วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ผลสำรวจใหม่จากเฟดเอ็กซ์เผยโอกาสสำหรับธุรกิจ SME ที่จะเติบโตบน E-commerce ในยุค ‘New Normal’ ผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวไทยในการซื้อสินค้าออนไลน์

 


กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – วันที่ 30 กันยายน 2565 – ผลจากการสำรวจของเฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (FedEx Express) บริษัทในเครือเฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) (NYSE: FDX) หนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด่วนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในเรื่องเทรนด์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-commerce พบว่าทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME  รวมถึงผู้บริโภคเห็นพ้องต้องกันว่ายังคงมีที่ว่างสําหรับการเติบโตต่อไปในภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กำลังเฟื่องฟูอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังพบตัวเลขส่วนแบ่งการซื้อของผู้บริโภคผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นจาก 8 ใน 10 ในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ผู้บริโภคกว่าร้อยละ 79 คิดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้จ่ายจากทุกช่องทางของพวกเขา อย่างไรก็ตามเหล่าร้านค้าออนไลน์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่กำลังรออยู่ เช่น ร้านค้าออนไลน์ (e-tailers) จำนวนมากกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงานด้านการบริการ ในขณะที่ความต้องการสั่งซื้อสินค้าก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้าของพวกเขา  โดยเหล่าร้านค้าออนไลน์ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณภาพการบริการที่เหนือระดับกว่าความคาดหวังของผู้บริโภค

 

ผลสำรวจ What’s Next in E-Commerce survey ได้จัดทำขึ้นในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการสำรวจในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงผู้บริโภคจาก 11 ประเทศในทวีปเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA) มีจุดประสงค์เพื่อสำรวจวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเหล่านี้ อีกทั้งเพื่อให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตต่อไปในอนาคต

 

จากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคมองหานวัตกรรมที่จะช่วยออกแบบสินค้าหรือบริการที่เหมาะกับแต่ละบุคคล (personalization) การช้อปปิ้งเพื่อความบันเทิง และช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ในการใช้จ่ายของพวกเขาให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถค้นหาสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ ไปพร้อมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันมีการจัดเทศกาลเพื่อการช้อปปิ้งกันอย่างแพร่หลาย ผู้บริโภคจึงเฝ้ารอช่วงเวลาที่จะได้จับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเวลาเหล่านั้นเพื่อที่จะได้รับข้อเสนอหรือโปรโมชั่นพิเศษ ดังนั้นแล้วเมื่อมองในภาพรวมทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคและผลจากการสำรวจจะเห็นได้ว่ายังมีพื้นที่อีกมากสำหรับผู้ประกอบการออนไลน์ หรือ e-tailers ในการทดลองแนวทางในการให้บริการแบบใหม่ๆ ซึ่งจะสามารถช่วยให้พวกเขามีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นได้

 

“การเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นตัวกระตุ้นทำให้ผู้คนมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและจะไม่กลับไปเป็นเช่นเดิมอีกต่อไป เช่น การที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันเป็นปกติ ทำให้การใช้งานอีคอมเมิร์ซในกลุ่มผู้บริโภคมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก[1]” กล่าวโดย คาวาล พรีท ประธานภูมิภาค AMEA ของเฟดเอ็กซ์ เอ็กซเพรส และเสริมอีกว่า “ด้วยผู้คนจำนวนมากหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ความนิยมของผู้บริโภคมีความหลากหลายและซับซ้อนยิ่งขึ้น ผลการสำรวจของเราเผยให้เห็นโอกาสที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม รวมถึงร้านค้าออนไลน์ สามารถพัฒนาแพล็ตฟอร์มการขายออนไลน์ของพวกเขาให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้ ประสบการณ์ของลูกค้าคือแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลัง การออกแบบวิธีการที่ร้านค้าออนไลน์จะให้บริการแก่ลูกค้าของพวกเขา รวมถึงทำให้เกิดวิธีการสรรสร้างโซลูชั่นส์และนวัตกรรมในการจัดส่งของเราอีกด้วย เฟดเอ็กซ์มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาของธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อให้เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอโดยได้ขยายขอบเขตการบริการที่มีการออกแบบมาเพื่อธรุกิจอีคอมเวิร์ซโดยเฉพาะ”

 

E commerce เข้าสู่ช่วงมั่นคง แต่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้

          

ทั้งผู้ประกอบการ SME และผู้บริโภคเริ่มคุ้นชินกับการใช้งานแพล็ตฟอร์ม E-commerce และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้งานอีคอมเมิร์ซอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน  โดย 76% ของธุรกิจ SME ในไทยเชื่อว่า E-commerce จะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในธุรกิจของพวกเขาในอีก 2 -3 ปีข้างหน้า

 

ความคาดหวังที่ไม่ตรงกันในเรื่องความประทับใจในการบริการ

 

จากที่ผู้บริโภคได้เข้ามามีส่วนร่วมในเศรษฐกิจแบบตอบความต้องการ (On-demand economy) และทำให้จำนวนการจัดส่งสินค้านั้นเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าออนไลน์มีความกดดันและกำลังประสบปัญหากับการรักษาคุณภาพการบริการถึงขั้นวิกฤต ข้อมูลจากผลสำรวจพบความต่างกว่าร้อยละ 13 ระหว่างคะแนนจากการประเมินสำหรับประสบการณ์ในการให้บริการของทางร้านค้าเอง กับคะแนนจากการประเมินจากมุมมองของลูกค้าบนแพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ  เปอร์เซ็นต์ความแตกต่างที่สูงนี้มาจากหัวข้อการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 20 และ การเข้าถึงการสนับสนุนสำหรับลูกค้า เป็นร้อยละ 16

 

การจัดส่งที่ใช้เวลานานเกินไปเป็นปัญหาอันดับหนึ่งสำหรับผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 59 ตามมาด้วยการจัดการคืนสินค้า เป็นร้อยละ 40 โดยทั่วไปผู้บริโภคมักคาดหวังว่าการจัดส่งจะเสร็จสิ้นภายในสามวันถึงหหนึ่งสัปดาห์ แต่อย่างน้อยที่สุดถ้าผู้ให้บริการไม่สามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว ก็หวังว่าจะสามารถทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในคุณภาพการจัดส่งได้มากขึ้น

 

บุคลากรที่มีประสบการณ์มีน้อยกว่างานที่ต้องการพวกเขา

 

ในขณะที่อนาคตดูสดใส แต่ร้านค้าออนไลน์ในไทยกว่าร้อยละ 73 รายงานว่าพวกเขากําลังประสบปัญหาในการรับมือกับจํานวนคําสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาทำงานก็เป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมกำลังเผชิญอยู่  กว่าร้อยละ 93 ของผู้ประกอบการ SME เคยประสบกับปัญหาการลาออกของพนักงานเป็นจำนวนมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เหมือนกับที่ธุรกิจทุกภูมิภาคทั่วโลกกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์การลาออกครั้งยิ่งใหญ่ หรือ the Great Resignation  นอกจากนี้แล้วจำนวนร้อยละ 76 ยังเชื่อว่าจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ยังน้อยเกินไปสำหรับสายงานขายและการตลาดในธุรกิจอีเคอมเมิร์ซซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในปัจจุบัน  ผู้ประกอบการ SME กำลังนำแนวทางแบบคู่ขนานมาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหานี้โดยการจ้างงานบุคคลภายนอกองค์กรเพิ่มและจัดอบรมและฝึกทักษะขั้นสูงให้แก่บุคลากรปัจจุบันของพวกเขาเพื่อที่จะตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในสถานการณ์ที่ขาดแคลนแรงงานเช่นนี้

 

ปรากฎการณ์การลาออกครั้งใหญ่นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SME ในประเทศไทยรุนแรงมากกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ดังนั้นผู้ประกอบการ SME ในประเทศจะต้องการการสนับสนุนจากผู้ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการเสริมกำลังคนหรือการฝึกอบรมพนักงานทางด้านการขนส่ง จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่จะร่วมมือและสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม

 

 

การสนับสนุนด้านการขนส่งมาถึงแล้ว

เฟดเอ็กซ์เป็นฟันเฟืองที่สำคัญในระบบนิเวศของอีคอมเมิร์ซที่จะช่วยสนับสนุนด้านการจัดส่งในห่วงโซ่อุปทานนี้ อีคอมเมิร์ซได้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จที่เกิดขึ้นในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และปัจจุบันที่วิถีชีวิตของผู้คนในประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ โดยจะเห็นว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของผู้คน และเราเล็งเห็นความสำคัญและจำเป็นของความร่วมมือระหว่างผู้เล่นในระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซเพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยืน” นายเทียนหลง วูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ประเทศไทยกล่าว

 

FedEx ได้เชื่อมโยงบริการของเราเข้ากับตลาด E-commerce เพื่อให้ร้านค้าออนไลน์สามารถสร้าง FedEx Shipping labels และ ใช้บริการเสริมจาก FedEx เช่น Express Shipping Service และ International Shipping Documentation Service โดยไม่ต้องออกจากหน้าจอปฏิบัติงาน บริการที่สะดวกและราบรื่นเช่นนี้ง่ายต่อการทำงานของพนักงานใหม่และยังช่วยพัฒนาประสบการณ์การทำงานอีกด้วย นอกจากนี้  FedEx® International Connect Plus (FICP) ที่เพิ่งเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมาได้เอื้อประโยชน์กับร้านค้าออนไลน์ใน 14 ตลาดทั่วทั้ง ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA) การจัดส่งระหว่างประเทศที่คุ้มค่านี้จะสามารถจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้รับภายในภูมิภาค AMEA ด้วยระยะเวลา วันทำการ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหวังของผู้ใช้บริการ  อีกหนึ่งบริการอย่าง FedEx® Delivery Manager ที่ช่วยในด้านความรวดเร็วของการจัดส่ง และ การจัดส่งที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ทำให้ร้านค้าออนไลน์สามารถมอบข้อเสนอพิเศษแก่ลูกค้าของเขา พร้อมทั้งมีอิสระในการจัดการรายละเอียดของการขนส่งซึ่งตอบโจทย์ความต้องของผู้บริโภคในปัจจุบัน

 

 

 

เกี่ยวกับการสำรวจ What’s Next in E-Commerce Survey

การสำรวจผ่านช่องทางออนไลน์นี้ถูกจัดทำขึ้นโดย Harris Interactive ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 จาก 11 ตลาด ได้แก่ ออสเตรเลีย ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม เป็นการสํารวจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซ จำนวน 300 บริษัทที่มีพนักงานน้อยกว่า 250 คน โดยมีการสํารวจในแต่ละตลาดร่วมกับผู้บริโภค 500 ราย (1,000 รายในอินเดีย) และเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี สามารถดูข้อมูลรายงานฉบับเต็มได้ ที่นี่

 

เกี่ยวกับ FedEx Express 

FedEx Express เป็นหนึ่งในบริษัทให้บริการขนส่งด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งให้บริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ในกว่า 220ประเทศและเขตการปกครองต่างๆ FedEx Express อาศัยโครงข่ายการขนส่งครอบคลุมทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินเพื่อให้บริการที่รวดเร็วและทันเวลา 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...