Worry-Free Beauty (วอรี่-ฟรี
บิวตี้)
คลีนบิวตี้แบรนด์ที่มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพสูงในราคาที่จับต้องได้
โดยยึดคำนิยามความคลีนที่ทางแบรนด์มีต่อผู้บริโภคว่าต้องโปร่งใส ปลอดภัย
ให้ประโยชน์สูงสุด และปราศจากความกังวล
ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีอัตราการแข่งขันสูงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในตลาดบิวตี้ของประเทศไทย
Worry-Free
Beauty เชื่อมั่นว่าแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจนและซื่อตรงกับผู้บริโภคเท่านั้นจึงจะสามารถครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้
โดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เลือกแบรนด์จากแค่สินค้า แต่ยังมองถึงเรื่องราวและที่มาของแบรนด์ด้วย
โดยเน้นทำการตลาดทางออนไลน์เป็นหลักเพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงประเด็น
จริงใจ และตรวจสอบได้
คุณลาล่า-วิลาสินี ภาณุรัตน์ Chief Cheerleader & CREATOR แบรนด์วอรี่-ฟรี บิวตี้ กล่าวว่า
“ตัวเองอยู่ในวงการมาสักระยะหนึ่งแล้ว ได้ทำและเห็นอะไรมาค่อนข้างมาก
จนถึงตอนนี้เกิดเป็นความตั้งใจที่อยากจะปรับมาตรฐานของวงการบิวตี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
โดยต้องการให้สินค้าที่แบรนด์นำเสนอออกไปนั้นต้องจริงใจและให้เกียรติลูกค้าที่สุด
ด้วยการเปิดเผยรายละเอียดที่ถูกต้อง ครบถ้วน และมีความโปร่งใสอย่างแท้จริง
เราคัดสรรส่วนผสมที่ปลอดภัยมีคุณภาพตามคำกล่าวอ้าง และยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม
มีการเล่าที่มาของสินค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราทุกคน
ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคได้คิดว่าหลังจากวิกฤติครั้งนี้ เราอยากจะให้วงการนี้เดินต่อไปอย่างไรก็ดี
เราควรจะถือโอกาสนี้จัดการในสิ่งที่อาจจะไม่ถูกต้องและเลยเถิดอย่างเป็นระบบ
เพราะหลังจากที่ตลาดโดนกระทบอย่างหนักในปี 2020 ต่อเนื่องถึง 2021 เราเชื่อว่าตลาดความงามกำลังฟื้นกลับมาอย่างแน่นอน
แต่ในโมเดลที่เปลี่ยนไป เพราะตั้งแต่ช่วงโควิดที่ผ่านมา พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาหาออนไลน์กันมากขึ้น
ทำให้ผู้เล่นรายย่อยหลั่งไหลออกมาสู่ตลาดออนไลน์กันอย่างคึกคัก ยิ่งทำให้การควบคุมการสื่อสารในเรื่องของสรรพคุณสินค้านั้นทำได้ยากยิ่งขึ้น
และในบางครั้งก็ทำให้เราเห็นการสื่อสารในเรื่องสรรพคุณที่ว่านี้ไปไกลจนเกินจริงที่สุดด้วยซ้ำไป
ถ้ารวมกับ social commerce sellers เหล่านี้
เป็นไปได้อย่างสูงว่าตลาดความงามจะกลับมาเป็นบวกหลังจากติดลบมา 2 ปีแล้วอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ที่เราเห็นความแอคทีฟขึ้นมาอย่างชัดเจน
นี่ยิ่งทำให้เราอยากจะรณรงค์เพื่อนร่วมวงการให้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากขึ้น
อยากกระตุ้นให้ลูกค้าหยุดคิดและร้องขอถึงความโปร่งใสนี้ไปพร้อมกัน
เราเป็นแบรนด์เล็ก ๆ ที่เพิ่งเริ่ม แต่เรามุ่งมั่นในเรื่องนี้ และคิดว่าหากทุกคนคิดและทำไปในทิศทางเดียวกันได้
เราจะสามารถเร่งให้การเติบโตในตลาดกลับมาอยู่ที่ 5-6% ซึ่งเกือบเทียบเท่าตอนก่อนโควิดอย่างแน่นอน
ในส่วนของกลุ่มสินค้าที่เราเลือกจะนำเสนอ คือกลุ่มสกินแคร์ซึ่งเป็นเซกเม้นท์ใหญ่ที่สุดของตลาด
และถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าหลักของเราเช่นกัน เรายังมองว่ากลุ่มดูแลทำความสะอาดผิวกายและเส้นผมที่มีอัตราการเติบโตแบบพุ่งกระฉูดในช่วงโควิดนั้น
กำลังแผ่วลง แต่ก็ยังคงเป็นกลุ่มที่เราต้องรวมอยู่ด้วย เนื่องด้วยปริมาณการผลิตที่สูงกว่าสินค้าราคาสูงอย่างสกินแคร์
กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดแน่นอน และเราอยากจะให้ทุกคนมีความสวยงามที่ไม่ทำร้ายโลก
ก็เลยจะเห็นสินค้ากลุ่มนี้รวมอยู่ด้วย กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มของอาหารเสริม ซึ่งที่จริงเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดเพราะคนเริ่มหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น
เป็น health
and wellness มากขึ้น
ผู้บริโภครับรู้ได้ว่าสุขภาพและความสวยงามนั้นต้องเสริมสร้างจากภายใน
แต่ก็เป็นที่ที่โฆษณาไปไกลสุดเช่นกัน เราเลยอยากจะลองดูว่าเราสามารถทำอะไรบ้างในกลุ่มที่มีการต่อสู้ทางการตลาดที่รุนแรงขนาดนี้
ก็เลยจะมี 1 SKU (Stock Keeping Unit) อยู่
แต่เลือกทำผลิตภัณฑ์ในส่วนที่ผู้บริโภคสามารถมองเห็นผลลัพธ์ได้จริง วัดได้จริง
ซึ่งก็คือตัว Detox
การตีโจทย์คำว่า “คลีนบิวตี้” ของเรานั้น
แตกต่างจากคนอื่น เราไม่ได้ต่อต้าน non-clean หรือไม่ได้สื่อสารว่าสารเคมีทุกตัวนั้นไม่ดี
เราจึงต้องทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่อง simple ที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้ง่าย
สำหรับ Worry-Free Beauty เราตีโจทย์ว่า คลีนบิวตี้คือ
การปราศจากสิ่งที่เป็นอันตรายหรือมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภค
ดังนั้น ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์จะต้องเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง “Transparency” คือ Commitment
แรกที่เราเลือกใช้
เนื่องจากเราเป็นแบรนด์แรกในประเทศไทยที่เริ่มสื่อสารในส่วนของความโปร่งใส
มีรายละเอียดที่ชัดเจนให้กับลูกค้า
ที่สำคัญคือลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดได้ด้วยตนเอง
สินค้าทุกตัวของเราจะมี QR code อยู่ที่ฉลากผลิตภัณฑ์
เมื่อลูกค้าสแกนก็จะเชื่อมต่อไปที่ w clean beauty standard ทันที
ลูกค้าจะสามารถตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ รายละเอียดของส่วนประกอบต่าง ๆ
รวมถึงสาเหตุที่เลือกใส่ส่วนประกอบนั้น ๆ หรือสาเหตุที่หลีกเลี่ยง เราเรียกว่า Yes
List กับ No List เพื่อให้ได้ดังคุณสมบัติที่เราบอกไป โดยต้องไม่เกินความเป็นจริงหรือหลอกลวง
ซึ่งถือเป็น trademark ของเรา นอกจากนั้น เรายังมีทีมนักวิจัยและเภสัชกรเครื่องสำอางผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจสอบทุกขั้นตอนโดยละเอียดก่อนออกจำหน่าย
โดยทั้งหมดนี้จะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ลูกค้าของเราได้คลายความกังวล ความสงสัย
หรือข้อข้องใจต่าง ๆ ที่มี สมกับชื่อแบรนด์ Worry-Free Beauty
เนื่องจากเรามีจุดยืนที่ชัดเจน
ในคำว่าคลีนบิวตี้ตามนิยามของเรา เราเข้าใจว่าลูกค้ากลุ่มที่เข้ามาจะเป็น Early
adopter นั้นจะมีจำนวนจำกัดแน่นอนเพราะเรื่องนี้ยังใหม่มากในประเทศไทย
เรายังคงต้องใช้เวลาในการรณรงค์อีกนานถึงจะขยายเป็นวงกว้างได้
แต่เราก็มั่นใจว่าคนที่เข้ามาหาแบรนด์ในวันนี้จะเป็นกระบอกเสียง เป็น activist
ที่สร้าง soft power ให้คนอื่นได้ ซึ่งดีกว่าที่เราจะมุ่งเน้นแต่เฉพาะจำนวนลูกค้าแบบที่ต้องลืมความเป็นตัวตนของแบรนด์ที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนแรก
ทั้งนี้เป้าหมายของแบรนด์เป็นกลุ่ม young
people ที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์
จึงเป็นเรื่องสำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เราต้องมีเว็บไซต์ของเราเองด้วย
ซึ่งในนั้นจะมีข้อมูลทุกอย่างให้กับคนที่เข้ามา แล้วก็มี Line OA และ E-market place สำหรับในส่วนของออฟไลน์ เราจะมีการวางจำหน่ายที่
All About You เพราะกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างตอบโจทย์ที่ตรงกับเราด้วย
ร่วมสัมผัส
Worry-Free
Beauty คลีนบิวตี้ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณ โดยสามารถติดตามข่าวสารและสาระความรู้เพิ่มเติมต่าง
ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง Website: www.worryfreebeauty.com, Facebook:
worry-free beauty, Instagram: worryfree_beauty
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น