รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิ ชย์ร่วมกับญี่ปุ่น เปิดงานสัมมนาเชิงนโยบาย "ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้ามิติใหม่ ไทย – ญี่ปุ่น” ในโอกาสฉลอง 135 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – ญี่ปุ่น เดินหน้าหนุนการลงทุน เอเชีย-ญี่ปุ่นในอนาคต ส่งเสริมอุตสาหกรรม BCG พร้อมเสนอแนวทางกระชับความร่ วมมือทางเศรษฐกิจการค้า รูปแบบใหม่ ดึงญี่ปุ่นเพิ่มลงทุนในไทย แนะผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA และ RCEP บุกตลาดญี่ปุ่น
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิ ชย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้รับ มอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรั ฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้เป็นประธาน เปิดงานสัมมนาเชิงนโยบาย “ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ ามิติใหม่ ไทย – ญี่ปุ่น” (High-Level Policy Dialogue Forum on Thailand - Japan's New Dimension of Economic Cooperation) ในโอกาสฉลองครบรอบ 135 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่ างกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (กระทรวงเมติ) สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจ าประเทศไทย และเจโทร กรุงเทพฯ โดยมีการ เสวนาแลกเปลี่ยนแนวคิดเรื่ องนโยบายและความร่วมมื อทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน ในมิติใหม่ที่ สอดรับกับสถานการณ์โลก เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่ างไทย-ญี่ปุ่น ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายสินิตย์ กล่าวว่า งานสัมมนาครั้งนี้มีผู้ร่ วมเสวนาทั้งจากภาครั ฐและเอกชนของไทยและญี่ปุ่นที่ มากด้วย ประสบการณ์ร่วมน าเสนอแนวทางการสร้างความร่วมมื อเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-ญี่ ปุ่น ในรูปแบบใหม่หลังวิกฤต โควิด-19 ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ การส่งเสริมผู้ประกอบการใช้ ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี( FTA) ข้อ ริเริ่มการลงทุนเอเชีย-ญี่ปุ่นส าหรับอนาคต ซึ่งเป็นนโยบายการลงทุนใหม่ ของญี่ปุ่น โดยเน้นการเป็นหุ้นส่วนร่วม สร้างสรรค์เพื่อน าไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิ จและสังคมที่ยั่งยืนด้วยนวั ตกรรมของทั้งสองประเทศและภูมิ ภาคเอเชีย ซึ่งสอดรับกับนโยบายการส่งเสริ มการลงทุนของไทย โดยมีเป้าหมายส่งเสริมอุ ตสาหกรรมของกลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พลังงาน สะอาด สุขภาพและการแพทย์ นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ ยวกับการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ ร่วมกัน โดยเฉพาะประโยชน์จากการเชื่ อมโยงห่วงโซ่อุปทานของภูมิ ภาคจากความตกลง RCEP และเสนอแนวทางการ กระชับความร่วมมือเศรษฐกิจการค้ าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ในรูปแบบใหม่
“กระทรวงพาณิชย์ เชื่อมั่นว่า งานสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครั ฐและเอกชนไทยเป็น อย่างมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่จะส่ งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่น และหน่วยงานภาครัฐของไทยที่ จะวางกลยุทธ์ ขยายการค้าและดึงดูดการลงทุ นใหม่ๆ จากนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งจะสามารถนาข้อมูลไปต่ อยอดและใช้ประโยชน์ได้อย่าง แน่นอน” นายสินิตย์ เสริม
ทั้งนี้ ไทยมีความตกลงการค้าเสรีกับญี่ ปุ่น ได้แก่ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ ปุ่น (JTEPA) ความตกลง หุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน – ญี่ปุ่น (AJCEP) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิ จระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นส่วน สำคัญที่ท าให้การค้าระหว่างไทยและญี่ปุ่ นเติบโตอย่างมาก โดยในปีที่ผ่านมา ผู้ส่งออกไทยใช้สิทธิประโยชน์ จากความ ตกลง JTEPA และ AJCEP กว่า 80% ของมูลค่าการส่งออก สำหรับสินค้าที่ได้รับสิทธิ ประโยชน์ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็น สินค้าเกษตรแปรรูป อาทิ เนื้อไก่กุ้งปรุงแต่ง ปลาทะเลปรุงแต่ง และแป้งมันส าปะหลัง
สำหรับความตกลง RCEP จะลดและยกเลิกภาษีเพิ่มเติ มจากข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ เดิมแล้ว รวมถึงยังท า ให้พิธีการศุลกากรยืดหยุ่นขึ้น และช่วยอ านวยความสะดวกทางการค้าระหว่ างกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไทยและญี่ปุ่น ยังมีความร่วมมือด้านการค้ าในหลากหลายรูปแบบทั้ งแบบออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ การลงนาม MOU ระหว่างกรม ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ ความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญญี่ ปุ่นในการพัฒนาสินค้า เกษตรไทย และการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผ่ านทางออนไลน์ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความสั มพันธ์ใกล้ชิดกับไทย ยาวนานกว่า 600 ปี ทั้งในระดับรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชน โดยเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่ งของไทยมาอย่าง ยาวนาน ปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นลงทุ นในไทยกว่า 6,000 บริษัท
ทั้งนี้ ในปี 2564 ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 60,670.63 ล้านเหรียญสหรัฐ คิด เป็น 11.26% ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่นอันดับ 3 มูลค่า 24,985.35 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออก ส าคัญของไทย อาทิรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่ วนประกอบของ เครื่องจักรกล ส่วนไทยนำเข้าจากญี่ปุ่นอันดับ 2 มีมูลค่า 35,685.28 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญจากญี่ปุ่น อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่ วนประกอบ
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น