กรุงเทพฯ – 2 มีนาคม 2564 – บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ เปิดแผนยุทธศาสตร์ 2564 – 2567 มุ่งพัฒนา 3 ธุรกิจ ทั้งธุรกิจหลัก ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในโลกยุคใหม่ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่ างยั่งยืน นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนเนื่องจากการแพร่ ระบาดของโควิด-19 ในประเทศและทั่วโลก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มี ใครเคยคาดคิดมาก่อน ได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจทั่ วโลก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและอุ ตสาหกรรมการบิน อย่างไรก็ตาม บาฟส์ยังคงเชื่อมั่นในความแข็ งแกร่งของอุตสาหกรรมการบิ นและการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว ซึ่งบาฟส์ได้กำหนดยุทธศาสตร์ องค์กร ปี 2564-2567 เพื่อการเติบโตของกลุ่มบริษั ทอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าภายในปี 2567 จะมีส่วนแบ่งรายได้ของธุรกิจหลั ก (Core Business) คือธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยาน 43% และธุรกิจอื่น ๆ (Non-Core Business) 57% เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ และกระจายความเสี่ยงจากการพึ่ งพิงรายได้จากธุรกิจหลัก โดยบาฟส์จะเดินหน้ารักษาศักยภาพและความแข็งแกร่งของธุรกิ จหลัก พร้อมการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่ องและการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ สามารถตอบสนองโลกยุคใหม่ทั้ งในเรื่อง Digital Transformation และ Disruption เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อปัจจั ยต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า กลุ่มบริษัทจะมีรากฐานที่แข็ งแรงและสามารถเติบโตได้อย่างต่ อเนื่องและยั่งยืนเพื่อไปสู่เป้ าหมายที่วางไว้ สำหรับปี 2564 บาฟส์มีแผนดำเนินธุรกิจ ดังนี้ 1) ธุรกิจหลัก – รักษาความแข็งแกร่งของการให้บริการธุรกิจหลักครบวงจร โดยมีโครงการที่จะลงทุ นขยายการให้บริการน้ำมั นอากาศยานไปยังท่าอากาศยานในต่ างจังหวัดที่มีศักยภาพ ซึ่งบริษัทอาจจะดำเนินการด้ วยตนเองหรือเข้าร่วมทุนกับผู้ ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้ บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) ผู้ให้บริการระบบส่งน้ำมันเชื้ อเพลิงอากาศยานผ่านท่อแบบ Hydrant ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำลังดำเนินโครงการระบบส่งน้ำมั นเชื้อเพลิงอากาศยานผ่านท่อแบบ Hydrant ระยะที่ 2 ภายใต้โครงการพัฒนาท่ าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบไปด้วยหลุ มจอดอากาศยานแบบแนบประชิ ดอาคารทั้งหมด 28 หลุมจอด ให้บริการด้วยระบบท่อส่งน้ำมั นใต้ดินทั้งหมด โดยมีการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว 100% ในเดือนมิถุนายน 2562 พร้อมทั้งการทดสอบระบบส่งน้ำมั นเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างเต็มรู ปแบบด้วยน้ำมันอากาศยานจริ งในเดือนมกราคม 2564 โดยคาดว่า จะทดสอบเตรียมความพร้อมการเปิ ดให้บริการจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการทดสอบระบบปฏิบัติงานต่าง ๆ ร่วมกันแล้วเสร็จภายในเดื อนเมษายน 2565 2) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง - บริษัทวางแผนขยายขอบเขตการทำธุรกิจที่ครอบคลุมความต้ องการของลูกค้าในธุรกิจที่เกี่ ยวข้องกับการบริการน้ำมั นอากาศยาน คือ บริษัท บาฟส์ อินโนเวชั่น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (BID) ดำเนินการพัฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ การพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจ Digital Solution การพัฒนาแพลตฟอร์มการบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบิ นและท่าอากาศยานผ่านเทคโนโลยีต่ าง ๆ เช่น blockchain และ AI เป็นต้น รวมถึงการพัฒนา Prototype หุ่นยนต์เติมน้ำมันอากาศยานเพื่ อติดตั้งกับรถเติมน้ำมั นอากาศยาน บริษัท บาฟส์อินเทค จำกัด (BAFS INTECH) ผลิตและจัดจำหน่ายรถเติมน้ำมั นอากาศยาน อุปกรณ์เครื่องมือสนับสนุ นอากาศยานในภูมิภาค โดยมีการประกอบและจัดจำหน่ ายรถเติมน้ำมันอากาศยานให้กั บประเทศเมียนมาและลาว รวมทั้งร่วมมือกับบริษัทชั้ นนำของยุโรปในการพัฒนารถเติมน้ำ มันอากาศยานไฟฟ้า (Electronic Vehicle- EV) และการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ ต่าง ๆ เช่น วาล์วในงานด้านอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเลียม 3) ธุรกิจใหม่ – บริษัทมีแผนการลงทุนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเสริ มรายได้และความมั่นคงให้แก่ธุ รกิจของบริษัท ตลอดจนกระจายรายได้และสร้ างความสมดุลให้แก่โครงสร้ างรายได้ของบริษัท โดย บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ได้ลงทุนในธุรกิจพลั งงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม (Renewable energy) และธุรกิจรีไซเคิล (Recycling business) โดยการซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลั งงานแสงอาทิตย์ในประเทศ จำนวน 7 แห่ง กำลังผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 1,704.67 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่ มบริษัทโดยทันทีในปี 2564 และมีแผนที่จะซื้อโรงไฟฟ้าพลั งงานแสงอาทิตย์ในต่ างประเทศในอนาคต สำหรับผลการดำเนินการของกลุ่มบริษัท (BAFS และบริษัทย่อย) ในปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,882.5 ล้านบาท ลดลง 2,035.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับรายได้รวมของปี 2562 ซึ่งปรับลดลงตามปริมาณน้ำมั นอากาศยานที่กลุ่มบริษัทให้บริ การ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง และปริมาณน้ำมันจากการให้บริ การขนส่งน้ำมันทางท่อ เนื่องจากการชะลอตัวของกิ จกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม การเดินทางทางอากาศยานลดลงอย่ างมาก ตลอดจนการบริโภคน้ำมันภาคพื้นดิ นปรับลดลงจากผลกระทบของการแพร่ ระบาดโควิด-19 ซึ่งกลุ่มบริษัทได้ดำเนิ นมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่ างเข้มงวดและมีประสิทธิภาพ โดยมีต้นทุนบริการจำนวน 1,528.6 ล้านบาท ลดลง 300.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.4 และค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 588.9 ล้านบาท ลดลง 112.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 ส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุ นสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้ นของบริษัทจำนวน 374.3 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงลดลง 1,314.2 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 139.8 ทั้งนี้ แม้ผลประกอบการของกลุ่มบริษั ทจะขาดทุน แต่เนื่องจากมาตรการประหยัดค่ าใช้จ่าย การลดเงินเดือนตามความสมั ครใจของผู้บริหาร ทำให้ผลประกอบการเฉพาะกิจการของ BAFS มีกำไรสุทธิ 25.9 ล้านบาท “ในการก้าวสู่ปี 2564 กลุ่มบริษัทพร้อมเดินหน้าพัฒนาธุรกิจตามแผนดำเนินงานอย่ างรอบคอบ โดยมุ่งมั่นในการให้บริการธุรกิ จพลังงานอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึ งคุณภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม บนพื้นฐานของหลักบรรษัทภิบาล การบริหารความเสี่ยงตลอดห่วงโซ่ อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับการบริหารจัดการองค์ ความรู้สู่การสร้างนวัตกรรมเป็ นพื้นฐานสำคัญ เพื่อเสริมศักยภาพการเติ บโตบนเส้นทางธุรกิจควบคู่กั บการดูแลผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่ วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วยความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลั งงานและความสามารถในการตอบสนองโ ลกยุคใหม่ บาฟส์จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติ บโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ” นายประกอบเกียรติ กล่าวสรุป
วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564
บาฟส์ เปิดแผนปี 64 เดินหน้า 3 ธุรกิจหลัก ขับเคลื่อนองค์กรเติบโต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี
บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์ ในเครือ เอ็ม บี เค เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...
-
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP โดย นายเดชาพงศ์ ยุวปรีชา ผู้อำนวยการสายอาวุโส – ...
-
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้ างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเพชรบุรี และสภาอุตสาหกรรมเพชรบุรี จัดงาน “รสเพ็ดรี สุก...
-
กรุงเทพฯ ประเทศไทย - วันที่ 1 มีนาคม 2566 ไฮเออร์ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้ านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 14 ปีซ้อน ตอกย้ำความเป็นหนึ่งใน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น