วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566

ไฮเนเก้น ซิลเวอร์ แตะมือ 3 ค่ายเพลงดังรวมพลศิลปินคนรุ่นใหม่ออนทัวร์ แจกประสบการณ์ทางดนตรีแบบไม่ซ้ำใคร พร้อมระเบิดความมันส์แบบสมูทกันได้เกินคาดตลอดปี

 


ไฮเนเก้น ซิลเวอร์ โดยกลุ่มบริษัท ทีเอพี ร่วมกับ 3 ค่ายเพลงดังในประเทศไทยอย่าง Warner Music Thailand, YUPP! และ What The Duck เตรียมส่ง Music Activation ที่ดึงเอาเอกลักษณ์ของแต่ละค่ายเพลงมาผสมผสานกับแนวคิด “Unexpectedly Smooth” สมูทกันได้เกินคาด ผ่านกิจกรรมทางดนตรีที่จะจัดขึ้นที่เอาท์เล็ทชั้นนำกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศไทย พร้อมขนทัพศิลปินชั้นนำเอาใจคนรุ่นใหม่ออนทัวร์มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครตลอดปี 2566 

 

ไฮเนเก้น ซิลเวอร์ ผู้นำด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมทางดนตรีที่แตกต่างกับทั้ง ค่ายเพลง ที่นอกเหนือจากความพิเศษของศิลปินที่แตกต่างกันแล้ว แนวเพลงและไอเดียของการนำเสนอรูปแบบของแต่ละค่าย ยังออกแบบให้ตรงกับกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการที่หลากหลายทางด้านดนตรีด้วย โดยความเอ็กซ์คลูซีฟในงานครั้งนี้ ทางค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง Warner Music Thailand ส่ง สาวศิลปินสุดฮอตอย่าง แปม-อัญญ์ชิสา สินตระการผล (Pam Anshisa) และ ฝ้าย-สุมิตตา ดวงแก้ว (Fyeqoodgurl) มาวาดลวดลายความสมูทผ่านการร้องและเต้นในคอนเซ็ปต์ “Shuffle” ด้วยเพลง Medley ยาวๆ เพลงรวด ต่อด้วยค่าย HipHop ของคนรุ่นใหม่อย่าง YUPP! ที่ดึงศิลปินแรปเปอร์ตัวพ่อของค่ายอย่าง แชมป์-นครินทร์ จรูญวิทยา (MAIYARAP) ที่มาโชว์เพลงสุดฮิตอย่าง แฟนใหม่หน้าคุ้น และ กร-อัษฎกร เดชมาก (AUTTA) กับเพลง “Another Level” ปิดท้ายด้วยค่ายเพลงสัญชาติไทยที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ What The Duck ที่สร้างสรรค์โชว์ในรูปแบบ “Mashup” ผสานความสมูทในการเชื่อมระหว่างเพลง เจ้าของที่ จากวง Mirrr และเพลง ลาก่อน จากวง YourMOOD ได้แบบสมูทเกินคาด นอกจากนี้ ยังมีศิลปินรุ่นใหม่ที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ไปด้วยกันในงาน อาทิ วง Zweed n’Roll, เนม-สุรัช เพียรเลขา (NAMEMT) และ ฟาร์-พิชญานิน หนูศรี (Flower.far)

 

  

 

  

 

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในเสียงดนตรี ชอบความแตกต่าง และมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ มาร่วมเปิดประสบการณ์ทางดนตรีที่ไม่เหมือนใครแบบสมูทกันได้เกินคาด ไปพร้อมๆ กับ ไฮเนเก้น ซิลเวอร์ และทั้ง 3 ค่ายเพลงกันได้ตลอดทั้งปี 2566 สามารถติดตามรายละเอียด ได้ทางเพจเฟสบุ๊ก HEINEKEN

      

เลอโนโว เปิดตัว ThinkSmart View Plus ต่อยอดการใช้งานกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Collaboration โซลูชั่น ● ThinkSmart View Plus รองรับการใช้งานร่วมกับ Microsoft Teams ส่งเสริมการทำงานร่วมกันที่หลากหลาย ด้วยโซลูชั่นการสื่อสารผ่านวิดีโอที่ครบวงจรโดยเฉพาะ

 


กรุงเทพฯประเทศไทย – 29 มีนาคม 2566 – เลอโนโว ประกาศเปิดตัว ThinkSmart View Plus ที่รองรับการใช้งาน ร่วมกับ Microsoft Teams ผ่านฟังก์ชันการใช้งานระบบเสียง วิดีโอ และไวท์บอร์ดระดับพรีเมียม โดยโซลูชั่น Smart Collaboration รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ถูกสรรสร้างมาเพื่อรองรับการทำงานแบบไม่มีโต๊ะประจำหรือ hot desk, งานรูปแบบคอลเซ็นเตอร์โต๊ะทำงานของผู้บริหาร รวมถึงการใช้งานแบบโฮม ออฟฟิศ

 

ThinkSmart View Plus

รูปแบบการทำงานของคนในปัจจุบันมีเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการเชื่อมต่อและเข้าถึงโลกดิจิทัลได้ในทุกที่ทุกเวลาจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ThinkSmart View Plus ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับ Microsoft Teams เพื่อส่งเสริมการทำงานรูปแบบไฮบริด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน  มอบความยืดหยุ่น และความสามารถในการ collaboration ทั้งที่โต๊ะทำงานประจำ หรือการนั่งทำงานในรูปแบบ hot desk

 

ThinkSmart View Plus คืออุปกรณ์ที่มีความสามารถแบบแบบครบวงจรที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบมัลติทัช ขนาด 27 นิ้ว รองรับการใช้งานวิดีโอ และคุณภาพระบบเสียงระดับพรีเมียม ไปจนถึงตัวเครื่องเป็นคอมพิวเตอร์ built-in เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันอย่างไร้ข้อจำกัด

 

สำหรับการใช้งานส่วนบุคคล ThinkSmart View Plus จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการรองรับการ customize  มาพร้อมความปลอดภัย ให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้ใช้งานผ่านโปรแกรม Microsoft Teams โดยผู้ใช้สามารถใช้งานแชทปฏิทินและไฟล์ต่าง ๆ บน Teams ได้ในขณะที่เข้าประชุมบนเครื่อง นอกจากนี้ เมื่อเชื่อมต่อกับพีซีของผู้ใช้งานอีกเครื่อง ThinkSmart View Plus จะสามารถแชร์หน้าจอ (Screensharing) ได้บนอุปกรณ์ทั้งสองเครื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถดูเนื้อหาและพรีเซ็นท์ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ThinkSmart View Plus ยังสามารถเปลี่ยนเป็นโหมดมอนิเตอร์เมื่อเชื่อมต่อกับพีซีผ่าน USB-C ได้อีกด้วย

 

ผลิตภัณฑ์ ThinkSmart View Plus ที่รองรับการใช้งาน Teams ยังสามารถรองรับการทำงานแบบ hot desk ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นโซลูชั่นเพื่อการทำงานแบบไฮบริดที่ช่วยให้พนักงานสามารถเลือกใช้ที่นั่งทำงานได้ตามต้องการ พร้อมทั้งเริ่มทำงานและโทรออก ไปจนถึงนัดประชุม หรือเข้าใช้บัญชี Teams ส่วนตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยพนักงานสามารถสลับจากการทำงานที่บ้านมาเป็นทำงานที่ออฟฟิศได้สะดวกเพียงลงชื่อเข้าใช้งานบนเครื่อง  ไม่มีการตั้งค่าที่ซับซ้อน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวระหว่างใช้ Teams และเมื่อใช้งานเสร็จ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานจะถูกลบออกจากตัวเครื่องทันทีที่ออกจากระบบ ซึ่งถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

 

ThinkSmart View Plus ช่วยยกระดับการทำงานร่วมกันของสมาชิกในทีมให้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถนำเสนอไอเดียสุดบรรเจิดสู่หน้าจอเครื่องด้วยปากกา Passive Stylus Pen และ Microsoft whiteboard แอปพลิเคชัน

 

ระบบเสียงของเครื่องมาพร้อมความคมชัดด้วยลำโพงพรีเมียมขนาด 5w สองตัว และไมโครโฟน ตัว ประกอบกับกล้อง IRGB  ขนาดความละเอียดแบบ 4K ที่สามารถจัดเฟรมอัตโนมัติ และมอบระบบความปลอดภัยด้วย AI และให้ภาพที่คมชัดไปพร้อมกัน

 

ขณะเปลี่ยนการทำงานให้เป็นโหมดหน้าจอ ThinkSmart View Plus ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม และสามารถเป็นแท่นวางโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย นอกจากนี้ ThinkSmart View Plus มาพร้อมกับ VESA ที่สามารถยึดติดผนังได้เช่นกัน

 

ThinkSmart View Plus มาพร้อม Qualcomm® QCS8250 System-on-Chip (SoC) ซึ่งเป็นชิปที่สร้างขึ้นสำหรับแอปพลิเคชัน IoT ระดับองค์กรและเชิงพาณิชย์จาก Qualcomm Technologies, Inc. โดยโปรเซสเซอร์ระดับพรีเมียมนี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประสิทธิภาพที่สูงสุดในการประมวลผลระดับสูงของระบบกล้องและแอปพลิเคชัน Edge AI ไปจนถึงรองรับ Wi-Fi 6

 

คุณธเนศ อังคศิริสรรพผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว กล่าวว่า "ลูกค้าของเลอโนโวล้วนมองหาโซลูชั่นที่ชาญฉลาดและยืดหยุ่นเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับสมาชิกในทีม และยกระดับการทำงานร่วมกันให้ดีขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม ซึ่ง ThinkSmart View Plus ผ่านการออกแบบให้มีฟังก์ชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงาน รวมถึงความพึงพอใจของพนักงาน”

 

เช่นเดียวกับอุปกรณ์สำหรับห้องประชุมตระกูล Lenovo ThinkSmart View Plus มาพร้อมกับบริการ Lenovo Premier Support ตลอดระยะเวลา ปี ที่ประกอบด้วยบริการจากช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี ไปจนถึงซอฟต์แวร์และบริการเพิ่มเติมจากเลอโนโวตลอดระยะเวลา ปี อาทิ:

 

  • บริการ ThinkSmart Professional Services: ช่วยเรื่องการติดตั้งระบบกับทีมไอที ทั้งในการตั้งค่ากำหนดค่าและรวมถึงการอินทิเกรตโซลูชั่นทั้งหมดเข้าสู่แพลตฟอร์มสื่อสารที่องค์กรมีอยู่

 

  • บริการ ThinkSmart Professional Services: ช่วยเรื่องการดูแลแก้ไขปัญหา (remote troubleshooting) และให้คำปรึกษาทางเทคนิคสำหรับอุปกรณ์ ThinkSmart โดยช่างผู้เชี่ยวชาญของเลอโนโว

 

  • ThinkSmart Manager คือชุดซอฟต์แวร์เพื่อจัดการดูแลระบบการทำงานแบบ Collaboration ของเลอโนโว ซึ่งการดูแลระบบการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพหมายความว่าเทคโนโลยีจำเป็นต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลา และพร้อมเชื่อมต่อตลอดเวลา ไปจนถึงการใช้งานที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก ThinkSmart Manager จะเป็นตัวช่วยให้ทีมไอทีสามารถกำหนดค่า ควบคุม และจัดการโซลูชั่น Smart Collaboration ทั้งหมดจากระบบอินเทอร์เฟซหนึ่งเดียวอย่างง่ายดาย

 

ราคาและการจัดจำหน่าย

ราคาและการวางจำหน่ายในไทยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งภายหลัง

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่น Lenovo ThinkSmart ไปที่ www.lenovo.com/thinksmart หรือติดต่อตัวแทนฝ่ายขายของ Lenovo หรือร้านตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่

ททท. กลับมาเขย่าวงการคนโสดอีกครั้ง! เปิดตัว “เส้นทางคนโสด Single Journey Season 2” #อย่าล้อเล่นกับความเหงา เอาใจ Solo Traveler กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

 


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. พร้อมด้วยพันธมิตร แอปพลิเคชัน Tinder และบริษัท ไดร์ฟ ดิจิทัล จำกัด จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ‘เส้นทางคนโสด Single Journey Season 2’ #อย่าล้อเล่นกับความเหงา ชวนเปิดประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวตามสไตล์คนโสด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับเกียรติจากศิลปินนักแสดงตัวแทนคนโสด ได้แก่ แน็ก ชาลี ไตรรัตน์,  ต้า อธิวัตน์ แสงเทียน และ โยชิ รินรดา ธุระพันธ์ เข้าร่วมงาน ณ ห้องโถงธนะรัชต์ อาคาร ททท. เมื่อวานนี้

 

 

 

 

บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา)

1. คุณภูมิ นวสิทธิโสภณ                          ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไดรฟ์ ดิจิทัล จำกัด

2. คุณกิตติ พรศิวะกิจ                              คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

3. คุณโยชิ รินรดา ธุระพันธ์

4. คุณแน็ก-ชาลี ไตรรัตน์

5. คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์                     รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ

6. คุณต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน

7. คุณวชิราพร โอฬาร                             Content Lead, Thailand Tiktok

8. คุณบอส-จักรพันธ์ วงศ์คณิต

อีตั้น อิเล็คทริค ประเทศไทย เปิดแผนธุรกิจปี 2566 เน้นความยั่งยืนในการทำธุรกิจพร้อมผลักดันธุรกิจสีเขียว

 


กรุงเทพ...บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการพลังงานระดับโลกได้เปิดแผนธุรกิจสำหรับปี 2566 และร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจัดเสวนาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและการผลักดันธุรกิจสีเขียวให้แพร่หลายในประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือ คุณอาทิตย์ เวชกิจ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน และคุณรวิวัฒน์ พนาสันติภาพ  นายกสมาคมบริษัทจัดการพลังงานไทย พร้อมคุณพีรศุษม์ ธีระโกเมน อุปนายกสมาคมบริษัทจัดการพลังงานไทย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ

คุณสุภัทรา รามสูต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า “เป้าหมายสำคัญของ อีตั้น คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีและการให้บริการด้านการจัดการพลังงาน โดยตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา อีตั้น ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 16% ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่จะลดการปล่อยลงให้ได้ 50% ภายในปี 2030 และปริมาณของก๊าซที่ลดลงจนถึงปัจจุบัน เทียบได้กับจำนวนก๊าซที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์ถึง 30,000 คัน อีตั้น ยังบรรลุเป้าหมายด้านการจัดการน้ำและกำจัดของเสีย โดยประสบผลสำเร็จกว่า 50% จากเป้าที่ตั้งไว้ และเร็วกว่าเวลาที่กำหนดถึง ปี ในปี 2021 ที่ผ่านมา 65% ของยอดขายสุทธิของอีตั้นมาจากยอดขายสินค้าในกลุ่มธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานความเสถียรในพลังงานไฟฟ้า และการเพิ่มคุณภาพอากาศ ซึ่งเป็นแนวทางที่เราคาดหวังว่าจะเน้นหนักให้มากยิ่งขึ้น

นับแต่ปี 2020 เป็นต้นมา อีตั้นได้ลงทุนไปมากกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเราที่จะทำการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยวงเงินถึง พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

สำหรับ อีตั้น ประเทศไทย ก็ได้มีการดำเนินการตามแผนแม่บทของ อีตั้น สำนักงานใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยในปี 2023 นี้ เราจะชูจุดเด่นในเรื่องการสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจ ซึ่งเราถือว่าเป็นความท้าทายที่เราจะต้องเอาชนะ และช่วยกันผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย เพื่อส่งต่อไปให้กับคนในรุ่นต่อๆไปด้วยเช่นกัน โดยเราได้เน้นไปที่การสร้างสรรค์แนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนสำหรับธุรกิจ โดยจะเน้นไปที่ พันธกิจหลัก ซึ่งได้แก่

1)       ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านแหล่งพลังงาน จากแนวโน้มทั่วโลกที่ต้องการทดแทนการใช้เชื้อเพลิงจากคาร์บอนด้วยพลังงานหมุนเวียน  อีตั้นจึงนำเสนอแนวคิด Everything as a grid เพราะอุปกรณ์ต่างๆในปัจจุบันสามารถรับและจ่ายไฟฟ้าได้สองทิศทาง อีตั้นจึงช่วยลูกค้าและชุมชนในการวางแนวทางการจ่ายไฟ การกักเก็บและบริโภคพลังงาน เพื่อให้เจ้าของบ้าน และเจ้าของธุรกิจสามารถลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้

2)       การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนยานพาหนะ  เพราะการเปลี่ยนจากการพลังงานเชื้อเพลิงมาเป็นไฟฟ้าเป็นหัวใจสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นอีตั้นจึงมี

 

 

ผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการผลิตเครื่องชาร์จไฟแบบครบวงจร เพราะนี่คืออนาคตที่สำคัญของโลกแห่งยานยนต์

3)    การก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล เป็นการเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลคือตัวขับเคลื่อนพื้นฐานสู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน การนำซอฟแวร์ Brightlayer ของอีตั้นมาใช้ในการประมวลผลข้อมูลทำให้เห็นภาพรวมในการใช้พลังงาน ซึ่งนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านการจัดการพลังงาน เพื่อความปลอดภัยขึ้น ชาญฉลาดมากขึ้นและยั่งยืนกว่าสำหรับอนาคต

4)    การออกแบบผลิตภัณฑ์โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เมื่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลิตภัณฑ์ของอีตั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ เช่น ผลิตภัณฑ์ RMU รุ่น Xiria ที่เปิดตัวในปี 2002 ด้วยการผลิตแบบเทคโนโลยีสูญญากาศปลอดก๊าซ SF6 - ก๊าซอันตรายที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน และได้ขายไปทั่วโลกมากกว่าหนึ่งแสน เป็นต้น

              ทางอีตั้นเชื่อว่าการเสวนาในวันนี้จะเป็นการร่วมมือกันในการที่จะผลักดันให้เกิดโมเดลทางธุรกิจที่จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยเพื่อให้กับคนในยุคต่อไปให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งจะเป็นการช่วยเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไปในทิศทางที่ดีและสร้างสรรค์ โดยเราจะนำทั้ง แนวทางหลักที่กล่าวมาข้างต้นมาเป็นแกนหลักในการทำธุรกิจ พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืนสืบไป”คุณสุภัทรากล่าวทิ้งท้าย

 

อนึ่ง อีตั้น เป็นบริษัทจัดการพลังงานระดับโลกอัจฉริยะที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตและปกป้องสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้คนทุกที่ อีตั้นมีแนวทางที่มาจากความมุ่งมั่นของเราที่จะทำธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อดำเนินการอย่างยั่งยืน และช่วยลูกค้าของเราในการจัดการพลังงาน  ทั้งวันนี้และอนาคต ด้วยการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตทั่วโลกของการใช้พลังงานไฟฟ้าและระบบดิจิทัล เรากำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านของโลกไปสู่พลังงานหมุนเวียน ช่วยแก้ปัญหาความท้าทายด้านการจัดการพลังงาน โดยอีตั้นให้บริการลูกค้าในกว่า 175 ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย Eaton ก่อตั้งขึ้นในปี 1911 และเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีการจดทะเบียนใน NYSE ในปีนี้

Lee ชวนเช็คอินความเป็นไทยผ่านคอลเลกชั่นพิเศษ Lee Thai Collection

 


Lee เดนิมแบรนด์ที่มีประวัติและตำนานมาตั้งแต่ปี 1889 ผู้นำด้านแฟชั่นร่วมสมัยที่อยู่ในกระแสตลอดมา พร้อมส่งเสริมความภาคภูมิใจให้กับท้องถิ่นที่ Lee วางจำหน่าย ล่าสุด Lee ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกกระแสความเป็นไทยต้อนรับ Spring-Summer 2023 ด้วยแคปซูลคอลเลกชั่น “Lee Thai Collection” สุดพิเศษ ออกแบบมาเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น ให้สาวกเดนิมได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้ววันนี้ที่ www.lee.co.th และหน้าร้าน Lee ทุกสาขาทั่วประเทศไทย 

 

Lee ชวนสาวกเดนิมชาวไทยมาร่วมภาคภูมิใจความเป็นไทยพร้อมเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อ และวัฒนธรรมไทยอันงดงาม กับ Lee Thai Collection แคปซูลคอลเลกชั่นสุดพิเศษ ต้อนรับ Spring-Summer ฤดูกาลการท่องเที่ยวไทยและประเพณีมากมาย ด้วยการนำแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองไทย ลายไทยอันเป็นอัตลักษณ์สำคัญ มาเป็นลายสกรีนในคอลเลกชั่นนี้แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นที่ไหน

 

แน่นอนว่าซัมเมอร์นี้ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ต่างพากันไปเช็คอินบนชายหาดและหมู่เกาะอันสวยงาม Lee Thai Collection นำเสนอความงดงามของทะเลไทย แห่ง ได้แก่ ชายหาดอันขาวสะอาดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใสของ “อ่าวนาง” จ.กระบี่ และ “เกาะเขาตะปู” จ.พังงา สกีนลายลงบนโลโก้ Lee ที่เป็นไอคอนประจำแบรนด์

 

“พระปรางค์วัดอรุณ” สถาปัตยกรรมที่มีความงดงาม ตั้งตระหง่านโดดเด่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นในยามเช้า และในช่วงเวลาเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตก รวมถึงแสงไฟที่สาดส่องยามค่ำ ยิ่งทำให้พระปรางค์วัดอรุณ มีความงดงามยิ่ง เป็นที่ประทับใจของผู้ได้ชม ใน Lee Thai Collection จึงได้นำแสงและเงาของพระปรางค์วัดอรุณในยามอาทิตย์อัสดง มาพร้อมโลโก้ Lee สกรีนเป็นลายกราฟฟิกในคอลเลกชั่นนี้ ให้สาวกเดนิมได้สวมใส่ก็เหมือนว่าได้ไปชมด้วยตาตนเอง

 

“มวยไทย” คือที่หนึ่งศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยที่สามารถใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธป้องกันตัว ไม่เฉพาะคนไทยรวมถึงผู้คนทั่วโลกต่างยกย่องและให้ความสนใจเรียนมวยไทยกันมากมาย Lee จึงไม่พลาดที่จะร่วมภาคภูมิใจไปกับคนไทยด้วยการนำท่าทางแม่ไม้มวยไทยมาผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งของลายกราฟฟิกใน LEE JEANS และเพิ่มความพิเศษให้กับลายนี้ด้วยการใช้สี สี ได้แก่ สีขาว สีแดง และสีน้ำเงิน ด้วยเทคนิคพิเศษของแบรนด์จึงทำให้เห็นลายพิมพ์แต่ละข้างเป็นสีที่แตกต่างกัน

 

“ช้างไทย” สัตว์ที่มีความสำคัญและผูกผันกับวิถีชีวิตคนไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ช้างจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศไทย Lee จึงนำช้างไทยมาเป็นส่วนหนึ่งของ Lee Thai Collection กับช้างไทยลวดลายสวยงาม โดยใช้เทคนิคพิมพ์ฟอยล์ทองเพื่อให้ลายพิมพ์ช้างมีมนต์เสน่ห์มากยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ไทยที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ “ผ้าไทย” อันมีลวดลายการทอเป็นอัตลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่นที่โดดเด่นสวยงามแตกต่างกัน Lee ในฐานะผู้นำด้านแฟชั่นร่วมสมัยและอยู่ในกระแสเสมอมา จึงไม่พลาดที่จะหยิบยกลวดลายของผ้าไทยมาใส่ในโลโก้ Lee ที่เป็นไอคอนประจำแบรนด์ เพื่อร่วมเผยแพร่ความสวยงามของผ้าไทยโดยใช้เทคนิคการปักลวดลายลงไป ทำให้เหมือนว่าได้สัมผัสผ้านั้นจริงๆ รวมไปถึงลาย  “แผนที่ประเทศไทย” ที่ปรากฏลายกราฟฟิกผ้าไทยในแต่ละภาคมารวมไว้ในแผนที่ประเทศไทย

 

ดีไซน์สุดพิเศษ Lee Thai Collection จะปรากฏอยู่ในสินค้าหลักของทางแบรนด์อย่าง เสื้อยืด โปโล ฮู้ดดี้ เสื้อกล้าม แจ็คเกต และกางเกงยีนส์ ทั้งชายและหญิง พร้อมให้แฟนๆ ได้จับจองเช็คอินความเป็นไทยต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ พบกับโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ ชิ้น ลด 15% ซื้อ 2 ชิ้น ลด 30% เฉพาะสินค้าใหม่และสินค้าราคาปกติ ตั้งแต่วันที่ 1-15 เมษายน ศกนี้ ที่ www.lee.co.th และหน้าร้าน Lee ทุกสาขาทั่วประเทศไทย 

 

#Leejeansth #LeeThailand #LeeStandTall #ลีอย่างไทย

ฮอตปรอทแตก! “ออริจิ้น อีอีซี” ผนึกบิ๊กดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น “ภูเก็ตวิลล่า” ปั้นคอนโดภูเก็ต “ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง” เพิ่มอีก 10 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,100 ล้าน

 


“ออริจิ้น อีอีซี” ต่อยอดกระแสความแรงตลาดคอนโดมิเนียมภูเก็ต หลังกระแสตอบรับ “ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต” มาแรง ยอดจองสิทธิ์กว่า 300 ยูนิต ประกาศร่วมทุนบิ๊กดีเวลลอปเปอร์เจ้าถิ่น “ภูเก็ตวิลล่า คอร์ปอเรชั่น” ปั้นโครงการใหม่เปิดขายปี 66 “ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง” มูลค่าโครงการกว่า 2,100 ล้านบาท เตรียมเนรมิตที่ดินกว่า 10 ไร่บนทำเลทอง คาดเปิดขาย ไตรมาส ปีนี้  

 

นายกฤษณ์ เตชะสัมมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และหัวเมืองใหญ่ในเครือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (The Origin Centre Phuket) อย่างเป็นทางการในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-26 มี.ค.66) โครงการได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี กวาดยอดจองสิทธิ์ กว่า 300 ยูนิต เนื่องจากตลาดคอนโดมิเนียมภูเก็ตเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับทั้งเพื่อการอยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังสอดรับการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของตลาดบริการ จากการที่เมืองภูเก็ตเป็นจังหวัดสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ประกอบกับโครงการของบริษัทตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ และมีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้  

 

ล่าสุด บริษัทจึงได้บรรลุข้อตกลงในการร่วมทุนกับบริษัท ภูเก็ตวิลล่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง (The Origin Kathu-Patong) บนที่ดินขนาด 10 ไร่ ใกล้หาดป่าตอง และสามารถเดินทางเข้าใจกลางเมืองภูเก็ตเพียง นาที  

 

“โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การขยายตัวในตลาดต่างจังหวัด ผ่านการจับมือกับพันธมิตรในท้องที่เพื่อร่วมพัฒนาโครงการในหัวเมืองต่างๆ เสริมความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจของกลุ่มออริจิ้น โดยโครงการนี้เรายังได้รับเกียรติจากพันธมิตรผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯรายใหญ่ในภูเก็ต มาร่วมทุนพัฒนาโครงการใหม่ บนทำเลทองของภูเก็ตอย่างกะทู้-ป่าตองด้วย ทำให้เราสามารถพัฒนาโครงการในราคาที่น่าสนใจของตลาดได้ เบื้องต้น คาดว่าเริ่มเปิดขายเฟสแรกในไตรมาส 2/2566 นี้” นายกฤษณ์ กล่าว 

 

ด้าน นายเมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทภูเก็ตวิลล่า คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทุนพัฒนาโครงการดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง ร่วมกับ บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัดในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI บริษัทที่มีวิสัยทัศน์การเติบโตที่ชัดเจนและต่อเนื่อง จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่าการร่วมทุนกันในครั้งนี้จะช่วยสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต  

 

“จากประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตกว่า 34 ปี ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง พบว่ามีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งในอนาคตภูเก็ตยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อลงทุน และช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ อาทิ โครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตเฟส 3 คาดว่าจะช่วย รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 25 ล้านคนต่อปี แผนการสร้างรถไฟรางเบา LRT ที่เริ่มจากสถานีรถไฟท่านุ่น จ.พังงา ช่วยเชื่อมต่อสนามบินภูเก็ตเข้าตัวเมือง ไปจนถึงสถานีห้าแยกฉลอง และท่าเรืออ่าวฉลอง ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้เป็นอย่างดี” นายเมธาพงศ์​ กล่าว 

 

สำหรับโครงการ ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง (The Origin Kathu Patong) มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 2,100 ล้านบาท บนเนื้อที่รวมกว่า 10 ไร่ โดยจะเริ่มเปิดขายประมาณไตรมาส ของปีนี้  

 

สำหรับ บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ของไทย มีหลากหลายโครงการที่ถือเป็นระดับเมกะโปรเจกต์และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค อาทิ การพัฒนาโครงการออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา (Origin District Laemchabang-Sriracha) บริเวณตรงข้าม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จ.ชลบุรี โครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง (Origin Smart City Rayong) เมืองอัจฉริยะบนพื้นที่กว่า 24 ไร่ บริเวณแยกเนินสำลี จ.ระยอง

"เฉลิมฉลองวันครบรอบ 33 ปี การสถาปนาอิสรภาพ และวันครบรอบปีที่ 105 แห่งการฟื้นฟู “สาธารณรัฐลิทัวเนีย”

 


29 มีนาคม 2566- กรุงเทพฯ นางนวลพรรณ ล่ำซำ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำกรุงเทพมหานคร จัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 33 ปีการสถาปนาอิสรภาพ และวันครบรอบปีที่ 105 แห่งการฟื้นฟู สาธารณรัฐลิทัวเนีย” และครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ลิทัวเนีย โดยได้รับเกียรติจาก นายดาริอุส ไกดีส (H.E. Darius Gaidys) เอกอัครราชทูตลิทัวเนียประจำประเทศสิงคโปร์ และ ภริยา นางเรนาตา ไกดีน  (Madame Renata Gaidiene) , พ.ต.อ.ดร. ณรัชต์ เศวตนันทน์ , นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย , ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประเทศจาเมกาประจำประเทศไทย เข้าร่วมงาน พร้อมด้วย เอกอัครราชทูต อุปทูต กงสุลกิตติมศักดิ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงการต่างประเทศ และชาวลิทัวเนียที่พำนักในประเทศไทย ร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเมืองไทยประกันภัย 

  

บุคคลในภาพนับเรียงจากซ้าย  

1. ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประเทศจาเมกาประจำประเทศไทย 

2. พ.ต.อ.ดร. ณรัชต์ เศวตนันทน์ 

3. นางนวลพรรณ ล่ำซำ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำกรุงเทพมหานคร 

4. นายดาริอุส ไกดีส (H.E. Darius Gaidys) เอกอัครราชทูตลิทัวเนียประจำประเทศสิงคโปร์ 

5.  นางเรนาตา ไกดีน  (Madame Renata Gaidiene) ภริยา 

6. นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

Doctor Mek Clinic คว้ารางวัลอันดับ 1 Single Clinic ที่มียอดรวมการใช้ฟิลเลอร์สวีเดน Restylane และโบอังกฤษ Dysport สูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022

 


ถ้าพูดถึงสถาบันเสริมความงามสุดปังแห่งปี!! นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ด็อกเตอร์เมฆคลินิก (Doctor Mek Clinic) โดย อาจารย์หมอเมฆ - นายแพทย์วัชพล ธนมิตรามณี อาจารย์แพทย์ผิวหนังมากประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์และร้อยไหม เจ้าของฉายา #หมอของดารา คุณหมอคนเก่งผู้กวาดรางวัลมาแล้วทุกเวทีแห่งสถาบันด้านความงามมากมายในทุกปีต่อเนื่องมาจนปี 66

 

ล่าสุดก็ไม่ผิดโผ ด็อกเตอร์เมฆคลินิก (Doctor Mek Clinic) คว้าอีก 3 รางวัลใหญ่จาก Galderma ในงาน “THIS IS MY LOOK AWARD NIGHT CELEBRATION” ได้แก่ อันดับ 1 Single Clinic ยอดใช้ฟิลเลอร์สวีเดน Restylane สูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022อันดับ 1 Single Clinic ยอดรวมการใช้ฟิลเลอร์สวีเดน Restylane และโบอังกฤษ Dysport สูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022 และ 1 ใน 3 Single Clinic ยอดใช้โบอังกฤษ Dysport สูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022

 

โดยโอกาสนี้ อาจารย์หมอเมฆ ควงคู่ แพทย์หญิงพิชญานิน สื่อมโนธรรม ผู้ร่วมก่อตั้ง รับรางวัลอย่างสง่างามบนเวที พร้อมประกาศศักดาและตอกย้ำว่า ด็อกเตอร์เมฆคลินิก (Doctor Mek Clinic) เป็นผู้นำด้านความงามของประเทศไทยมาโดยตลอดจากการเลือกใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูง โดยงานจัดขึ้น ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาอาจารย์แพทย์

และทีมแพทย์มากประสบการณ์กับ Doctor Mek Clinic

LineOA : https://cnx.bz/mK3mQk

FB Page : https://cnx.bz/xRq1JI

DoubleBam ส่งซิงเกิ้ลใหม่ “Skinship” ย้อนความทรงจำที่เคยสัมผัสกับคนรัก

 


สาวหล่อหน้าใสเสียงหวานไม่เหมือนใครที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี  DoubleBam หรือ แบมแบม นีวิรินทน์ ลิ่มกังวาฬมงคล ศิลปินจากค่าย marr ฝากผลงานเพลงมาแล้ว อย่าง จะไม่กลับมาใช่ไหมคิดถึง คิดถึง คิดถึง, มากับใครรึเปล่า และ น่ารักกว่าเธอตอนนี้  (ก็คือเธอในวินาทีถัดไป), “น่ารักเท่าอวกาศ” (Rocket) และล่าสุด DoubleBam ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ที่มีชื่อเพลงว่า Skinship
        

   Skinship เพลงใหม่ล่าสุดของ DoubleBam เพลงนี้เป็นตัวแทนสำหรับคนที่ยังมูฟออนไม่ได้และยังคิดถึงสัมผัสเก่า ๆ ที่จะพาทุกคนย้อนไปถึงความทรงจําและ “สัมผัส” หรือที่เราเรียกว่า “สกินชิพ” ในอดีตที่เคยมีร่วมกันกับคนที่ยังติดอยู่ในใจของเรา ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นจะไม่ได้อยู่ข้างๆแล้ว แต่ทุกสัมผัส กลิ่น กอด ก็ยังชัดเจนในความทรงจําเสมอ เหมือนท่อนที่ว่า “ติดสกินชิพของเธอ แต่ติดตรงที่ไม่มีเธอแล้ว”  โดยได้พัด Vorapat มารับหน้าที่เขียนเพลงนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับเสียงร้องที่หวานใสและเป็นเอกลักษณ์ของ DoubleBam แล้ว ทําให้เพลงนี้เป็นเพลงเศร้าที่มีความหมายลึกซึ้งและมีความยั่วยวนหวนให้นึกถึงสัมผัสที่ตราตรึงใจในอดีตได้เป็นอย่างดี

สามารถติดตามผลงาน Skinship พร้อม Mv ได้ทาง Facebook : marr/DoubleBam, Instagram:marrofficial_th/ DoubleBammm,  Youtube : marr, Twitter : marrofficial_th, TikTok : marrofficial_th/ DoubleBammm

ลิงค์ MV:https://www.youtube.com/watch?v=cyNlmW4GcGo

“REAL ASSET” รุกอสังหาฯปี’66 จ่อเปิด 4 โครงการ มูลค่า 5,900 ลบ. พร้อมจับมือยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น “SOTETSU” ร่วมทุนพัฒนาโครงการ

 


REAL ASSET ลุยตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2566 ผุดทั้งแนวสูง-แนวราบรวม 4 โครงการ มูลค่าทั้งสิ้นกว่า 5,900 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ARLO LASALLE 17” และ VIVALDI Bangna”  พร้อมปรับกลยุทธ์การเติบโตเร็วขึ้นเล็งขยายสู่โครงการลักษณะ M&A และ Recurring Income เพื่อเสริมสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯ คาดปี 2567 ทำสถิติ New High รายได้สูงถึง 7,000 ล้านบาท อีกทั้งเพิ่มกลยุทธ์ทางธุรกิจจับมือพันธมิตรใหญ่จากญี่ปุ่น “SOTETSU“
ลุยลงทุนต่อ 3-5 ปี

 

            นายบดินทร์ธร  จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ REAL ASSET บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมมาแล้วมากกว่า 20 โครงการ เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 นี้ ว่า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 5,900 ล้านบาท  ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง (คอนโดมิเนียม) จับกลุ่มตลาดกลางถึงตลาดบน ทั้งในรูปแบบของการพัฒนาโครงการเองและแบบ  M & A (Mergers and Acquisitions พร้อมทั้งยังมองหาโอกาสขยายสู่การพัฒนาโครงการในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building)  เพื่อเสริมสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

                สำหรับโครงการแนวราบ วางแผนเปิดตัวทั้งสิ้น 2 โครงการ ในช่วงครึ่งหลังของปี คือ

1.     โครงการ VIVALDI Bangna  (วีวัลดี บางนา) บริเวณซอยวัดคลองปลัดเปรียง  ห่างจากถนนบางนาเพียง 1.8 กิโลเมตร พัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ที่เตรียมยกระดับมาตรฐานเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Hi-End Segment ของโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น ราคาขายเริ่มต้นที่ 10-20 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท

2.     โครงการ VIRANYA Rangsit – Wongwaen  (วิรัณยา รังสิต วงแหวน) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว บนทำเลวงแหวน  ลำลูกกา คลอง  ราคาขายเริ่ม 3.XX ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,250 ล้านบาท

ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเบื้องต้นมีแผนจะเปิด 2 โครงการ คือ

1.       โครงการ THE STAGE Made by Me Ratchada - Huaikhwang  พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม High Rise Condo ความสูง 31 ชั้น บนทำเลรัชดา - ห้วยขวาง มูลค่าโครงการประมาณ 2,130 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นที่ 2.89 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะเปิดขายรอบแรก Online booking 3 เมษานี้

2.       แบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ ARLO LASALLE 17 (เดิมคือโครงการ The Excel ลาซาล 17) เป็นคอนโดมิเนียม   Low Rise 4 อาคาร บนที่ดินกว่า ไร่ จำนวนห้องพักอาศัย 581 ยูนิต  มูลค่าโครงการ 1,240 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท ฯ ในแบบ  M &  ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาโครงการและสร้างผลตอบแทนเร็วขึ้น เป็นการเข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดิมที่มีศักยภาพมาพัฒนาต่อเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ในช่วงต้นปี 2567 โดยจะเปิดขายในไตรมาส 3 / 2566

                นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท โซเทสึ เรียลเอสเตท (SOTETSU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Sotetsu Group ที่ดำเนินธุรกิจรถไฟและรถบัส ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ต และธุรกิจโรงแรมโดยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น และมีประสบการณ์ดำเนินงานมาประมาณ 70 ปีในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ขณะนี้ ได้ร่วมลงทุนในโครงการ A Space Mega ,โครงการ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huaikhwang  และ โครงการ VIVALDI Bangna รวมทั้งมีเป้าหมายจะพัฒนาโครงการใหม่ร่วมกันอีกในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่สะสมมานานของ SOTETSU ที่จะมาช่วยยกระดับที่อยู่อาศัย ผ่านการออกแบบดีไซน์ ,ฟังก์ชัน , Innovation และ Sustainability

                บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยยังมีทิศทางที่เติบโตและผู้บริโภคยังมีความต้องการ เพราะที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าภาคธุรกิจอสังหาฯ ยังเผชิญกับปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวังในการกำหนดนโยบายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ราคาต้นทุนที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น และ ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีทิศทางปรับราคาสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อธุรกิจ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนและส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวไทยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมไปถึงการเปิดประเทศ ที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศไทย

                “บริษัทฯ ตั้งเป้าภายใน ปี (2566-2568) จะพัฒนาโครงการรวมกว่า 14,000 ล้านบาท เพื่อสร้างสมดุลของรายได้ ระหว่าง รายได้จากการโอน และ Recurring Income  ทั้งนี้ตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะสร้างรายได้จาก Recurring Income จากการพัฒนา โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,700 ล้านบาท  โดยปี 2565 บริษัททำยอดขายได้ทั้งสิ้น 2,288 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปี 2566  อยู่ที่ 3,470 ล้านบาท  ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมากว่า 50% ทั้งนี้ยังวางแผนนโยบายเชิงรุกจากการพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูง จากโครงการที่เปิดใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ยอดขายและรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยใน 3 ปีข้างหน้านี้ (ปี2566-2568) บริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการ โดยเป้ายอดขายตั้งไว้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนรายได้นั้นจะเริ่มเห็นชัดขึ้นในปี 2567 ที่คาดการณ์ว่าจะมีรายได้ถึง 7,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นสถิติ  New High ที่จะเกิดขึ้นของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ มี Backlog รองรับการรับรู้รายได้ อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาทและคาดการณ์ว่า จะสร้าง Backlog เพิ่มในช่วงปีนี้และปีถัดไปรวมอีก 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการโอนในอนาคต” นายบดินทร์ธร กล่าว

 

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...