เดอะ ปาร์ค โดยบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย)
ประกาศขึ้นแท่น สู่การเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกของไทยที่ได้รับมาตรฐาน
LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C: Core and Shell ต้นแบบมาตรฐานระดับสากล
กรุงเทพ, 4 พฤศจิกายน 2564
เดอะ ปาร์ค (The PARQ) โครงการมิกซ์ยูสที่มุ่งพัฒนาออฟฟิศและรีเทลอัจฉริยะภายใต้แนวคิด “Life Well Balanced” ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก LEED Gold อย่างเป็นทางการ นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C (Building Design and Construction): Core and Shell โดยมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) คือระบบการจัดเรตติ้งอาคารสีเขียวซึ่งกำหนดโดยสภาก่อสร้างอาคารสีเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council) เพื่อส่งเสริมการออกแบบและแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดย LEED เวอร์ชั่น 4 นี้คือมาตรฐานล่าสุดสำหรับการออกแบบและก่อสร้างอาคารสีเขียวที่ยั่งยืน
นายกมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการบริหาร บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจที่ เดอะ ปาร์ค คือโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกที่ได้รับประกาศนียบัตรการรับรอง LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C: Core and Shell ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดสำหรับการออกแบบและก่อสร้างอาคารสีเขียวที่ยั่งยืน ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของ เดอะ ปาร์ค ในฐานะอาคารอัจฉริยะที่ผสานพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก เปรียบเสมือนจุดหมายไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจร ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนอย่างแท้จริง โครงการนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนและสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยและผู้มาใช้บริการในอาคาร รวมถึงความอยู่ดีมีสุขของผู้คนมาตั้งแต่แรกเริ่ม โครงสร้างอาคารและกรอบอาคารทุกส่วนได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน LEED ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลสำหรับการประเมินอาคารสีเขียว เราเชื่อมั่นว่าการได้รับการรับรองครั้งนี้จะปูทางสู่การพัฒนาอาคารสีเขียวที่ยั่งยืนในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างอาคารไทยในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การประหยัดน้ำ การเลือกสถานที่ตั้ง การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การใช้ประโยชน์จากแสงสว่างตามธรรมชาติ และการลดปริมาณของเสียจากอาคาร”
เดอะ ปาร์ค คือโครงการที่พัฒนาโดยบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริหารงานโดยบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป เป็นอาคารเพื่อการพาณิชย์แห่งแรกของไทยที่ใช้เซ็นเซอร์อัจฉริยะและเทคโนโลยี IoT ในระบบแสงสว่างในสำนักงาน มีการติดตั้งหลอดไฟอัลตราไวโอเลตเพื่อฆ่าเชื้อโรค (UVGI) ในระบบปรับอากาศ และวางระบบการจัดการของเสียครบวงจรสำหรับขยะทั้งหมดในอาคาร นอกจากนั้น ยังเป็นโครงการอาคารเชิงพาณิชย์ที่ใช้ระบบทำความเย็นในอาคารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีจำนวนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มอาคารสำนักงานมากที่สุดในประเทศไทย
Gopalakrishnan Padmanabhan กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง Green Business Certification Inc. (GBCI) กล่าวว่า “การได้รับรองมาตรฐาน LEED ของ เดอะ ปาร์ค สะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านอาคารสีเขียวอย่างเด่นชัด ทั้งของประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบบการจัดเรทติ้งของ LEED สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น และปฏิวัติการพัฒนาอาคารและชุมชนด้วยการช่วยให้ผู้คนเข้าถึงอาคารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพสูง การรับรอง LEED v4 Gold ของ เดอะ ปาร์ค และสถานะการเป็นอาคารมิกซ์ยูสแห่งแรกของไทยที่บรรลุมาตรฐาน LEED v4 BD+C: Core and Shell เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นที่แสดงให้เห็นว่าผลงานนวัตกรรมของโครงการนี้สามารถสร้างโซลูชั่นในระดับประเทศที่มีส่วนช่วยต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกได้อย่างไร GBCI ขอชื่นชมทีมงานทุกคน ที่ทำให้โครงการอันทรงคุณค่านี้กลายเป็นแบบอย่างอาคารในประเทศไทยตลอดจนประเทศอื่นๆ”
ด้วยหลักการออกแบบอย่างยั่งยืนที่ใช้ในพื้นที่ทั่วทั้งอาคารกว่า 130,000 ตร.ม. เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างสำนักงานอัจฉริยะ พื้นที่ค้าปลีกและไลฟ์สไตล์ และการบริหารจัดการด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อม โดยยึดเกณฑ์การประเมินเพื่อการรับรองมาตรฐาน LEED ทั้ง 7 ด้าน เป็นหลักในการบริหารจัดการอาคารและดำเนินงาน
ทำเลและการเดินทาง – ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ เดอะ ปาร์ค เป็นโครงการที่ตอบสนองรูปแบบการใช้งานอย่างหลากหลายโดยไม่รบกวนพื้นที่ใดใดที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สะดวกต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ขณะเดียวกันก็ให้ทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลายและส่งเสริมการใช้พาหนะส่วนบุคคลในรูปแบบที่ยั่งยืน ด้วยบริการอย่างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จอดรถจักรยานและห้องอาบน้ำ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เลือกเดินทางด้วยวิธีที่เป็นมิตรกับโลกด้วย
ผังบริเวณที่ยั่งยืน - ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน แหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสภาพแวดล้อมของเมืองในภาพรวม เดอะ ปาร์ค ประกอบด้วยพื้นที่โล่งแจ้งและพื้นที่สีเขียวอันกว้างขวาง เอื้อต่อการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แวดล้อมด้วยต้นไม้มากมายเพื่อให้ร่มเงา และการตกแต่งด้วยน้ำ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมกลางแจ้งที่เย็นสบาย การปูผิวทางและหลังคาด้วยวัสดุสีอ่อนช่วยบรรเทาความร้อนของอุณหภูมิอากาศในเมือง นอกจากนั้นยังมีการลดการเปิดไฟ เพื่อลดมลพิษทางแสงบนท้องฟ้าและบริเวณโดยรอบโครงการด้วย
การจัดการน้ำ – เดอะ ปาร์ค ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการใช้ทรัพยากรและมลภาวะจากการผลิตและการบำบัดน้ำ ติดตั้งสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำในอาคารที่ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 40% ส่วนการใช้น้ำภายนอกอาคารจะใช้ประโยชน์จากน้ำเสียที่บำบัดและนำกลับมาใช้รดน้ำต้นไม้ด้วยระบบน้ำหยดเพื่อลดการใช้น้ำเกินความจำเป็น พร้อมติดตั้งระบบแยกมิเตอร์น้ำเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว และสามารถติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำในอาคารระหว่างช่วงเวลาทำการ
การใช้พลังงานและสภาพแวดล้อม – เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดอะ ปาร์ค มุ่งส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น กระจกกันความร้อนที่ส่วนหน้าอาคารเพื่อลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ถึง 75% และใช้ผนังอาคารกันความร้อน ระบบทำความเย็นประสิทธิภาพสูงที่ 0.56 kW/RT และพัดลมสมรรถนะสูงชนิด Electronically Commutated ในระบบจ่ายลมเย็น ระบบควบคุมแสงแบบไฮเทคติดตั้งเซ็นเซอร์และ Internet of Thing (IoT) ซึ่งสามารถปรับระดับความสว่างแสงไฟได้อัตโนมัติเมื่อมีแสงธรรมชาติเพียงพอและปิดไฟเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง โดยทั้งหมดควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือ
วัสดุและทรัพยากร – วัสดุก่อสร้างที่ใช้ในเดอะ ปาร์ค ผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีการเปิดเผยข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ข้อมูลส่วนผสมรีไซเคิล ข้อมูลการปล่อยสารพิษ และผลกระทบต่อระบบนิเวศตลอดวงจรการใช้งาน การจัดการของเสียใช้กระบวนการคัดแยกของเสียที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ใช้นวัตกรรมระบบการหมักเศษอาหารที่สามารถเปลี่ยนขยะอาหารเป็นปุ๋ยหมักภายใน 24 ชั่วโมงด้วยความร้อนและตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ และมีเครื่องบดอัดขยะที่สามารถลดขนาดของขยะและแยกของเหลวออกเพื่อการจัดการขยะที่ถูกสุขอนามัยและสะดวกต่อการขนส่งของเทศบาลด้วย
คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร – ภายในโครงการเดอะ ปาร์ค มีคุณภาพอากาศที่ดี ด้วยปริมาณอากาศบริสุทธิ์ที่วัดค่าได้สูงกว่าค่ามาตรฐานสากลถึง 30% มีการตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับการไหลเวียนของอากาศและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กระจกหน้าต่างขนาดใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาในพื้นที่ได้ถึง 40% พร้อมกรองความร้อนจากแสงอาทิตย์ ผังอาคารแบบเปิดโล่งช่วยให้ผู้เช่าสามารถจัดการพื้นที่ใช้สอยในสำนักงานให้เปิดรับวิวภายนอกได้จากทุกมุม
การใช้นวัตกรรม – เดอะ ปาร์คเลือกใช้นวัตกรรมในการออกแบบและปฏิบัติการขั้นสูงที่เหนือกว่าที่มาตรฐาน LEED กำหนดไว้ ระบบติดตามการเดินทางเข้าออกในอาคารสามารถตรวจสอบจำนวนที่จอดรถ นับจำนวนผู้เข้ามาทำงานและผู้ใช้บริการในอาคาร และตรวจสอบรูปแบบการใช้ยานพาหนะในการเดินทางพร้อมความถี่ในการเข้าออกอาคารและรายละเอียดต่าง ๆ หรือแม้แต่ปุ๋ยชีวภาพที่ได้จากเครื่องหมักเศษอาหารในอาคารสามารถใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีในการดูแลต้นไม้ที่ปลูกในโครงการ ซึ่งจะช่วยลดการปนเปื้อนของสารเคมีในดินและน้ำ เพื่อสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้อาคารทุกคน
และด้วยมาตรการด้านสุขภาพและสุขอนามัยเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 โครงการเดอะปาร์คได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีไร้สัมผัสต่าง ๆ มาใช้ เช่นระบบชำระเงินด้วยรหัส QR เครื่องแลกเปลี่ยนบัตรเข้าออกอาคารอัตโนมัติ รวมทั้งมาตรการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานภายในอาคารสำหรับทั้งผู้เช่าและผู้เข้ามาใช้บริการ
“ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ยังคงเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง สภาพแวดล้อมในอาคารที่ดีต่อสุขภาพจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อผู้คนกำลังเตรียมตัวกลับเข้าสู่สถานที่ทำงานและใช้ชีวิตในพื้นที่ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ เราคาดการณ์ว่าในอนาคต จะมีความต้องการสถานที่ทำงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ซึ่งส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและความอยู่ดีมีสุขของผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ เดอะ ปาร์ค ในฐานะอาคารมิกซ์ยูสแบบครบวงจรที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงผู้คนเป็นศูนย์กลางและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะต้อนรับการกลับมาของวิถีการใช้ชีวิตคนทำงานในเมืองและชุมชน นอกจากนี้ เดอะปาร์คไลฟ์ รีเทลไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมภายในโครงการเดอะ ปาร์ค ยังได้ร่วมมือกับร้านอาหารเครื่องดื่ม สินค้าและบริการเพื่อไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญที่ได้รับการรับรอง LEED เวอร์ชั่น 4 BD+C ด้วยการจัดกิจกรรมและแคมเปญในแนวคิดรักษ์โลก ดูแลสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความยั่งยืนอีกด้วย” กมลนัยกล่าวเสริม
LEED และ WELL คือมาตรฐานการรับรองชั้นนำระดับโลกซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานหลักสำหรับการก่อสร้างอาคารในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากผู้บริโภคแสวงหาความยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในฐานะผู้บุกเบิกด้านมาตรฐาน LEED และ WELL ในประเทศไทย เดอะ ปาร์ค ได้ปูทางให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตในระยะยาวของประเทศไทย และช่วยสร้างวิสัยทัศน์ของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางธุรกิจระดับภูมิภาคที่ยั่งยืนต่อไป
ล่าสุด เดอะ ปาร์ค ได้คว้ารางวัลต่าง ๆ จากเวทีประกาศรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับแวดวงอสังหาริมทรัพย์มากมายได้แก่ รางวัล Best Office Development (Asia) และ Best Commercial Green Development (Thailand) จากเวที ประกาศผลรางวัล PropertyGuru Asia Property Awards Grand Final 2020 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Office Development Award รางวัล Best Office Green Development Award และ รางวัล Best Office Architectural Design Award จากเวทีประกาศผลรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards 2020 รวมทั้งรางวัล “Special Recognition Award, Green Innovation” จากงานประกาศรางวัลประจำปี Dot Property Thailand Awards 2020
ด้วยการรับรองมาตรฐาน LEED Gold v4 เดอะ ปาร์ค ได้ก้าวสู่อีกขั้นในการเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกของประเทศไทยที่บรรลุมาตรฐานทั้ง LEED และ WELL ซึ่งจะส่งผลให้โครงการนี้เป็นต้นแบบของนวัตกรรมแห่งสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่ยั่งยืน ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ของการทำงาน การใช้ชีวิต และการพักผ่อนหย่อนใจอย่างสมดุลในกรุงเทพฯ
สอบถามรายละเอียดกิจกรรมและแคมเปญในแนวคิดรักษ์โลกและส่งเสริมความยั่งยืน ของเดอะ ปาร์ค เพิ่มเติมได้ที่ www.theparq.com/highlights/promotions หรือ https://www.facebook.com/theparqbkk
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น