่วนเหลือทิ้งพบว่า มีวิตามินเอ วิตามินซี แร่ธาตุ กากใย น้ำมัน แคโรทีนอย
และโพลีฟีนอล ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ช่วยชะลอหรือยับยั้งการเกิดออกซิเดชันของไขมันและโมเลกุลอื่น
ป้องกันเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ
ทั้งนี้แตงไทยเป็นหนึ่งในพืชตระกูลเมล่อน ปลูกได้ง่าย
ทนทาน แข็งแรง สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย มีสารอาหารคล้ายกับเมล่อนทั่วไป
อุดมด้วยวิตามินเอ ซี อี ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม คาร์โบไฮเดรต
จากการศึกษาพบว่าเปลือกมีสารสำคัญคือกรดเฟอรูลิก (Ferulic acid) ซึ่งอยู่ในกลุ่มโพลีฟีนอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
มีการใช้อย่างแพร่หลายในการผสมในเครื่องสำอางเพื่อชะลอวัย ลดริ้วรอย
ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ยังมีการใช้ในรูปสารสกัดจากแตงไทยค่อนข้างน้อย
รวมถึงกรดเฟอรูลิกมีค่าการละลายน้ำที่ต่ำ ส่งผลให้มีการดูดซึมและมีชีวประสิทธิผลที่ต่ำ
จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์จากสารสกัดจากเปลือกแตงไทยโดย
วว. ซึ่งมีสารสำคัญคือกรดเฟอรูลิกในรูปแบบผงสำหรับชงแล้วดื่ม
โดยมีการพัฒนาระบบนำส่งโดยใช้เทคนิคโซลิดดิสเพอร์ชัน (Solid dispersion) ซึ่งจะทำให้เพิ่มค่าการละลาย เพิ่มความสามารถในการดูดซึมได้ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในด้านความคงตัว
และการทดสอบประสิทธิภาพของสาร
ข้อมูลทางการตลาดพบว่า
ผลิตภัณฑ์เภสัชโภชนภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืชสมุนไพร
มีแนวโน้มมูลค่าการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศ
จากข้อมูลในปี 2558 พบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7%
แบ่งออกเป็นมูลค่าภายในประเทศประมาณ 20,000 ล้านบาท
และมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท
และยังมีอัตราการเติบโตในลักษณะก้าวกระโดดในปี 2559-2560
เนื่องจากคนไทยนิยมอาหารเสริมสุขภาพจากสมุนไพรและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อความสวยงามและเพื่อสุขภาพที่ดีมากขึ้น
โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงามและชะลอวัยจากสมุนไพรกำลังได้รับกระแสความนิยมเป็นอย่างมาก
หรือที่เรียกว่า ผลิตภัณฑ์นิวตริคอสเมติก (Nutricosmetic supplement)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์จาก
ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร ติดต่อได้ที่ โทร. 0 2577 9000 , 0 2577 9104 E-mail : innoherb_service@tistr.or.th หรือที่ “วว. JUMP”
https://tistrservices.tistr.or.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น