วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ร่วมช่วยเหลือทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนกับมูลนิธิ EDF

 


จากสภาพปัญหาในปัจจุบัน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ผู้คนจำนวนมากต้องประสบกับการว่างงาน ขาดรายได้ หรือมีรายได้น้อยลง รวมถึงนักเรียน นิสิต นักศึกษาในโครงการทุนการศึกษาของมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ที่ได้ลงทะเบียนขอรับทุนการศึกษาจากผู้ใจบุญ ปรากฏว่าในวันสุดท้ายของการเปิดรับทุนในวันที่  30 มิถุนายน 2564 ยังมีเด็กอีก 2,265 คนที่ยังรอโอกาส รอการสนับสนุนด้านทุนการศึกษา

 

นายสรรเพชร นิลรัตน์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิ EDF เผยว่า “จากจำนวนนักเรียนที่ลงทะเบียนและผ่านการคัดเลือกขอรับทุนการศึกษาในปีการศึกษา 2564 ทั้งหมด 10,110 คน ปรากฏว่าจนถึงวันสุดท้ายนี้มีนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษา แล้ว 7,845 คน แยกเป็นทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 6,701 ทุน ทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 729 ทุน ทุนการศึกษานักเรียนพิการเรียนร่วมในโรงเรียนปรกติ 191 ทุน ทุนการศึกษานักเรียนกำพร้าใน จังหวัดชายแดนใต้ 189 ทุน และทุนการศึกษาระดับอนุปริญญาและอุดมศึกษา 35 ทุน ทำให้ขณะนี้ยังมีนักเรียนที่รอรับทุนอยู่อีก 2,265 คน”

 

จากข้อมูลขององค์กรเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาระบุว่ามีครอบครัวจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพบว่ามีนักเรียนร้อยละ 10 ที่ต้องออกโรงเรียนและมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  สถิติเบื้องต้นพบว่ามีนักเรียนจำนวน 6,568 คน ต้องออกจากระบบการศึกษา และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นไปอย่างน้อยเป็นจำนวน 10,000  คน หรือราว 65,000 คน ในสิ้นปีการศึกษา 2564 แบ่งเป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาออกจากระบบการศึกษาร้อยละ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาร้อยละ 19-20 นิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษาร้อยละ 48 และจะมีเพียงร้อยละ 8-10 เท่านั้นที่มีโอกาสเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย

 

“ผู้สนใจยังสามารถร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษาของมูลนิธิ EDF ประจำปีการศึกษา 2564 ทางออนไลน์ได้ที่ https://edfthai.org/index.php?page=donation  หรือโอนเงินผ่านบัญชี "มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF)" ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 161-4-56698-0 ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 070-2-45369-0 ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 980-7-59891-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 และธนาคารทหารไทย เลขที่บัญชี 069-2-41110-1 หลังโอนเงินบริจาคแล้วสามารถส่งเอกสารการโอนและแจ้งรายละเอียดเพื่อรับใบเสร็จรับเงินในการนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่อีเมล public@edfthai.org ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานของมูลนิธิได้ที่ www.edfthai.org หรือสอบถามข้อมูลได้ที่โทรศัพท์ 02-579-9209 ถึง 11” นายสรรเพชร กล่าว

 

สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทยที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนไทยที่ด้อยโอกาสให้ได้รับโอกาสและมีความเท่าเทียมทางการศึกษามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 โดยทำงานร่วมกับสำนักงานการศึกษาและครูในโรงเรียนเขตพื้นที่ต่าง ๆ

 

จากการดำเนินงานด้านการพัฒนาการศึกษาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มูลนิธิได้รับรางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ  5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใส จากสมาคมกิฟวิ่ง แบค รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทยประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์  สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และเดอะรีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม และรางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย เป็นต้น

“การ์มิน” เปิดตัว “DESCENT MK2S” ไดฟ์คอมฯ ขนาดเล็กที่เป็นมากกว่าไดฟ์คอมฯ บัดดี้คู่ใจที่พร้อมออกไปสนุกกับทุกการผจญภัยแบบไร้ขีดจำกัด

 


  • ตอบรับตลาดผู้ที่รักการผจญภัยในโลกใต้น้ำ และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ทุกรูปแบบ ด้วยฟีเจอร์โหมดดำน้ำที่หลากหลาย อาทิ ฟรีไดฟ์ และสกูบา รวมถึงกิจกรรมออกกำลังกายอื่นๆ และฟีเจอร์ติดตามสุขภาพในเรือนเดียว
  • เติมลุคให้ดูดี ด้วยดีไซน์ใหม่ขนาดเล็กพอดีข้อมือกับหน้าจอแสดงผลเพียง 1.2 นิ้ว ออกแบบเอาใจสายแฟฯ โดยเฉพาะ
  • ดึงตัว อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังแห่งโลกใต้น้ำ นำทีมโดย สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข แนนซี่-นัยน์ภัค ภูมิภักดิ์ และดีเจเต๊บ-กีรติ ศิริสุทธิพัฒนา ร่วมเปิดตัวพร้อมแคมเปญสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลทั่วเอเชีย กับ กิจกรรมสำคัญ ร่วมกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจปกป้องโลกใต้ทะเล

กรุงเทพฯ (30 มิ.. 64) – การ์มิน ประเทศไทย ภายใต้ Every Beat of Life – นวัตกรรมที่ก้าวทันทุกจังหวะของชีวิต ต่อยอดความสำเร็จผลิตภัณฑ์สำหรับดำน้ำในกลุ่ม DESCENT MK2 เปิดตัว DESCENT MK2S ไดฟ์คอมพิวเตอร์ในรูปแบบนาฬิกาข้อมือที่มีขนาดเล็กที่สุดในตลาดปัจจุบัน มาพร้อมสีสันใหม่อันโดดเด่นเพื่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวันและฟังก์ชันครอบคลุมการทำงานสูงสุด ตอบรับกลุ่มนักดำน้ำรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์เข้าถึงง่าย กับหน้าจอแสดงผลขนาด 1.2 นิ้ว แต่ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้อยู่กลางแดดจ้าด้วยหน้าจอ sapphire มาพร้อมดีไซน์สวยงามและสายที่ปรับเปลี่ยนได้ให้เข้ากับทุกลุค ที่ไปกับคุณได้ทั้งในโลกใต้น้ำและบนบก สนับสนุนการผจญภัยแบบไร้ขีดจำกัด ด้วยจุดเด่นของเทคโนโลยี ซัพพอร์ตการดำน้ำ ยกระดับทุกการไดฟ์ให้ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมเป็นบัดดี้คู่ใจนักดำน้ำที่รักสุขภาพด้วยโหมดกีฬาอื่นๆ อีกมากมาย และฟีเจอร์ติดตามสุขภาพครบจบในเรือนเดียว

 

เปิดตัวพร้อมสองแคมเปญยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย ได้แก่ แคมเปญ #DiveForPurpose ดึงตัวอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเปิดประมูลผลิตภัณฑ์สำหรับการดำน้ำ และสมทบทุนร่วมบริจาค LAMAVE สถาบันเพื่อการวิจัยและอนุรักษ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แคมเปญ #EveryDiveCounts ประกวดภาพถ่ายใต้ทะเล เพื่อรวบรวมภาพเป็นข้อมูลการวิจัย ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพผ่านแพลตฟอร์ม iNaturalist ชิงของรางวัลมูลค่ารวมกว่า 70,000 บาท


มรสกาย เชน ผู้อำนวยการ การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “การเปิดตัวไดฟ์คอมพิวเตอร์ DESCENT MK2S ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของผลิตภัณฑ์สำหรับดำน้ำในซีรีส์ DESCENT MK2 ด้วยการนำเสนอตัวเลือกไดฟ์คอมพิวเตอร์จีพีเอสที่หลากหลายมากขึ้ถือเป็นการขานรับกับกระแสในภูมิภาคเอเชียที่มีจำนวนนักดำน้ำหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการสำรวจของการ์มินพบว่านักดำน้ำผู้หญิงเพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมากกว่า 50% ของกิจกรรมดำน้ำ คือการดำน้ำประเภทฟรีไดฟ์ DESCENT MK2S จึงมาพร้อมกับดีไซน์ในขนาดที่เล็กลง พร้อมเพิ่มตัวเลือกของสีให้มากขึ้น แต่ยังคงเพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์สำหรับผู้ที่รักการผจญภัยในโลกใต้น้ำ และไม่ลืมคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อการใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยดีไซน์หน้าจอแสดงผลขนาดเพียง 1.2 นิ้ว เพื่อเอาใจกลุ่มนักดำน้ำผู้หญิงที่มีขนาดข้อมือเล็ก นอกจากโหมดดำน้ำที่ครบทุกรูปแบบ ครอบคลุมถึงฟรีไดฟ์ที่กำลังเป็นที่นิยม DESCENT MK2S ยังมีโหมดกีฬาอื่นๆ อีกกว่า 30 ชนิด และฟีเจอร์ติดตามสุขภาพ อาทิ ฟีเจอร์ติดตามการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Tracking) และ ฟีเจอร์ติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Pulse Ox Blood Sensor) จึงถือได้ว่าการ์มินได้เดินหน้านำเสนอ DESCENT MK2S ที่เป็นผลิตภัณฑ์แห่งความคุ้มค่าที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการนักดำน้ำทั้งชายหญิงที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย

 

พร้อมทุกการผจญภัยในโลกใต้น้ำ

DESCENT MK2S เป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์อเนกประสงค์ที่รองรับการดำน้ำในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำแบบซิงเกิ้ล-ก๊าซและมัลติ-ก๊าซ แบบ Gauge แบบ Apnea แบบ Apnea Hunt และรวมถึงฟรีไดฟ์ที่กำลังเป็นที่นิยม มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (heart rate) ช่วยเพิ่มความสนุกและความปลอดภัยให้กับการดำน้ำ DESCENT MK2S ยังมีระบบนำทางด้วยดาวเทียม GNSS และเข็มทิศใต้น้ำ 3 แกน ที่ทำให้นักดำน้ำสามารถระบุจุดลงและขึ้นจากน้ำได้อย่างแม่นยำ นักดำน้ำยังสามารถเข้าถึงข้อมูลความลึก ระยะเวลาการดำน้ำ อุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาสูงสุดที่สามารถอยู่ที่ระดับความลึกที่กำหนดและการขึ้นสู่ผิวน้ำ (NDL/TTS) อัตราการดำขึ้นและการดำลง การผสมก๊าซ ค่าแรงดันบางส่วนของออกซิเจน (PO2) การโหลดไนโตรเจน ข้อมูล Decompression/ Safety Stop เพื่อความปลอดภัย รวมถึงข้อมูลเวลาอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายบนข้อมือ นักดำน้ำยังสามารถเก็บและเรียกดูข้อมูลการดำน้ำสูงสุดถึง 200 ไดฟ์ และยังสามารถดูข้อมูลทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชัน Garmin Dive™ ที่จะวิเคราะห์การดำน้ำทุกครั้งอย่างอัตโนมัติ


ครบครันด้วยฟีเจอร์ติดตามสุขภาพ พร้อมอัพเดททุกความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง

DESCENT MK2S ยังเป็นสมาร์ทวอชจีพีเอสระดับพรีเมียมที่มีฟีเจอร์เพื่อสุขภาพที่ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามข้อมูลสุขภาพได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะฟีเจอร์ติดตามการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Tracking) และ ฟีเจอร์ติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Pulse Ox Blood Sensor) และยังมีฟีเจอร์ดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ทั้งการติดตามรอบเดือนและการตั้งครรภ์ การหายใจตลอดทั้งวัน และการติดตามการนอนหลับขั้นสูง DESCENT MK2สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับเพื่อรับการแจ้งเตือนการโทรเข้าออก ข้อความ และปฏิทินนัดหมาย จัดเก็บเพลงโปรด รวมทั้งเชื่อมต่อ Garmin Pay เพื่อการชำระเงินแบบ contactless มีแบตเตอรี่ยาวนาน 30 ชั่วโมงในโหมดดำน้ำ และยาวนานสูงสุด วันในโหมดสมาร์ทวอทช์

 

ซัพพอร์ตกีฬาและกิจกรรมแอดเวนเจอร์หลากหลาย

DESCENT MK2S ยังมาพร้อมฟีเจอร์สำหรับออกกำลังกายมากมาย อาทิ วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ สกี กอล์ฟ เซิร์ฟ และการปีนเขาในร่ม พร้อมติดตามและบันทึกข้อมูลสำคัญเมื่อทำกิจกรรม


เปิดตัวยิ่งใหญ่ด้วยแคมเปญอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใต้ทะเล

การ์มินยังได้เปิดตัว DESCENT MK2S รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ พร้อมสองแคมเปญยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาคที่จะกระตุ้นให้คนทั่วโลก หันมาใส่ใจและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมใต้ทะเลยิ่งขึ้น ได้แก่ 1) แคมเปญ #DiveForPurpose แคมเปญการกุศลที่รวบรวม อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังทั่วทวีปเอเชียเปิดประมูลและนำรายได้ทั้งหมดบริจาคให้กับ LAMAVE: Large Marine Vertebrates Research Institute Philippines สถาบันเพื่อการวิจัยและอนุรักษ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทย ท่าน ได้แก่ สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข แนนซี่-นัยน์ภัค ภูมิภักดิ์ และดีเจเต๊บ-กีรติ ศิริสุทธิพัฒนา รวมยอดประมูลบริจาคทั่วเอเชียให้แก่ LAMAVE ได้กว่า 207,000 บาท และ 2) แคมเปญ #EveryDiveCounts ที่เชิญชวนนักดำน้ำที่รักการถ่ายภาพโลกใต้ทะเล ส่งภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดผ่านเว็บไซต์ iNaturalist โดยมีคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยช่างภาพใต้น้ำมืออาชีพ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล รวมถึงนักดำน้ำมืออาชีพร่วมตัดสินผู้ชนะในแคมเปญนี้ โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 70,000 บาทและยังได้เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้รวบรวมข้อมูลวิจัยเพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชิวิตใต้ท้องทะเล ผู้ที่สนใจสามารถส่งภาพถ่ายเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564


เป็นเจ้าของ GARMIN DESCENT MK2S ได้แล้ววันนี้ ในราคา 33,990 บาท ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของการ์มิน ทุกสาขา สามารถติดตามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://discover.garmin.com/th-TH/descent/descent-mk2s/ และสำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมดีๆ ภายใต้แคมเปญ #DiveForPurpose และ #EveryDiveCounts สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Garmin Thailand และ อินสตาแกรม Garmin Thailand

LINE ปลื้ม จำนวนร้านค้าที่ใช้ MyShop โตเดือด 257% ในครึ่งปีแรก เผยจุดเด่น เปิดร้านง่าย ไม่ต้องลงทุนสูง ปิดการขายได้เร็ว ทุกที่ทุกเวลา ครองตำแหน่งแพลตฟอร์มที่พ่อค้าแม่ขายออนไลน์ต้องมี

 


·       มียอดร้านค้าสมัครใช้งานเติบโตขึ้นถึง 7 เท่า และจำนวนร้านค้าใช้งานแอคทีฟเติบโตก้าวกระโดดกว่า 257%

·       เผยมูลค่าเฉลี่ยในการซื้อสินค้า สูงถึง 1,000 – 2,000 บาท ต่อครั้ง

·       ดัน LINE POINTS สนับสนุนร้านค้า ช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างฐานลูกค้าประจำ

 

กรุงเทพฯ – LINE ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม ดัน MyShop สู่อันดับ 1 เครื่องมือการขายและจัดการร้านค้าบน LINE SHOPPING แบบครบวงจร ชูกลยุทธ์เด่นมัดใจร้านค้าและลูกค้า ด้วยการสร้าง Social Commerce ควบคู่ Chat Commerce เปิดโอกาสทางธุรกิจได้ทุกที่ พร้อมมอบมูลค่าที่มากกว่าด้วย LINE POINTS ช่วยส่งเสริมการขายให้ร้านค้า


นายเลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 แม้จะทำให้สภาวะเศรษฐกิจหยุดนิ่งหรือเติบโตช้า ทำให้หลายคนหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำธุรกิจมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นทางเลือกที่ดีแล้ว ยังสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อและผู้ขายที่ไม่ต้องเจอหน้ากัน หรือไม่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกันแถมสามารถทำการซื้อขายได้ตามปกติ สะดวกและปลอดภัยต่อทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ที่ผ่านมาตลาด e-commerce ในประเทศไทยมีมูลค่าการซื้อขาย 270,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซที่สูงถึง 62% และ e-marketplace กว่า 38% เป็นเพราะพฤติกรรมของคนไทยนิยมแชทมากกว่า เพราะรู้สึกเข้าถึง ใกล้ชิด ทักไปมีคนตอบ ไม่ใช่การนั่งดูรีวิว แล้วกดซื้ออย่างเดียว สอดคล้องกับการเติบโตของ MyShop เครื่องมือจัดการระบบร้านค้าแบบครบวงจรของ LINE SHOPPING ที่มียอดร้านค้าสมัครใช้งานเติบโตขึ้นถึง 7 เท่า และจำนวนร้านค้าใช้งานแอคทีฟเติบโตก้าวกระโดดกว่า 257% (วัดผลจากการเปรียบเทียบช่วงเวลาเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 – 2564 ที่ผ่านมา) โดยมีสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มสินค้าแฟชั่น อาหาร ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และ สินค้าแกดเจ็ต เป็นต้น และมูลค่าการจ่ายเพื่อซื้อสินค้าใน 1 ครั้ง เฉลี่ยสูงถึง 1,000 – 2,000 บาท


กลไกส่งเสริมที่มาเพิ่มศักยภาพของ MyShop ให้สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายและสร้างมูลค่าการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว เพื่อโอกาสทางธุรกิจให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ คือ การผสมผสาน Social Commerce เข้ากับ Chat Commerce ที่ปัจจุบันและอนาคตรูปแบบของการทำธุรกิจบนออนไลน์ในธุรกิจต่างๆ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วขึ้น ทั้งแชท ซื้อ ขาย ครบ จบในที่เดียว โดยไม่ต้องเปลี่ยนแอปฯ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยสามารถให้ผู้ขายสามารถ เปิดร้านได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา ด้วยระบบหลังบ้านที่จัดการได้ทั้งทาง desktop หรือ แอปพลิเคชั่น MyShop ที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถดำเนินธุรกิจผ่านโทรศัพท์มือถือได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และสุดท้าย คือ การมอบมูลค่าเพิ่ม ในรูปแบบโปรแกรมสะสมแต้ม LINE POINTS ที่มาช่วยร้านค้าทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างฐานลูกค้าประจำได้ในระยะยาว โดย LINE POINTS ที่ลูกค้าสะสม พอยท์มีมูลค่าเท่ากับ บาทสามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดกับร้านค้าพันธมิตร Rabbit LINE Pay ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ทุกด้าน อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดบน LINE SHOPPING หรือแลกซื้อสินค้าจาก LINE STICKERS, THEME SHOP และ LINE MELODY เป็นต้น


สำหรับระบบการทำงานของ MyShop ไม่ยุ่งยากและเข้าใจง่าย เป็นเครื่องมือที่เปรียบเสมือนโซลูชั่นแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการทั้งหน้าร้านและหลังร้าน การจัดการสต็อกสินค้า การออกใบสรุปออเดอร์ให้ลูกค้าผ่านแชทได้ทันที ระบบจดจำที่อยู่ของลูกค้า เป็นต้น ทำให้กระบวนการซื้อขาย พูดคุย และการชำระเงิน การตรวจสอบสถานะสินค้า สร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่แสนง่ายให้กับผู้ซื้อได้ครบจบในแอปฯ เดียว


น.ส. ชนากานต์ ดิลกสัมพันธ์ และ น.ส. ภาสิริ ติรณะประกิจ เจ้าของร้าน CALLED’ P (https://shop.line.me/@called_p) แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นคู่รัก ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ แชร์ประสบการณ์การใช้ MyShop โดยยืนยันว่า “MyShop คือตัวช่วยสำคัญ  ที่เหล่าผู้ประกอบการรายเล็กมองหา เพราะนอกจากจะมีระบบจัดการหลังบ้านใช้งานง่าย สะดวก และครบครันช่วยจัดการออเดอร์ให้ง่ายและเป็นระบบขึ้น สามารถจัดการสต็อกสินค้าได้แบบ real-time แล้ว ยังมีแคมเปญจาก LINE SHOPPING ที่มาสนับสนุนช่วยร้านค้าทำการตลาดด้วยคูปองส่วนลด และโปรแกรมสะสม LINE POINTS ช่วยให้ขายดียิ่งขึ้น


น.ส. นววรรณ และ น.ส. อารยา ระจิตดำรงค์ สองพี่น้องเจ้าของร้าน Grumpy (https://shop.line.me/@ggrumpyแบรนด์เครื่องประดับดีไซน์เก๋สุดฮิตในหมู่สาวๆ กล่าวว่า ประทับใจ MyShop ตรงที่สามารถช่วยปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว เราสามารถสรุปออเดอร์ได้ในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที ช่วยประหยัดเวลา และยังมีระบบการเก็บบันทึกการขายที่ครบถ้วน ทำให้เราสามารถมีเวลาศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการวางแผนการทำการตลาดได้ต่อไป อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ LINE OA ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมมาก เพราะใช้แอปฯ LINE เป็นประจำอยู่แล้ว ก็สามารถทักแชทเพื่อซื้อของและชำระเงินได้เลยในที่เดียว ระบบหลังบ้านใช้งานง่ายมาก และ มีฟังก์ชั่นที่ครบครัน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับใครที่กำลังอยากเปิดร้านขายของออนไลน์


นายเลอทัด กล่าวต่อไปว่า อีกหนึ่งข้อดีของ MyShop คือ โซเชียลคอมเมิร์ซสามารถช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากเท่าอีคอมเมิร์ซ เพราะร้านค้าสามารถบรอดแคสต์โฆษณาไปยังกลุ่มคนที่เคยซื้อสินค้าของทางร้านได้โดยตรง ซึ่งสามารถ Personalized สินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดทั้งในเชิง Demographic หรือความสนใจ (Interest) ผ่านทางผู้ใช้งาน LINE ที่มีมากกว่า 49 ล้านคนในปัจจุบัน ประกอบกับการใช้งบประมาณการสื่อสารการตลาดที่น้อยกว่าการทำโฆษณาเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ หรือการสร้าง Brand Loyalty ด้วยการดูแลลูกค้าอย่างดีผ่าน Chat Commerce ส่งผลให้เกิดการซื้อซ้ำได้บ่อยๆ ร้านก็จะเติบโตอย่างยั่งยืน และแข่งขันในตลาดได้ โดยที่ไม่ต้องแข่งขันด้านราคาหรือการใช้โฆษณาแบบเดิมๆ อีกต่อไป

 

“LINE มองว่า MyShop จะเข้ามาช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์และสามารถช่วยผู้ประกอบการ SMEs ในอนาคต ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวการพัฒนาครั้งสำคัญ ที่เป็นการผสานรวมและนำเอาความแข็งแกร่งของทุกเซอร์วิสและฟีเจอร์บน LINE Ecosystem มาสร้างความสะดวกสบาย สู่การเป็นอันดับหนึ่งแพลตฟอร์ม Social Commerce ตัวจริงในการสร้างความสัมพันธ์ของผู้ขายและผู้ซื้ออย่างแท้จริงและยั่งยืน นายเลอทัดกล่าวสรุป

 

สนใจสมัคร MyShop :  linemyshop.com

จัดเต็มเพื่อคนไทยสู้ภัยโควิด-19...ทรู ยกทัพสินค้าร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้”

 


กรุงเทพฯ ­30 มิถุนายน 2564 – ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 กลุ่มทรู ในฐานะภาคเอกชนไทยผู้ให้บริการดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจร ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาครัฐ ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็นร้านค้าในโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้เพิ่มความคุ้มค่าให้ประชาชนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์จำนวน 4 ล้านราย สามารถเลือกซื้อหลากหลายสินค้าคุณภาพแบรนด์ดังราคาพิเศษ ทั้งสมาร์ทโฟนและดีไวซ์ที่รองรับเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G / 4G / WiFi แก็ดเจ็ต อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ IoT ณ ทรูช็อป ทรูแบรนดิ้งช็อป ทรูสเฟียร์ ทรูสเปซ รวมถึงทรูมินิช็อปในเซเว่น อีเลฟเว่น และแม็คโคร รวมกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศที่ร่วมโครงการ ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (G-Wallet) บนแอปพลิเคชัน เป๋าตังตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2564 ซึ่งทุกยอดซื้อจะนำมาคิดคำนวนเป็นบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Voucher) คืนให้ผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 3 รอบในทุกวันที่ 7 (7 สิงหาคม 7 กันยายน และ 7 ตุลาคม) สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ เพื่อนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าในโครงการ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ การเข้าร่วมเป็นร้านค้าในโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตอกย้ำความตั้งใจของกลุ่มทรู ที่ต้องการเคียงคู่คนไทย ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันโดยเร็ว


ทั้งนี้ เงื่อนไขรายละเอียดทั้งหมดเป็นไปตามที่โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้กำหนด ผู้สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่ทรู คอลล์เซ็นเตอร์ โทร. 1242 หรือศูนย์ช่วยเหลือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โทร. 02-111-1122 ตลอด 24 ชั่วโมง


4 ศิลปินดัง สร้างสรรค์ของที่ระลึกการกุศลสุดน่ารักกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ หารายได้จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ และแบ่งปันแก่ผู้ป่วยยากไร้

 


ครูโต” ม.ล.จิราธร จิรประวัติ, “ครูปาน” สมนึก คลังนอก และ 2 พี่น้องครอบครัวประสานทอง “แป้ง” ภัทรีดา - “นวล” นวลตอง ประสานทอง ชวนกันให้และแบ่งปันเพื่อสร้างความสุขที่ไม่สิ้นสุด ผ่านลายเส้นสุดอาร์ตที่สร้างสรรค์เป็นของที่ระลึกการกุศลคอลเลกชัน Giving and Happiness (กีฟวิ่ง แอนด์ แฮปปี้เนส) ของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยรายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดจะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วย และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

ร่วมช้อปได้บุญกับของที่ระลึกคอลเลกชันพิเศษจาก ศิลปิน ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวก ปลอดภัย www.ramafoundation.or.th และ Line@Ramafoundation รวมถึงช่องทางจำหน่ายใหม่ ผ่านแอปพลิเคชั่น JD CENTRAL และสามารถร่วมบริจาคเงินได้ที่ธ.ไทยพาณิชย์ บัญชีกระแสรายวัน สาขารามาธิบดี เลขที่ 026-3-05216-3 ธ.กรุงเทพ บัญชีกระแสรายวัน สาขาศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ (รพ.รามาธิบดี) เลขที่ 090-3-50015-5 สอบถาม โทร. 02-201-1111 ในวันและเวลาราชการ


#GivingandHappiness #คำว่าให้ไม่สิ้นสุด #PublicHit_PR


สามารถพิจารณาภาพและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ : https://drive.google.com/drive/u/1/folders/1XIVcJoP5BDheL8X7gJSjBhh2xu7tVxP8

แอลจีมุ่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศไทย จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ผลักดันศักยภาพช่างติดตั้งระดับสากล

 


กรุงเทพฯ, 30 มิถุนายน 2564 – เพื่อร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (LG Electronics Skill Standard Testing Center) แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อมุ่งยกระดับทักษะวิชาชีพของช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากลผ่านการจัดฝึกอบรมขั้นตอนการติดตั้งเครื่องปรับอากาศอย่างครอบคลุม ก่อนเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ เพื่อรับหนังสือรับรองความรู้ในการประกอบวิชาชีพ พร้อมเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดแรงงาน โดยแอลจีตั้งเป้าหมายในการฝึกอบรมช่างติดตั้งเครื่องปรับอากาศรวม 150 คน ภายในปี 2564 นี้

 

ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (LG Electronics Skill Standard Testing Center)ตั้งอยู่ในพื้นที่แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ทำหน้าที่ให้บริการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 ครอบคลุมการทดสอบติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เฟส การล้างและการติดตั้งให้เครื่องปรับอากาศปฏิบัติงานตามข้อกำหนดได้ ซึ่งรวมถึงการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อรับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ โดยมีเกณฑ์ในการประเมินผลการทดสอบด้านต่าง ๆ เช่น ความสามารถในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ความสามารถในการติดตั้งท่อ การคำนึงถึงความปลอดภัย และทัศนคติในการดำเนินงาน เป็นต้น

 

นอกจากการเปิดตัวศูนย์ทดสอบดังกล่าวแล้ว แอลจียังสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานด้านการติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้แก่ช่างติดตั้งของพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายของแอลจีเป็นมูลค่า 4,000 บาทต่อคน โดยแอลจีมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง ผ่านการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญ และนำไปสู่การมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น สะท้อนถึงสโลแกนของแอลจีที่ว่า “Innovation for a Better Life” หรือนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757 ละสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://www.lg.com/th/business/air-solution พร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง

 

ฮาร์ตโนแฮนด์ เปิดจำหน่ายเสื้อยืดการกุศล ผลงานศิลปะผู้พิการวาดรูปด้วยปาก

 


อาร์ตโนแฮนด์ เปิดจำหน่ายเสื้อการกุศล ภายใต้โครงการ อาร์ต บาย ฮาร์ต อาร์ต โน แฮนด์ (Art by Heart Art no Hand) จัดทำเสื้อยืดที่ออกแบบโดย พรหมพัฒน์ โชติสิรดานันท์ (โซคูล) ศิลปิน ผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านการเคลื่อนไหว จากผลงานศิลปะที่วาดรูปด้วยปากสู้เสื้อยืดการกุศล เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งสมทบ โครงการ อาร์ต บาย ฮาร์ต อาร์ต โน แฮนด์ (Art by Heart Art no Hand) ช่วยเหลือผู้พิการทุกประเภท และมอบให้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์ต้านภัยโควิด-19 มีสีให้เลือก 2 สี คือสีขาว และสีแดง พร้อมขนาด S,M,และ XL ราคาตัวละ 259 บาท ส่งฟรีทั่วประเทศ มีจำนวนจำกัด ผู้ที่สนใจร่วมทำบุญกับโครงการฯ สามารถสั่งซื้อได้ที่ เพจ Art No Hand by Socool หรือ เพจ Art no Hand และ www.artnohands.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.098263869



ออกเดินสู่เส้นทางแห่งจินตนาการไม่รู้จบกับ “ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” สตรีมได้เลยตั้งแต่วันนี้!

 


กรุงเทพฯ, 30 มิถุนายน 2564 ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ (Disney+ Hotstarเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่พร้อมให้ผู้ชมได้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ในการรับชม คอนเทนต์ยอดนิยมที่ทุกคนโปรดปรานจากแบรนด์แห่งความบันเทิงระดับไอคอน ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์พิกซาร์มาร์เวล, สตาร์ วอร์ส, เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก, FX, ทเวนตีท์ เซนจูรี สตูดิโอส์ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยผู้ชมยังสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ที่หลากหลายจากสตูดิโอชั้นนำของไทย ตลอดจนภาพยนตร์และซีรีส์ที่ได้รับคำชมในเอเชียด้วย 


ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สมาชิกสามารถลงทะเบียนได้ที่ www.disneyplushotstar.com หรือดาวน์โหลดแอป Disney+ Hotstar บนอุปกรณ์ Android และ iOS เพื่อเริ่มสตรีมดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ในราคา 799 บาทต่อปี หรือสมัครแพ็กเกจพิเศษจาก AIS 5G ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ 

 

และเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษครั้งนี้ ดิสนีน์พลัส ฮอตสตาร์จัดงาน “สวัสดี ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์” ในช่วงเย็นวันนี้ เวลา 19.30 น. โดยสามารถรับชมผ่านการสตรีมมิ่งบนแอป Disney+ Hotstar และ AIS Play และถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยท์ ภายในงานที่มีความยาว 30 นาทีนี้มาพร้อมการแสดงของ ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญเป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, วี-วิโอเลต วอเทียร์บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ    แอลลี่-อชิรญา นิติพน โดยมีการถ่ายทอดเทปบันทึกภาพอีกครั้งทางช่อง One31 เวลา 23.15 น. และสามารถสตรีมเพื่อชมได้ทางแอป Disney+ Hotstar และ AIS Play จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 23.59 น. 


ความบันเทิงสำหรับผู้ชมทุกวัย 

ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ พร้อมมอบความบันเทิงนับพันชั่วโมงสำหรับผู้ชมทุกวัย ด้วยภาพยนตร์กว่า 700 เรื่องและซีรีส์ดังอีกกว่า 14,000 ตอนจากทั่วโลก เอเชีย และไทย สมาชิกสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่เปิดตัวล่าสุด อาทิ Luca, Raya and Last Dragon และMonsters At Work (เริ่มสตรีม 7 กรกฎาคม) ภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ อาทิ Avengers: Endgame และ Frozen 2 รวมถึงคอนเทนต์จากดิสนีย์       ออริจินัลอย่าง Loki (ตอนแรกเมื่อเปิดตัว) The Falcon and The Winter SoldierWandaVision และ The Mandalorian 


คอนเทนต์ใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟมีทั้ง ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง และซีรีส์ Extraordinary Siamese Story: Eng and Chang ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของอิน-จัน แฝดสยามคู่แรก พร้อมหนังดังตลอดกาลและติดอันดับทำรายได้สูงสุด อาทิ พี่มาก..พระโขนง, เฟรนด์โซน และ น้อง.พี่.ที่รัก แฟนละครดราม่าต้องไม่พลาดชมซีรีส์เรื่อง 55:15 Never Too Late (นำแสดงโดยกบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และนนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์) ชมได้ เดือนก่อนออกอากาศทางโทรทัศน์ช่วงไพรม์ไทม์ รวมถึงละครซีรีส์ที่พร้อมสตรีมแบบเอ็กซ์คลูซีฟทุกสัปดาห์ อาทิ Love and Fortune และ รักแลกภพ ที่จะเปิดตัวบนดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์พร้อมการออกอากาศทางโทรทัศน์ 


สำหรับแฟนคอนเทนต์จากเอเชียก็ไม่น้อยหน้า ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์จัดเต็มให้ได้ชมอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาพยนตร์ไซไฟแอ็คชั่นเรื่องดังจากเกาหลี Seobok (นำแสดงโดยกงยู และพัคโบกอม) และภาพยนตร์รางวัลออสการ์ Parasite สุดยอดภาพยนตร์ดราม่าจากไต้หวัน The Silent Forest (นำแสดงโดย Buffy Chen และฮยอนบิน) ภาพยนตร์กำลังภายใน Ip Man 4: Finale รวมถึงภาพยนตร์และซีรีส์จากญี่ปุ่น อาทิ Shin Godzilla, 24 Japan และอีกมากมาย 


Disney+ Hotstar พร้อมยกระดับประสบการณ์การสตรีมด้วยภาพและเสียงคุณภาพสูง 

ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์มาพร้อมคอลเลกชันภาพยนตร์และซีรีส์ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในรูปแบบ Dolby Vision® HDR และ Dolby Audio™ โดยผู้ชมที่มีอุปกรณ์ที่รองรับสามารถสตรีมรายการที่ไม่ควรพลาดมากมายทาง Disney+ Hotstar ด้วยคุณภาพของภาพและเสียงที่โดดเด่น และภายในแอป Disney+ Hotstar บน Android TV และ Apple TV สมาชิกยังสามารถเพลิดเพลินกับภาพที่มีสีสันสดใสเป็นพิเศษด้วย Dolby Vision ในขณะที่ Dolby Audio จะมอบความคมชัด บทสนทนาที่ฟังได้ง่าย รายละเอียดที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเอฟเฟกต์เสียงเซอร์ราวด์ที่สมจริง ช่วยเติมเต็มความรู้สึกที่เป็นที่สุดในการรับชมฉากโปรดของคุณได้อย่างเต็มที่ 


ปัญกาจ เคอเดีย กรรมการผู้จัดการ ตลาดใหม่ จากดอลบี้ แลปบอราทอรีส์ กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเดินทางไปกับดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ในประเทศไทย เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การสตรีมด้วยคุณภาพเสียงและภาพที่น่าทึ่งผ่านระบบ Dolby Vision และ Dolby Audio โดยเราต้องการให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การสตรีมคอนเทนต์สุดโปรดบนดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์อย่างสะดวกสบายในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในช่วงเวลาที่กำลังเดินทางไปที่ไหน” 


และนี่คือตัวอย่างไฮไลต์ความบันเทิงที่สมาชิก Disney+ Hotstar ในประเทศไทยสามารถเพลิดเพลินด้วยระบบ Dolby Vision และ Dolby Audio ได้อย่างเต็มที่: 

 

Marvel Super Heroesซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวล 

  • Loki 
  • The Falcon and The Winter Soldier 
  • WandaVision 
  • Avengers: Endgame 
  • Black Panther 
  • Marvel’s 616 

Disney+ Originalsดิสนีย์พลัส ออริจินัลส์ 

  • The Mandalorian 
  • Star Wars: The Bad Batch 
  • Flora & Ulysses 
  • Black Beauty 
  • Pixar Popcorn 
  • Hamilton 
  • Lady and the Tramp 
  • Forky Asks A Question 
  • Once Upon a Snowman 
  • Own The Room 

Disney Favouritesดิสนีย์เรื่องโปรด 

  • Soul 
  • Mulan (2020) 
  • Onward 
  • Diary of a Future President 
  • Lady and The Tramp 
  • Burrow 
  • 22 vs Earth 

และอีกมากมาย! 


สมาชิกดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์สามารถสตรีมผ่านอุปกรณ์เครื่องโปรดของคุณได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์สตรีมมิ่ง รวมถึงสมาร์ททีวีที่มีอุปกรณ์รองรับ บัญชีที่ลงทะเบียนแล้วสามารถชมพร้อมกันได้ อุปกรณ์ โดยคอนเทนต์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดไว้ชมได้ทั้งบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต และไม่มีโฆษณา โดยจะมีส่วนของเนื้อหาสำหรับเด็กโดยเฉพาะที่เหมาะสมกับวัย พร้อมทั้งมีการออกแบบจัดวางหน้าจอผู้ใช้ให้ง่ายต่อการใช้งาน  

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ DisneyPlusHotstar.th  

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...