สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ประกาศปิดสถาบันชั่วคราวต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ย้ำใช้มาตรการฉบับเดิม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของบุคลากรทุกคน พร้อมป้องกันการบิดเบือนและสับสนจาก “บันทึกข้อความและคำสั่งสภาสถาบันฯ” ที่ขัดแย้งต่อข้อบังคับ และไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผยปัจจุบัน อำนาจในการสั่งการและบริหารกิจการภายใน ยังคงเป็นของผู้บริหารสูงสุด หรือ “รักษาราชการแทนอธิการบดี” อยู่
รองศาสตราจารย์ ดร.ประยูร สุรินทร์ รักษาราชการแทนอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ยังคงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้รัฐบาลออกข้อกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ซึ่งนับรวมถึงพื้นที่ กรุงเทพมหานคร เพื่อให้การสกัดและยับยั้งการระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ประกอบกับมาตรการเฝ้าระวังสำหรับสถานศึกษา ตามประกาศกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ทำให้ “สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน” เห็นสมควรให้ขยายเวลาปิดทำการสถาบันฯ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
“การควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงของโควิด-19 ถือเป็นหน้าที่สำคัญของอธิการบดี ที่ต้องประเมินแนวทาง และออกใช้มาตรการอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันบุคลากรทุกคนในสถาบันฯ จากการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงเพื่อลดความเสี่ยงลงให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งตลอดมามาตรการควบคุมโรคของสถาบันฯ ตามประกาศ ฉบับที่ 3 (ลงวันที่ 8 เมษายน 2564) ยังสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิการบดี สถาบันฯ จึงตัดสินใจใช้มาตรการเดิมต่อไป พร้อมขอความร่วมมือให้บุคลากรทุกคนยึดแนวปฏิบัติ ด้านการปฏิบัติงาน ด้านสุขอนามัย และด้านการเดินทาง จนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะทุเลาลง”
รองศาสตราจารย์ ดร.ประยูร สุรินทร์ ให้ข้อมูลต่อไปว่า นอกเหนือจากการแพร่ระบาดของโรคแล้ว ปัจจุบันสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาจากหนังสือหลายฉบับ ที่มีแนวทางขัดแย้งกันจนทำให้บุคลากรหลายฝ่ายเกิดความสับสน ซึ่งจากการสืบสวนพบกว่า มีคำสั่งสภาหลายฉบับที่มาจากการจัดประชุมกันเองของกรรมการสภาฯ กลุ่มหนึ่ง “โดยไม่รอการตอบกลับข้อหารือแนวทางในการจัดประชุมสภาจากกระทรวงฯ” ทั้งยัง “วางแนวทางดำเนินการหลายอย่างที่ขัดต่อข่อบังคับของสถาบันฯ” และอาจนำมาซึ่งการบิดเบือนและสับสน ขัดขวางการบริหารงานภายในส่วนราชการ นำไปสู่ปัญหาความวุ่นวายในสถาบันฯ
“การมีกลุ่มบุคคลจัดทำบันทึกข้อความ รวมถึงคำสั่งสภาสถาบันฯ มีแนวโน้มจะเป็นหนังสือที่เกิดจากการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังสื่อถึงค่อนข้างเป็นพฤติกรรมก้าวก่ายและแทรกแซงการบริหารงานภายในที่ชัดเจน แน่นอนว่าผลที่ตามมาอาจทำให้เกิดความสับสนต่อแนวทางปฏิบัติงานหลายด้าน และรวมถึงแนวทางปฏิบัติในการรับมือโรคโควิด-19 ด้วย สถาบันฯ จึงขอให้ทุกหน่วยงานตลอดจนบุคลากรทุกคนเชื่อมั่นว่า อำนาจในการสั่งการและบริหารกิจการภายในสถาบันฯ ยังคงเป็นของ ‘รักษาราชการแทนอธิการบดี’ ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน โดยถูกต้องตามกฎหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย” รองศาสตราจารย์ ดร.ประยูร สุรินทร์ ทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น