NEPS ไม่หวั่นปัจจัยลบโควิด-19 ส่งผลกระทบเศรษฐกิจระดับมหภาค มองโอกาสเติบโตสวนกระแส เดินหน้าลุยธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ หวังรองรับความต้องการพลังงานทดแทนที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เน้นชูจุดเด่นการให้บริการแบบ One Stop Solutions ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงและทีมงานวิศวกร ระดับมืออาชีพ ล่าสุดประกาศติดตั้งระบบ Solar Rooftop กับ “บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)” เพื่อส่งมอบพลังงานสะอาดให้แก่ลูกบ้านและพนักงาน เผยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ในมือแล้วกว่า 20 ราย มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท มั่นใจภายในสิ้นปี 2564 สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วาง 300 ล้านบาท อย่างแน่นอน
นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี้ พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS ผู้นำด้านการให้บริการพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล เปิดเผยว่า พลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดกำลังเป็นเทรนด์ที่หลายภาคส่วนต่างหันมาให้ความสนใจ และมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมารองรับต่อความต้องการในปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายการลดใช้พลังงานและลดปัญหา สภาวะโลกร้อน สำหรับ NEPS ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากหลายหน่วยงานในการให้เข้าติดตั้ง Solar Rooftop ด้วยจุดเด่นที่สามารถให้บริการได้แบบครบวงจร หรือ One Stop Solutions ครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบ การติดตั้ง การซ่อมบำรุง หรือแม้แต่กระทั่งการจำหน่ายแผงโซล่าร์ โดยทีมงานวิศวกรระดับมืออาชีพ อีกทั้งมีเทคโนยีอันทันสมัยที่ทำให้ NEPS มีข้อแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน อาทิ การใช้ Inverter ของ SolarEdge ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงด้านความปลอดภัย และมีระบบ Real time monitoring application ในการดูระดับพลังงาน เป็นต้น และที่สำคัญทางบริษัทฯ ได้รับการไว้วางใจจาก “Jinko Solar” ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ของโลกให้เป็นพันธมิตร และตัวแทนดำเนินการจัดจำหน่ายในประเทศไทย
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับว่า NEPS มีการเติบโตเป็นอย่างมาก ด้วยเป้าหมายดำเนินงานที่ต้องการกระจายพลังงานทดแทนไปยังกลุ่มธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรม, สปอร์ตคลับ, สนามกอล์ฟ, สถาบันการศึกษา, โชว์รูมและห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายการใช้พลังงาน ซึ่งเราค่อนข้างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีลูกค้าเซ็นสัญญาแล้วกว่า 20 ราย รวมมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท นับเป็นสัญญาณการเติบโตที่ดี แม้ภาวะการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควรท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นนี้”
อย่างไรก็ดี นายตรีรัตน์ กล่าวต่อไปว่า “สำหรับก้าวต่อไปของ NEPS คือต้องการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเราเห็นโอกาสทางธุรกิจเพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ไฟฟ้าของภาคครัวเรือน ซึ่งนับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่เหล่าดีเวลลอปเปอร์เลือกใช้ เพื่อสร้างแรงจูงใจและ สร้างความสัมพันธ์อันดีแก่ลูกค้าของตน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจาก บมจ.แอสเซทไวส์ หนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการเข้าดำเนินการติดตั้ง Solar Rooftop System ที่สำนักงานใหญ่ รวมถึง ตัวโครงการที่พักอาศัยในอนาคตอีกด้วย”
ด้าน นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เผยเหตุผลสำคัญถึงความร่วมมือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์กับ NEPS ครั้งนี้ว่า จากนโยบายมุ่งพัฒนาธุรกิจ แบบยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “GrowGreen” ของบริษัทฯ ที่ต้องการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งการนำพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้ทดแทนพลังงานไฟฟ้านับเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญที่จะช่วย ลดการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดได้
“เราเล็งเห็นว่า NEPS มีความน่าเชื่อถือ มีผลงานการันตีคุณภาพมากมาย ผ่านการทำงานระดับใหญ่มาแล้วหลากหลายโครงการ ด้วยมีการบริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพของสินค้า การให้บริการหลังการขาย สามารถสนองตอบต่อความต้องการของ แอสเซทไวส์ ในการส่งมอบพลังงานสะอาด ทั้งแก่ลูกบ้านและบรรดาพนักงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ อีกด้วย”
“สำหรับแผนการเติบโตของ NEPS ที่วางไว้ในปีนี้อยู่ที่ 300 ล้านบาทนั้น เรามั่นใจว่าจะสามารถทำได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างแน่นอน” นายตรีรัตน์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น