ที่ประชุมผู้ถือหุ้น “BRI” ไฟเขียวจ่ายปันผลจากงวดผลงานปี 2565 ในอัตรา 0.721 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินกว่า 615 ล้านบาท ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นี้ พร้อมทั้งเผยว่า ทริสเรทติ้งคงอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB/Stable” ตอกย้ำศักยภาพและยืนยันความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “B To The Top” ปักธงเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรรระดับท็อป
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานกรรมการ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ธุรกิจบ้านจัดสรร ที่มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 มีมติปรับปรุงนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นปีละ 2 ครั้ง ในอัตรารวมแล้วไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นเงินสด สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 (มกราคม-ธันวาคม) ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยบริษัทจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.721 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้นไม่เกิน 614,872,549.20 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.02 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการประจำปี 2565 ที่เท่ากับ 1,536,515,774.07 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นี้
“ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตในปี 2565 กับคอนเซปต์ Growth Together ควบคู่กับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขาย ส่งผลให้ในปี 2565 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,295.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,479.9 ล้านบาท จากปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,815.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 65% และมีกําไรสุทธิอยู่ที่ 1,470.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 868.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 144.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทางบริษัทจึงมีมติเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายปันผลในอัตราดังกล่าว พร้อมการนี้ยังมีการปรับปรุงนโยบายการจ่ายเงินปันผล เป็นปีละ 2 ครั้ง อีกด้วย” นายสุรินทร์ กล่าว
สำหรับในปี 2566 บริษัทมีแผนดำเนินงานงานภายใต้กลยุทธ์ “B To The Top” มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรรระดับท็อปใน 3 มิติ ได้แก่ 1.B The Growth ก้าวสู่ระดับท็อปของตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) จำนวน 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท เป้าหมายยอดขายสูงสุด 13,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวม 9,000 ล้านบาท 2.B The Craft มุ่งมั่นสู่การเป็นแบรนด์บ้านจัดสรรระดับท็อปในใจผู้บริโภค (Top of Mind Brand) ด้วยวัฒนธรรมองค์กร Craft Mindset อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าให้คุณค่า (Customer Value) ในการสร้างสรรค์ ดูแล และบริการที่ยกระดับให้แก่ผู้บริโภค ผ่านนวัตกรรมการอยู่อาศัย และ 3.B The Goodness มุ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในโครงการและชุมชนรอบด้าน ตลอดจนเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บริทาเนียได้รับการประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือทั้งเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ในระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริทาเนียที่เป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2565 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 30 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 36,449 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น