วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564

กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย พร้อมสู้โควิด-19 เดินหน้าผลิตและเตรียมส่งมอบหน้ากากแรงดันลบและบวกเพิ่ม 1,100 ชิ้น สวมเกราะให้บุคลากรทางการแพทย์ และป้องกันการแพร่เชื้อของผู้ป่วย

 


(กรุงเทพฯ  2 มิถุนายน 2564) กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย เดินหน้าส่งมอบความช่วยเหลือครั้งใหม่เพื่อเคียงข้างคนไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นและขยายเป็นวงกว้างในปัจจุบัน โดยเร่งผลิตนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกเพิ่มเติมอีกจำนวน 1,100 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 42 ล้านบาท ซึ่งพัฒนาและผลิตขึ้นโดยทีมวิศวกรจิตอาสาของฮอนด้า เพื่อเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งช่วยป้องกันผู้ป่วยในการแพร่กระจายเชื้อ โดยเริ่มผลิตแล้ว ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า จ.อยุธยา และจะทยอยส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อกระจายไปยังโรงพยาบาลรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2564

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “ในวันนี้ คนไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง กองทุนฮอนด้าฯ จึงได้เร่งผลิตนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและบวกเพิ่มเติมอีกจำนวน 1,100 ชิ้น หลังจากในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ได้ผลิตและกระจายการส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไปแล้วทั้งหมด 1,000 ชิ้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย สำหรับครั้งนี้ เราจะทยอยส่งมอบได้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ให้กับกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อเร่งจัดสรรให้กับโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ รวมถึงมอบให้กับกรมราชทัณฑ์ ในนามตัวแทนของกองทุนฮอนด้าฯ ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย รวมถึงคนไทยทุกคน ผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันได้ในเร็ววัน”

ด้าน พ.ญ. ณัฏฐาพร หะรังศรี วิสัญญีแพทย์ โรงพยาบาลระนอง กล่าวถึงประสบการณ์การใช้นวัตกรรมหน้ากากแรงดันบวกและแรงดันลบของกองทุนฮอนด้าฯ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่า “จุดเด่นของนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก คือเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลทางการแพทย์ ซึ่งสามารถปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ แรงดันลบ ใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 และแรงดันบวก ใช้เพื่อป้องกันและช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์หายใจสะดวก หน้ากากมีน้ำหนักเบา ใส่สบายไม่แนบหน้าเกินไป ที่สำคัญคือสามารถปรับระดับลมได้ ซึ่งช่วยให้อากาศถ่ายเท และช่วยลดการเกิดฝ้าบนหน้ากากขณะอากาศร้อน จึงทำให้สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้นานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผ่าตัดหรือการใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะไอ ทำให้เชื้อที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจกระจายเยอะขึ้น ซึ่งขณะนี้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลทางการแพทย์ยังเป็นที่ต้องการอย่างมาก”

สำหรับนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกซึ่งผลิตขึ้นโดยทีมวิศวกรฮอนด้า ผ่านการทดสอบมาตรฐานของอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกอบด้วยตัวหน้ากาก ท่ออากาศ และเครื่องกรองอากาศ สามารถปรับการทำงานเป็นหน้ากากแรงดันบวกสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหน้ากากแรงดันลบสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ โดยสามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางกองทุนฮอนด้าฯ ได้กระจายการส่งมอบจำนวน 1,000 ชิ้น ไปยังโรงพยาบาล 77 จังหวัดทั่วประเทศ และได้เร่งผลิตเพิ่มเติมอีกจำนวน 1,100 ชิ้น รวมการผลิตทั้งหมด 2,100 ชิ้น เพื่อรองรับความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยครั้งนี้จะมอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อกระจายไปยังโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงกรมราชทัณฑ์
 
นับตั้งแต่ปี 2563 ที่สังคมไทยได้เผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน กองทุนฮอนด้าฯ ได้ร่วมต้านภัยโควิด-19 รวมงบประมาณกว่า 122 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินสมทบจากการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของลูกค้าทุกท่าน เราพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสังคมไทยเพื่อที่จะก้าวพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...