มูลนิธิมาดามแป้ง ภายใต้การดำเนินงานของ “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมส่งเสริมการสร้างอาชีพที่มั่ นคง ให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้ว่างงาน รวมไปถึงผู้ที่ได้รั บผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านการส่งมอบรถเข็นครัวมาดาม เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ ภายใต้โครงการ “รถเข็นครัวมาดาม” อีกทั้งยังมุ่งหวังคื นกำไรทางใจสู่สังคมอย่างยั่งยืน ตามพันธกิจสนับสนุนการพัฒนาอาชี พของมูลนิธิฯ
สำหรับโครงการ “รถเข็นครัวมาดาม” ได้เริ่มดำเนินการเมื่อปลายปี 2563 ได้รับแนวคิดมาจากการลงพื้นที่ จัดตั้ง ครัวมาดาม ในชุมชนเพื่อจัดทำอาหารและข้ าวกล่อง ส่งต่อให้กับชุมชนกว่า 40 ชุมชน และโรงพยาบาลสนามกว่า 26 แห่งทั่วประเทศ เพื่อช่วยรับมือการเผชิญกับวิ กฤตโควิด-19 ระบาดอย่างรวดเร็ว และสร้างความเดือนร้อนให้แก่ ประชาชน จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุ มชน มูลนิธิมาดามแป้ง จึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิ ดขึ้นในสังคม แผนจัดทำกิจกรรมฝึกอาชี พและการผลิตรถเข็นครัวมาดามอย่ างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการสร้ างอาชีพ ทั้งในด้านงานช่างพื้นฐาน เช่น งานไม้ งานเหล็ก งานไฟฟ้า-ประปา และต่อยอดไปถึงส่งต่อรถเข็นฯ เพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพให้ แก่กลุ่มสตรี ผู้ด้อยโอกาส ผู้ว่างงาน รวมถึงผู้ที่ได้รั บผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของโรคโควิด-19 ให้มีงานทำและอาชีพ อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง
จากการลงพื้นที่เพื่อติ ดตามและสำรวจผลของโครงการ “รถเข็นครัวมาดาม” กลุ่มตัวแทนสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ ยวที่มีความยากลำบาก รวมถึงกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ที่มีความตั้งใจจริ งอยากจะประกอบอาชีพด้ วยการนำรถเข็นครัวมาดามไปใช้ ประโยชน์ เพื่อหารายได้เลี้ ยงตนเองและครอบครัว โดยผู้ที่รับรถเข็นจะต้องเป็นผู้ ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกคุณสมบัติ ตามที่โครงการฯ กำหนดไว้เท่านั้น
กลุ่มสตรีผู้เป็นเสาหลั กของครอบครัวที่ต้องทำหน้าการดู แลรับผิดชอบตนเอง บุตร และครอบครัว ทั้งในเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต อาทิเช่น คุณบุญนำ ขนุนก้อน ด้วยวัย 56 ปี ที่ต้องรับภาระดูแลสมาชิ กในครอบครัวทั้งหมด 5 คน อีกทั้งยังดูแลสามีสูงวัย โดยก่อนหน้านี้ได้ประกอบอาชีพรั บจ้างล้างจานตามร้านอาหาร และเนื่องด้วยร้านอาหารได้รั บผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องปิดตัวลงไป ซึ่งภายหลังได้เข้าร่ วมโครงการของมูลนิธิมาดามแป้ง ได้นำรถเข็นมาใช้ประกอบอาชีพเป็ นแม่ค้าขายส้มตำ ไก่ย่าง ใกล้ ๆ บ้านพัก บางทีก็เข็นไปขายที่ตลาด หรือชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน ทำให้มีรายได้เป็นประจำ และเพียงพอต่อการเลี้ยงดู ครอบครัวจากแต่ก่อนค่อนข้างเพิ่ มขึ้น
ด้าน คุณชรินทร์ทิพย์ ผิวเกลี้ยง แม่ค้าขายของตามตลาดนัด และรับจ้างทั่วไป แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 48 ปี ที่ต้องคอยเลี้ยงดูบุตรเพี ยงลำพัง พร้อมกับภาระหนี้สินจากการกู้ หนี้ยืมสิ้น เพื่อนำมาดูแลค่าใช้จ่ ายภายในครอบครัว รวมถึงค่าเล่าเรียน อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ตลาดปิดเป็ นเวลานาน ทำให้ขาดรายได้ ในปัจจุบันได้นำรถเข็นครัวมาดาม ขายข้าวโพดต้ม และธัญพืชนึ่ง มีรายได้เพิ่มจากเดิมเกือบ 20% เนื่องจากมีเอกลักษณ์โดดเด่ นมากขึ้น สะอาดตา ทำให้ลูกค้าหาร้านได้ง่าย และสามารถเคลื่อนย้ายไปขายตามพื้ นที่ต่าง ๆ ได้ง่ายอีกด้วย
ด้าน คุณกาญจนา วัชฤทธิ์ วัย 53 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย ขายลูกชิ้นทอด ไก่ทอด ทอดมัน ภายในวัดเป็นร้านที่ไม่ สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ พื้นที่โดยรอบมีค่อนข้างรก ไม่เป็นสัดส่วน ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน แต่หลังจากนำรถเข็นมาใช้ ร้านดูเป็นระเบียบ มองแล้วสะอาดตา พื้นที่สามารถจัดแบ่งเป็นสัดส่ วนได้ เหลือพื้นที่ในการขายอาหารตามสั่ งได้อีกทาง ซึ่งหลังจาก 4 โมงเย็นจะเข็นไปขายตามสถานที่ต่ าง ๆ ที่มีพลุกพล่าน ทำให้สามารถขายของได้มากขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งทั้ง 3 ท่าน คือ กลุ่มตัวแทนของผู้ที่ผ่านการคั ดเลือกคุณสมบัติและได้รับรถเข็ นครัวมาดาม ไปใช้ประโยชน์จริ งในการประกอบอาชีพหลักและอาชี พเสริม จากการนำร่องโครงการ รถเข็นครัวมาดาม ในระยะแรก ซึ่งได้มอบรถเข็นฯ ไปก่อน 15 คันแรกให้กลับหน่วยงานให้แก่กลุ่ มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว จากกรมกิจการสตรีและสถาบั นครอบครัว และกลุ่มผู้ยากไร้ โดยภายในปี 2565 มูลนิธิฯ มีความตั้งใจจริงที่จะร่วมช่ วยเหลือประชาชนและสังคมไทยตามพั นธกิจในด้านการส่งเสริม และสนับสนุนด้านการสร้างอาชีพ
มูลนิธิมาดามแป้ง ยังคงเดินหน้าเพื่อร่วมสร้ างรอยยิ้มแก่ทุกคนต่อไป สามารถร่วม #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน และสนับสนุนมูลนิธิมาดามแป้ง ได้ที่บัญชี “มูลนิธิมาดามแป้ง” ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 092-2-64095-5


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น