StashAway (สแทช-อเวย์) แพลตฟอร์มบริหารการลงทุน (Digital Wealth
Management Platform) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์
นำเสนอบริการการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกผ่าน ETF บนแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย
และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำพร้อมให้บริการแล้วในประเทศไทยหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.)
StashAway ก่อตั้งขึ้นในปี
2559 ที่ประเทศสิงคโปร์และเติบโตอย่างรวดเร็วจนมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากกว่า
3 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาน้อยกว่า 4 ปี
โดย StashAway ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในกว่า
160 ประเทศทั่วโลกจากการนำเสนอแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีบริหารการลงทุนระดับโลกและยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะผ่านช่วงวิกฤตต่างๆ
เช่น COVID-19
โดยพอร์ตในสิงคโปร์ที่บริหารด้วยกลยุทธ์การลงทุน ERAA™ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า
Benchmark* ที่มีระดับความเสี่ยงที่เท่ากันได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดให้บริการในปี
2560 โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย** ตั้งแต่ 17.1% ต่อปี
(สำหรับพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูงสุด) ไปจนถึง 3.8% ต่อปี
(สำหรับพอร์ตที่มีความเสี่ยงต่ำสุด) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ณ เดือนกรกฎาคม 2564
StashAway เปิดให้บริการแล้วในสิงคโปร์
มาเลเซีย ฮ่องกง ไทย และ Dubai International Financial Centre ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
พร้อมทั้งผ่านการระดมทุนมาแล้ว 6 รอบ (Series D) โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุน
Venture Capital ระดับโลกอย่าง Sequoia Capital
India, Eight Roads Ventures และ Square Peg โดยในปี
2563 StashAway ได้รับการยอมรับจาก World Economic
Forum ในฐานะ Technology Pioneer ที่มีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ
ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อการพัฒนาธุรกิจและสังคมของโลก
ยศกร นิรันดร์วิชย, CFA กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
สแทชอเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวว่า
“ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของคนไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 5
ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศยังมีจำกัด มีความซับซ้อน
และมีค่าธรรมเนียมสูง
ซึ่งทำให้การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของคนไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
โดยประเทศไทยยังมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่กระจุกตัวอยู่ในประเทศค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย
StashAway จึงอยากเข้ามาช่วยให้นักลงทุนไทยก้าวข้ามขีดจำกัดต่างๆ
เหล่านี้ โดยการมอบเทคโนโลยีที่ช่วยให้การลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่เติบโตสูง
มีการบริหารพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรฐกิจ
และสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างแท้จริงเพื่อช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างยั่งยืน
เพียงเปิดบัญชีผ่านทางแอปพลิเคชันของเรา
นักลงทุนก็สามารถเข้าถึงพอร์ตการลงทุนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเป้าหมายทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคล
ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและจบในค่าธรรมเนียมเดียว”
ยศกร ยังกล่าวถึงจุดเด่นของ StashAway เพิ่มเติมว่า “บริษัทมีเทคโนโลยี Fractional
Shares ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถถือเศษส่วนของหน่วยลงทุน ETF ได้ละเอียดถึง 0.0001 หน่วย
ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อ ETF และสามารถลงทุนตาม
Asset Allocation ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ StashAway
ยังมีระบบติดตามและทบทวนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับทุกจังหวะชีวิต
เสมือนมีผู้จัดการกองทุนส่วนตัวคอยดูแลตั้งแต่ต้นจนบรรลุเป้าหมายทางการเงินอีกด้วย”
Freddy Lim (เฟรดดี้
ลิม) ผู้ร่วมก่อตั้งและ Chief Investment Officer ของกลุ่มบริษัท
StashAway ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน
Cross-asset Investment และมีประสบการณ์บริหารพอร์ตการลงทุนระดับสถาบันในบริษัทชั้นนำอย่าง
Morgan Stanley, Citibank และ Nomura มานานกว่า
20 ปี กล่าวเสริมว่า “StashAway ช่วยจัดการกับความซับซ้อนในการบริหารการลงทุนต่างประเทศแทนนักลงทุนได้
กลยุทธ์การลงทุนของเราถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์บริหารการลงทุนให้กับสถาบันการเงินระดับโลกมานานกว่า
50 ปี พร้อมทั้งได้ผ่านการทดสอบ Stress Testing มากกว่า 30,000 ชั่วโมง
และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการนำมาผสานเข้ากับเทคโนโลยีจนเกิดเป็นกลยุทธ์การลงทุนอัจฉริยะ
ERAA™ ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอเพื่อระบุประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสมที่สุดและปรับพอร์ตได้อย่างแม่นยำตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ
ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมกับการรักษาระดับความเสี่ยงตามที่กำหนดอยู่เสมอ”
StashAway นำเสนอพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกตามระดับความเสี่ยงโดยมีให้เลือกถึง
12 ระดับ ลูกค้าสามารถสร้างพอร์ตได้หลายพอร์ตเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการเฉพาะตัว
ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตแบบ General Investing เพื่อลงทุนให้เงินงอกเงยในระยะยาวหรือพอร์ตแบบ
Goal-based Investing เพื่อลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินเฉพาะซึ่งมีให้เลือกถึง
8 เป้าหมายและยังสามารถปรับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนได้ตลอดเวลา
ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันเพื่อเริ่มลงทุนกับ StashAway ได้แล้ววันนี้ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่านทาง App Store และ Play Store
เกี่ยวกับ StashAway
StashAway ก่อตั้งขึ้นในปี
2559 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งทั้งหมด 3 คน ได้แก่ Michele
Ferrario (มิเกเล เฟอร์ราริโอ้), Freddy Lim (เฟรดดี้
ลิม) และ Nino Ulsamer (นีโน่ อัลซาเมอร์)
และได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจากหน่วยงานกำกับดูแลใน 5 ประเทศ อาทิ สิงคโปร์,
มาเลเซีย, DIFC ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,
ฮ่องกง และไทย กลุ่มธุรกิจของ StashAway นำทีมโดยผู้บริหารระดับสากลที่มีความรู้รอบด้าน
ทำให้ StashAway เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มบริหารการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ
(AUM) มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาทภายในระยะเพียง 4 ปี
ซึ่งเร็วกว่าที่แพลตฟอร์มบริหารการลงทุนรายใหญ่ของโลกอย่าง Betterment และ Wealthfront ได้เคยทำไว้ นอกจากนี้ StashAway
ยังได้รับการยกย่องในฐานะ Technology Pioneer จาก
World Economic Forum และติดอันดับ Top 10 LinkedIn Startup
StashAway ผ่านการระดมทุนมาแล้ว
6 รอบ (Series D) และมีทุนชำระแล้ว (Paid-Up Capital)
รวม 61.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 พันล้านบาท)
โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Venture Capital ระดับโลก
ได้แก่ Sequoia Capital India จากกลุ่มบริษัทที่ได้ร่วมลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นของบริษัทชื่อดังอย่าง
Apple และ Google, Eight Roads Ventures ที่สนับสนุนโดยบริษัท Fidelity Investment และเป็นผู้ลงทุนรายแรก
ๆ ใน Alibaba, Square Peg ซึ่งเป็นกองทุน Venture
Capital ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย และ บริษัท Asia
Capital & Advisors ซึ่งประกอบธุรกิจ Private Equity นำโดย Francis Rozario และ Aaron Razario
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
สแทชอเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภท ค
(การจัดการกองทุนส่วนบุคคล) เลขที่ ลค-0136-01
จากกระทรวงการคลังและดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) www.stashaway.co.th
**Benchmark ที่เราใช้ในการเปรียบเทียบมาจาก
MSCI World Equity Index (ในส่วนของหุ้น) และ FTSE
World Government Bond Index (ในส่วนของตราสารหนี้) โดยน้ำหนักของ Benchmark
ที่เราใช้จะมีค่าความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง (Realized
Volatility)
ในระยะเวลา 10 ปีเท่ากับระดับความเสี่ยง StashAway Risk
Index
**การเปรียบเทียบผลการดําเนินงานดังกล่าวมาจากผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียม
โดยอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ผลการดําเนินงานมาจากพอร์ตที่ใช้กลยุทธ์การลงทุน ERAA™ ในประเทศสิงค์โปร์ โดยวัดจากวันเริ่มดำเนินงานของพอร์ตจนถึงเดือนกรกฎาคม
2021 โดยพอร์ตที่มีความเสี่ยงต่ำสุด (SRI 6.5%)
เริ่มในวันที่ 19 กรกฎาคม 2017 และพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูงสุด (SRI 36%) เริ่มในวันที่ 16 สิงหาคม 2018; ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต:
โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น