สิงคโปร์ พาชมประติมากรรมเป่าแก้วขนาดยักษ์สุดอลังการ จากศิลปินชาวอเมริกันชื่อก้องโลกอย่าง เดล ชิฮูลี (Dale Chihuly)ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการประติมากรรมเป่าแก้วกว่า 46 ปี และได้รับยกย่องว่าเป็นผู้ปฏิวัติงานหัตถกรรมให้กลายเป็นวิจิตรศิลป์ ด้วยพรสวรรค์ในด้านศิลปะตั้งแต่วัยเยาว์ผนวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขยายกรอบความคิดสร้างสรรค์ด้วยการออกแบบแก้วที่เป็นวัสดุพื้นฐานมาขึ้นรูปด้วยเทคนิคการเป่ารูปแบบใหม่ ทำให้เกิดชิ้นงานประติมากรรมแก้วเป่าที่วิจิตรตระการตาหาใครเลียนแบบได้ยาก
ถือเป็นครั้งแรกของเอเชียที่เดล ชิฮูลีได้ขนทัพงานประติมากรรมเป่าแก้วขนาดยักษ์มาจัดแสดงถึงประเทศสิงคโปร์แบบจัดเต็ม เนรมิตให้ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay) กลายเป็นสวนสวรรค์ด้วยแนวคิด “Glass in Bloom” ที่อบอวลไปด้วยประติมากรรมแมกไม้ดอกไม้แก้วหลากสีนานาพันธุ์ โดยแบ่งการจัดแสดงตัวผลงานออกเป็น 6 โซน แยกเป็น2 ส่วน คือภายในอาคารได้แก่ฟลาวเวอร์ โดม(Flower Dome) และ คลาวด์ฟอเรสต์ (Cloud Forest) และส่วนภายนอกอาคารซึ่งจัดแสดงยาวไปถึงเดือนสิงหาคมเลยทีเดียว
เริ่มต้นที่ส่วนฟลาวเวอร์ โดม(Flower Dome) และ คลาวด์ฟอเรสต์ (Cloud Forest)ซึ่งเป็นโซนภายในอาคารประกอบไปด้วย 2 โซนการจัดแสดง ได้แก่
· โซนฟลาวเวอร์ โดม (Flower Dome)กับประติมากรรมWhite Towerเป็นงานประติกรรมที่พัฒนาปรับรูปทรงของโคมไฟระย้าแบบเวเนเชียน (Venetian) ให้มีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์ขึ้นยิ่งกว่า ด้วยการดัดแปลงให้วางในแนวตั้งแทน สำหรับประติมากรรมชิ้นต่อมา Erbium Reeds, Trumpet Flowers and Neodymium Reedsได้ทดลองนำเอาธาตุโลหะนีโอไดเมียมและเออร์เบียมมาผสมเข้ากับแก้วจนเกิดสีม่วงแดง และสีม่วงเข้มแวววาวสะท้อนแสง โดยประติมากรรมทั้งหมดตั้งอยู่รายล้อมเหล่าบุปผาชาตินานาพันธุ์ ได้แก่ ดอกบีโกเนีย ดอกกุหลาบ ดอกไฮเดรนเยีย และต้นปาล์ม ซึ่งเมื่อแสงตกกระทบแล้วยิ่งเสมือนหลุดเข้าสู่ป่ายามค่ำคืน บนดาวแพนโดร่า ในภาพยนตร์เรื่องอวตารอย่างไรอย่างนั้น
· โซนคลาวด์ฟอเรสต์(Cloud Forest) มีประติมากรรมชิ้นเด่นอย่างCloud Forest Persianได้ปรับเปลี่ยนสีและการเรียงตัวของรูปทรงชิ้นงานให้สอดคล้องกับน้ำตกในโดมของโยนนี้ โดยใช้สีฟ้าที่สื่อถึงสายน้ำของน้ำตก และการจัดเรียงทรงให้ทอดยาวไปตามทิศทางการไหลของสายน้ำ ทำให้เกิดความรู้สึกสวยงามตระการตา
สำหรับส่วนที่สองซึ่งมีอาณาเขตบริเวณกว่า 70% ของพื้นที่คือส่วนภายนอกอาคาร ประกอบไปด้วย 4 โซนการจัดแสดงได้แก่
· โซนทะเลสาบDragonfly Lake ที่กว้างใหญ่กับประติมากรรมFloat Boat and Floats เกิดขึ้นโดยบังเอิญขณะทดลองเป่าแก้วแล้วโยนลงไปในแม่น้ำนูตาโจกิ(Nuutajoki)ในประเทศฟินแลนด์ เพื่อดูการกระจายตัวของชิ้นงานกลับพบว่า ชิ้นงานแก้วเป่าทรงกลมเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดกับภูมิทัศน์ของแม่น้ำ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มเป่าแก้วเป็นทรงกลมหลากสีหลายขนาดลงในเรือไม้ ซึ่งเหมาะเจาะอย่างน่าอัศจรรย์กับโซนทะเลสาบแห่งนี้
· โซนSerene Garden)กับประติมากรรมRed Bamboo Reedsที่ทดลองเป่าแก้วให้มีรูปทรงยืดขยายออกไปเป็นทรงยาว โดยใช้เทคนิคเฉพาะด้วยการเป่าลมผ่านท่อของเครื่องเป่าแก้วที่ถูกยกขึ้นด้วยลิฟต์จึงออกมามีลักษณะคล้ายกับต้นกกที่สูงแหลมแทงยอดขึ้นเหนือท้องฟ้าและมีข้อปล้องเหมือนกับลำต้นไผ่ และประติมากรรมEthereal White Persiansซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นผิวผนังบนเพดาน และองค์ประกอบในโคมไฟระย้าของหอคอย ผสมผสานกับศิลปะแบบชาวเปอร์เซียนโบราณที่ทำให้หวนระลึกถึงศิลปวัฒนธรรมในตะวันออกไกล
· โซนWorld of Plants มีประติมากรรมที่เด่นอย่างOrange Hornet Chandelier ที่ปรับเปลี่ยนรูปทรงของโคมไฟระย้าในแบบโบราณให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น จากการจำลองเอารูปลักษณ์ที่เป็นข้อปล้องของต่อและแตนมารังสรรค์ให้เหมือนช่อดอกทองกวาวสีแสดซึ่งประติมากรรมชิ้นนี้ถูกจัดแสดงโดยห้อยอยู่ตรงบริเวณซุ้มประตูของโซน
· และโซนMeadow ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่มีประติมากรรมที่แปลกตาอย่างSetting Sun หรือ “สุริยัน” ด้วยรูปทรงที่เป็นเปลวเพลิงสีเหลืองและแดงขนาดยักษ์อันสื่อถึงความกล้าหาญ โชติช่วง ร้อนแรง ดุจเปลวสุริยะที่แผดเผา โดยเป็นผลงานคู่ตรงข้ามกับ Moon หรือ “จันทรา” ที่นำเอาแก้วเป่าทรงแบนหลากหลายขนาดมาเชื่อมต่อกันด้วยโครงเหล็กทรงกลม ชวนให้นึกถึงหลุมบ่อที่อยู่บนดวงจันทร์ พร้อมทั้งเลือกใช้สีขาวโอปอลและสีน้ำเงินเข้ม ที่สื่อถึงความสงบ ความเรียบง่าย และความเยือกเย็น
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนิทรรศการประติมากรรมเป่าแก้วจากศิลปินระดับตำนาน“เดล ชิฮูลี: กลาส อิน บลูม”(Dale Chuhuly: Glass in Bloom)ซึ่งการท่องเที่ยวสิงคโปร์อยากจะขอเชิญชวนคนไทยที่มีใจรักในงานด้านศิลปะร่วมติดตามรับชมภาพสวยๆ ของงานประติมากรรมเป่าแก้วในครั้งนี้ ที่สามารถรับชมในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual Tour) ได้ด้วยโดยจัดแสดงถึงวันที่1 ส.ค. นี้ ผู้สนใจรับชมได้ที่www.chihulyinbloom.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น