วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564

อินเทลนำเสนอผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และเครื่องมือใหม่สำหรับกลุ่มนักพัฒนา ในงาน Intel Innovation Alibaba, Argonne, AT&T, Google Cloud, Microsoft, SiPearl และอีกหลากหลายแบรนด์ ร่วมโชว์พลังระบบ Open Ecosystem เพื่อสร้างเทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงโลก

 


ประเด็นข่าวสำคัญ

  • ประกาศการควบรวม Developer Zone ชุดเครื่องมือ oneAPI 2022 รุ่นใหม่ และศูนย์ OneAPI Centers of Excellence แห่งใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงงานออกแบบเพื่อการอ้างอิง ชุดเครื่องมือ และทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งสำหรับด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ลูกค้า คลาวด์ 5G/edge รวมไปถึงการเล่นเกม ด้วยสภาพแวดล้อมสำหรับการเขียนโปรแกรมรวมศูนย์แบบเปิดที่เป็นมาตรฐาน
  • เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 12  ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยีประมวลผล Intel 7 เพื่อมอบประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าให้กับคอมพิวเตอร์พีซีทุกเครื่องไปจนถึงเทคโนโลยี edge
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Argonne Aurora จะสามารถมอบศักยภาพการประมวลผลได้รวดเร็วมากกว่า 2 exaflops
  • Google Cloud และอินเทล เปิดเผยความร่วมมือเชิงลึกและการพัฒนาร่วมกันของ Mt. Evans ซึ่งเป็น IPU ที่ใช้ ASIC ตัวแรกของอินเทล

 

กรุงเทพฯ 28 ตุลาคม 2021 – อินเทลได้หวนคืนสู่รากฐานเดิมของการเป็นนักพัฒนา ในงาน Intel Innovation โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นครั้งใหม่เพื่อชุมชนนักพัฒนา และแนวทางการจัดการซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ให้ความสำคัญกับนักพัฒนาเป็นอันดับแรก การประกาศขยายผลิตภัณฑ์รวมไปถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาและเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นการตอกย้ำความตั้งใจของอินเทลในการส่งเสริมระบบนิเวศแบบเปิด (Open Ecosystem) เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเหล่านักพัฒนาจะได้เลือกใช้เครื่องมือและสภาพแวดล้อมการทำงานในแบบที่พวกเขาต้องการ ทั้งยังเป็นการสร้างความไว้วางใจและการเป็นพันธมิตรผ่านทางผู้ให้บริการคลาวด์,  ชุมชนโอเพนซอร์ซสตาร์ทอัพ ฯลฯ

 

นายแพท เกลซิงเกอร์ ประธานกรรมการบริหารของอินเทล กล่าวว่า ในฐานะผู้สร้างงาน Intel Developer Forum ดั้งเดิม วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รวบรวมผู้คนจากทั่วทั้งระบบนิเวศเพื่อมาร่วมสำรวจอนาคตของเทคโนโลยีอีกครั้ง เหล่านักพัฒนาคือซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริงของโลกดิจิทัล โลกที่มีเซมิคอนดักเตอร์เป็นรากฐานสำคัญ เราจะไม่หยุดพักจนกว่าเราจะไม่มีตารางธาตุหลงเหลืออยู่เพื่อปลดล็อกความมหัศจรรย์ของซิลิคอนอีกต่อไป ชุมชนนักพัฒนาอยู่บนแนวหน้าของการเป็นผู้นำในยุคใหม่แห่งนวัตกรรม”

 

อินเทลได้ให้รายละเอียดการลงทุนที่สำคัญเพิ่มเติมแก่นักพัฒนา ซึ่งรวมถึงการอัปเดตและการควบรวม Developer Zone เข้ากับชุดเครื่องมือ oneAPI 2022 และศูนย์ OneAPI Centers of Excellence แห่งใหม่ ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงทรัพยากรและลดความยุ่งยากในการพัฒนาสถาปัตยกรรมด้าน CPU และตัวเร่งความเร็ว (Accelerator)

 

  • Developer Zone: เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงดีไซน์ อุปกรณ์ รวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ AI, ลูกค้า, คลาวด์, 5G/edge และการเล่นเกม ทรัพยากรตัวใหม่นี้จะช่วยให้เหล่านักพัฒนาสามารถเข้าถึง Intel® Developer Catalog ที่ได้รวบรวมนวัตกรรมซอฟต์แวร์จากอินเทล รวมไปถึงสภาพแวดล้อมการพัฒนา Intel® DevCloud ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อทดสอบและทำงานประเภทเวิร์คโหลดบนฮาร์ดแวร์ล่าสุดจากอินเทล (CPUs, GPUs, FPGAs และตัวเร่งความเร็ว) รวมถึงเครื่องมือซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย  
  • oneAPI 2022อินเทลกำลังเตรียมจัดส่งชุดเครื่องมือ oneAPI 2022 พร้อมฟีเจอร์ใหม่กว่า 900 รายการ และการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เพิ่มความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ข้ามสถาปัตยกรรมสำหรับ CPU และ GPU ผ่าน  C++/SYCL/Fortran Compiler ที่รวมเข้ากับ Data Parallel Python เป็นครั้งแรก และขยายโมเดลเร่งประสิทธิภาพและความเร็วของที่ปรึกษา (Advisor accelerator performance modeling) ซึ่งรวมถึง VTune Flame Graph เพื่อแสดงภาพด้านประสิทธิภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านการรวม Microsoft Visual Studio Code และการสนับสนุนจาก Microsoft WSL 2
  • ศูนย์ One API Centers of Excellenceมหาวิทยาลัยพันธมิตรทั้ง 11 สถาบันได้ประกาศที่จะส่งมอบพอร์ตรหัสเชิงกลยุทธ์ การสนับสนุนฮาร์ดแวร์ส่วนเพิ่มเติม เทคโนโลยีและบริการใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้เกิดการนำระบบนิเวศของ oneAPI ไปใช้ต่อไป โดยสถาบันเหล่านี้ ได้แก่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติประจำเมืองโอ๊คริดจ์, มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์, มหาวิทยาลัยเดอรัม และมหาวิทยาลัยเทนเนสซี นอกจากนี้ยังมีการขยายสถาบัน Intel Graphics Visualization Institutes of Xellence ให้กลายเป็นศูนย์ oneAPI Centers of Excellence อีกด้วย

 

ข้อมูลเพิ่มเติมDeveloper/oneAPI News from Intel Innovation

 

อินเทลกำลังดำเนินการตามแผนงานผลิตภัณฑ์และกระบวนการ และเร่งนวัตกรรมในกลุ่มเครื่องมือที่ทรงพลัง อาทิ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต (ubiquitous computing) โครงสร้างพื้นฐานของ Cloud to Edge การเชื่อมต่อแบบ pervasive connectivity และปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถผลักดันให้เกิดนวัตกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลง การค้นพบ และการสร้างผลกระทบครั้งใหม่

 

การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตจุดปฏิสัมพันธ์จากมนุษย์สู่เทคโนโลยี

ความสามารถจากคอมพิวเตอร์ได้แทรกซึมอยู่ในทุกส่วนในชีวิตของเรา โดยทำหน้าที่เป็นจุดปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีบนอุปกรณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน และอุปกรณ์ประเภทใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และในเร็วๆ นี้ เราทุกคนจะมีอุปกรณ์หลายพันเครื่องพร้อมใช้ทันที ภายในสิ้นทศวรรษนี้ มีแนวโน้มว่ามนุษย์เราทุกคนจะมีการเข้าถึงการใช้งานการประมวลผลคอมพิวเตอร์ 1 petaflop และคลังข้อมูลขนาด 1 petabyte ซึ่งใช้เวลาในการเข้าถึงเพียงแค่ไม่ถึง มิลลิวินาที

 

เปรียบเสมือนการทำลายสวนที่มีกำแพงล้อมรอบและสร้างสภาพแวดล้อมแบบเปิด อินเทลกำลังขับเคลื่อนอนาคตของคอมพิวเตอร์พีซี ทั้ง CPU, GPU และความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ๆ โดยการขับเคลื่อนในครั้งนี้ได้สร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับนักพัฒนาสู่การสร้างประสบการณ์อันน่าทึ่งต่างๆ ได้แก่

 

  • โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่น 12: สถาปัตยกรรมไฮบริดอันทรงประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่นี้[i]แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมที่เป็นไปได้ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ และจะมอบประสิทธิภาพความเป็นผู้นำในระดับใหม่ให้กับคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ อีกหลายรุ่นหลังจากนี้ โดยเริ่มด้วยการมาถึงของคอร์เรือธงของอินเทล Core i9-12900K คือโปรเซสเซอร์เกมที่ดีที่สุดในโลก ตระกูล Intel Core เจนเนอเรชั่น 12 จะรวบรวมโปรเซสเซอร์ 60 รุ่นสำหรับการใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่เดสก์ท็อปสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกมระดับไฮเอนด์ ไปจนถึงแล็ปท็อปที่บางและเบา โดยบริษัทฯ ได้เริ่มจัดส่งโปรเซสเซอร์ดังกล่าวมากกว่า 28 ชุดให้กับแบรนด์พันธมิตร ทั้งยังได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปทั้ง รุ่น นำโดยโปรเซสเซอร์สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดในโลก Intel Core i9-12900K เจนเนอเรชั่น 12 แบบ Unlocked[ii]
  • โซลูชันวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science): นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลสามารถทำข้อมูลซ้ำ แสดงภาพ และวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนตามความต้องการได้ โดยการกำหนดค่าหน่วยความจำสูงสุดของข้อเสนอต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันด้วยโซลูชันใหม่นี้ ซึ่งขับเคลื่อนโดยสถาปัตยกรรม Intel® Core™ และ Intel® Xeon® ด้วยการรวมฮาร์ดแวร์เวิร์กสเตชันและชุดเครื่องมือ Intel oneAPI AI Analytics เข้าด้วยกันเพื่อเปิดใช้งานการพัฒนา AI แบบ นอกกรอบ” โซลูชันดังกล่าวพร้อมแล้วสำหรับการใช้งานบนพีซีเวิร์กสเตชันที่ใช้ Linux จาก Dell, HP และ Lenovo นอกจากนี้ Microsoft และ Intel ยังได้ร่วมมือกันเพื่อนำห่วงโซ่เครื่องมือวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่สมบูรณ์มาใช้บน Windows ซึ่งจะพร้อมใช้งานเป็นครั้งแรกใน Surface Laptop Studio รุ่นใหม่
  • ตระกูลกราฟิก SoC ของ Intel® ArcTM Alchemist: ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ GPU แบบแยกประสิทธิภาพสูงรุ่นแรกของ Intel Arc (ภายใต้ชื่อรหัส “Alchemist”) พร้อมนำเสนอ Xe Super Sampling (XeSS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเพิ่มสเกลแบบใหม่ที่นักพัฒนาเกมกำลังรวมเข้ากับเกมของพวกเขา โดย XeSS ใช้ประโยชน์จาก machine learning และตัวเร่งความเร็ว XMX AI แบบติดตั้งในตัวของ Alchemist เพื่อมอบภาพที่มีประสิทธิภาพและความเที่ยงตรงสูง XeSS ถูกใช้งานโดยใช้มาตรฐานแบบเปิดเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้ในเกมและฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ Alchemist จะสนับสนุนเทคโนโลยี Deep Link บนแพลตฟอร์มของอินเทล ด้วยความสามารถในการประมวลผลแบบใหม่ ซึ่งรวมถึง Hyper Encode ซึ่งช่วยให้สามารถเร่งการแปลงไฟล์วิดีโอไฟล์เดียวผ่านเอ็นจิ้นกราฟิกแบบรวมและแบบแยกได้พร้อมกัน

 

ข้อมูลเพิ่มเติม: 12th Gen Intel Core/Ubiquitous Computing News from Intel Innovation

 

โครงสร้างพื้นฐาน Cloud-to-Edge: ขนาดและความจุที่ไม่จำกัดในระบบคลาวด์ รวมกับการเข้าถึงที่ไร้ขอบเขตผ่านระบบ edge อัจฉริยะ

การประมวลผลกำลังแพร่กระจายไปอย่างครอบคลุมในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกัน ตั้งแต่ CPU, GPU, ตัวเร่งความเร็วแอปพลิเคชัน (application accelerators) ไปจนถึงโปรเซสเซอร์ที่เชื่อมต่อถึงกัน (interconnect processors)อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ edge และอุปกรณ์ FPGA ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องใช้หน่วยความจำถาวรและซอฟต์แวร์เพื่อรวมองค์ประกอบเหล่านี้เข้ากับโซลูชันที่สมบูรณ์ การแข่งขันสู่การคำนวณระดับ zettascale ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อมุ่งสร้าง จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลตามขนาดที่ต้องการ เราใช้เวลาถึง 12 ปี ในการเปลี่ยนจากการคำนวณในระดับ terascale เป็น exascale  โดยอินเทลได้ท้าทายตัวเองเพื่อเลื่อนสู่ระดับ zetta ให้สำเร็จภายใน ปี ภายใต้ชื่อแผนเป้าหมาย zetta 2027 โดยศูนย์กลางของเป้าหมายนี้คือการทำงานของอินเทลร่วมกับระบบนิเวศแบบเปิด เพื่อให้แน่ใจว่านักพัฒนาจะมีเครื่องมือและสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์ที่ถูกปรับเปลี่ยนอย่างเหมาะสมเพื่อเร่งการทำงานของพวกเขาให้มีประสิทธิภาพ

 

  • Ponte Vecchio และ oneAPI สนับสนุนไมโครโปรเซสเซอร์ SiPearl: SiPearl คือไมโครโปรเซสเซอร์สำหรับการออกแบบที่จะใช้ในซูเปอร์คอมพิวเตอร์ exascale ของยุโรป และได้เลือก GPU Ponte Vecchio ของอินเทลเป็นตัวเร่ง HPC ภายในโหนดประมวลผลประสิทธิภาพสูงของระบบ เพื่อเชื่อมโยงสภาพแวดล้อมการประมวลผลเข้าด้วยกัน SiPearl ได้นำ oneAPI มาใช้เป็นชุดซอฟต์แวร์แบบรวมศูนย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาและประสิทธิภาพของเวิร์กโหลด     
  • การเพิ่มประสิทธิภาพโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่นถัดไป (ชื่อรหัส Sapphire Rapids): อินเทลทำงานร่วมกับชุมชนโอเพนซอร์สและกลุ่มพันธมิตรระบบนิเวศขนาดใหญ่ต่างๆ เพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้างโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปได้ง่ายขึ้น และจะมีการรวมเครื่องจักรความเร็วแบบใหม่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการด้านค่าใช้จ่ายของโมเดลการปรับใช้มาตราส่วนในศูนย์ข้อมูล พร้อมทั้งมอบการใช้งานคอร์ของโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและพื้นที่ให้ต่ำลง

 

นอกจากนี้ อินเทลยังเน้นย้ำด้วยว่านักพัฒนาระบบคลาวด์สามารถเข้าถึงโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® Scalable เจนเนอเรชั่นที่ ได้อย่างกว้างขวางผ่านผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่ ซึ่งรวมถึง Alibaba, AWS, Baidu, Google, Microsoft, Oracle และ Tencent

 

ข้อมูลเพิ่มเติม: Cloud-to-Edge Infrastructure News from Intel Innovation

 

Persuasive Connectivity: การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมของทุกคนและทุกสิ่ง

ด้วยเครือข่ายต่างๆ ที่สามารถติดตั้งโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบ อนาคตของเราขึ้นอยู่กับแครือข่ายที่สามารถติดตั้งโปรแกรมได้อย่างเปิดกว้างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลให้นักพัฒนามีอิสระในการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วของซอฟต์แวร์ อินเทลถือเป็นบริษัทแรกและบริษัทแห่งเดียวที่สามารถจัดหาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อสร้างเครือข่ายที่ตั้งโปรแกรมได้ตั้งแต่ต้นทางไปยังปลายทาง นับจากโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable และเจนเนอเรชั่นถัดไปของ Xeon-D  ไปจนถึงโปรแกรม P4 ตัวใหม่ของหน่วยประมวลผลโครงสร้างพื้นฐาน (IPU) รวมถึงสวิตช์ติดตั้งต่างๆ ดังนี้

 

  • Intel® Intelligent Fabric เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตั้งโปรแกรมแบบครบวงจร โดยใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อพัฒนาโอกาสทางธุรกิจและช่วยให้นักพัฒนาสามารถทำการควบคุมได้อย่างเต็มที่
    • IPU ที่ใช้ ASIC (ภายใต้โค้ดเนม Mount Evans): อินเทลและ Google ได้ประกาศความร่วมมือเชิงลึกด้านการออกแบบและพัฒนาโซลูชันแบบเปิดเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับการสนันสนุนโดยการเขียนภาษาโปรแกรมตามมาตรฐานของอุตสาหกรรม และซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สของ Infrastructure Programmer Development kit เพื่อทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีในศูนย์ข้อมูลบน Google Cloud เป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าที่เคยสำหรับนักพัฒนา
    • Intel Tofino 3 Intel fabric processor (IFP) ที่เพิ่มความชาญฉลาดในการปรับเปลี่ยนความสามารถในการตั้งโปรแกรม P4 และการเร่งความเร็วของเวิร์กโหลด AI นอกจากนี้ IFP ยังสามารถตั้งโปรแกรม P4 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้การควบคุมของโปรแกรมเมอร์เครือข่าย รวมถึงการปูทางไปยังคลาวด์แฟบริคที่มีความปลอดภัยและสามารถซ่อมแซมตัวเองได้มากขึ้น
  • AT&T ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากระบบนิเวศที่จัดตั้งขึ้นของผู้ให้บริการโซลูชันต่างๆ จะใช้อินเทลเป็นผู้ให้บริการซิลิคอนในการติดตั้งเครือข่าย virtualized radio access (vRAN) ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการนำระบบอัตโนมัติและความสามารถเสมือนคลาวด์เข้าไปในเครือข่าย ควบคู่ไปกับการปรับแต่งประสิทธิภาพ ต้นทุน และประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน
  • อินเทลร่วมมือกับ DEKA Research เพื่อส่งมอบหุ่นยนต์ส่งของอย่าง Roxo™ โดย FedEx SameDay Bot® ได้รับการออกแบบมาสำหรับการจัดส่งพัสดุถึงลูกค้าปลายทางแบบอัตโนมัติที่เชื่อถือได้ โดย Roxo ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7 เจนเนอเรชั่น 11, กล้องถ่ายรูประยะชัดลึก Intel® RealSense™ และการใช้ OpenVINO™ เพื่อเป็นเครื่องมือในการอนุมาน AI ด้วยโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i7 เจนเนอเรชั่น 11 อินเทลได้ส่งมอบแพลตฟอร์มประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถประหยัดพลังงานให้แก่ DEKA

 

ข้อมูลเพิ่มเติม: Pervasive Connectivity News from Intel Innovation

 

ปัญญาประดิษฐ์ (AI): ทำให้ AI สามารถเข้าถึงและปรับความยืดหยุ่นได้มากขึ้นสำหรับนักพัฒนา

อินเทลกำลังเดินเครื่องสู่การปรับขนาดของ AI ด้วยการลงทุนเชิงลึกภายใต้ความร่วมมือของนักพัฒนา เครื่องมือ เทคโนโลยี และแพลตฟอร์มแบบเปิด โดยบทบาทของอินเทลคือการปรับขนาดเทคโนโลยีดังกล่าวควบคู่ไปกับความรับผิดชอบ สำหรับนักพัฒนาอินเทลได้ทำให้ AI สามารถเข้าถึงและมีความยืดหยุ่นได้มากขึ้นผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างกว้างขวางของไลบรารีและเฟรมเวิร์กยอดนิยมบนโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable จากความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า อินเทลได้ลงทุนในสถาปัตยกรรม AI ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาได้ โดยใช้โมเดลการเขียนโปรแกรมเปิดแบบมาตรฐานทำให้นักพัฒนาสามารถรันเวิร์กโหลดของ AI ได้มากขึ้นในกรณีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น องค์กรชั้นนำหลากหลายแห่งของโลกได้ใช้ประโยชน์จาก AI ของอินเทลในการแก้ไขงานที่มีลักษณะซับซ้อน ดังนี้

 

  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ณ ห้องวิจัย Argonne National Laboratory มอบประสิทธิภาพความเร็วที่ 2-exa-FLOPs: ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ที่ถูกออกแบบร่วมกันจะติดตั้งโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจเนอเรชันถัดไป (ชื่อรหัส Sapphire Rapids) และ Intel GPU รุ่นถัดไป (ชื่อรหัส Ponte Vecchio) เพื่อมอบสมรรถนะความเร็วระดับ 2 exa-FLOPS สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพสูงและเวิร์กโหลด AI โดย Aurora ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง, AI/ML และเวิร์กโหลดจากการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า Argonne National Laboratory เป็นหน่วยงานวิจัยชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา และอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศในการส่งมอบความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ระดับ exascale แห่งอนาคต
  • Intel AI ขับเคลื่อนกลไกระบบการแนะนำของ Alibaba: อินเทล และ Alibaba ร่วมมือกันสร้างชุดเครื่องมือ DeepRec แบบ end-to-end เพื่ออำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมการเรียนรู้เชิงลึกและการปรับใช้ระบบคำแนะนำ ซึ่งเป็นเวิร์กโหลดที่ใช้ส่วนสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์และวงจร AI บนคลาวด์ทั้งหมด และมีความต้องการด้านการประมวลผล หน่วยความจำ แบนด์วิดท์ และเครือข่ายที่หลากหลาย ซึ่งนักพัฒนา DeepRec สามารถโหลดและอัปเดตโมเดล ประมวลผลการฝังตัวโปรแกรมในระดับชั้นต่างๆ (embedded layers) รวมทั้งใช้ประโยชน์จาก Model zoo ที่มีอยู่ และสามารถปรับใช้บริการขนาดใหญ่ตามคำแนะนำที่มาพร้อมตัวอย่างหลายล้านล้านชิ้นได้
  • ชุดเครื่องมือ AI ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable: ชุดเครื่องมือ AI ที่ปรับแต่งโดยอินเทล ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลได้รับประสิทธิภาพในการทำงานนอกกรอบได้ดียิ่งขึ้น โดยอินเทลได้ร่วมมือกับชุมชนโอเพนซอร์ส เช่น Amazon, Baidu, Facebook, Google และ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์วิทยาศาสตร์ข้อมูลยอดนิยมจะได้รับการปรับแต่งให้สามารถทำงานบนฮาร์ดแวร์ของอินเทลได้ ไม่ว่าจะเป็น Pandas, scikit-learn, MXNet, PaddlePaddle, PyTorch, TensorFlow, ONNX Runtime ฯลฯ
  • เร่งประสิทธิภาพของ AI ในโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่นถัดไป: อินเทลตั้งเป้าที่จะส่งมอบประสิทธิภาพ AI ให้เพิ่มขึ้นทั้งหมด 30 เท่าภายในโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่นถัดไป (Sapphire Rapids) โดยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ในระดับกว้าง และโปรเซสเซอร์บิ้วอินของ AMX เอ็นจิ้น ที่กำลังจะเปิดตัว รวมทั้งจะสามารถเปิดใช้งานหากมีการใช้ AI มากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ GPU แบบแยกชิ้น

 

ข้อมูลเพิ่มเติม: Artificial Intelligence News from Intel Innovation

 

นายเกร็ก ลาเวนเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และรองประธาน/ผู้จัดการทั่วไป ของ Software and Advanced Technology Group กล่าวว่า นวัตกรรมจะเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและเสมอภาค ที่ซึ่งนักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อ สื่อสาร และตอบสนองต่อแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีเป็นการสร้างสรรค์ของมนุษย์และสร้างสิ่งที่เป็นไปได้ เทคโนโลยีมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง ขึ้นอยู่กับคนที่นำไปใช้ว่าควรจะใช้โดยมีความรับผิดชอบ ครอบคลุม ยั่งยืน มีความเอื้ออาทรและมีจริยธรรมมากขึ้น อินเทลได้เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในแพลตฟอร์มแบบเปิด และเพิ่มสินค้าคงคลังจำนวนมากของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์พื้นฐานต่างๆ โดยมีจุดประสงค์เฉพาะในการทำให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมซอฟต์แวร์มากขึ้น"

 

ข้อมูลเพิ่มเติมUbiquitous Compute: Client Computing News | Cloud-to-Edge Infrastructure: Data Center News and Internet of Things News |Pervasive Connectivity: 5G& Wireless Connectivity | Artificial Intelligence News

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...