โดย นายแอบเบย์
แอนิล โกสานการ์ รองประธานกลุ่ม Secure Power ชไนเดอร์
อิเล็คทริค(Schneider Electric) ประเทศไทย ลาว และเมียนมา
ในยุค 4.0 การดำเนินธุรกิจต่างๆ ล้วนขึ้นอยู่กับ ระบบไอทีและเน็ตเวิร์ก ในแต่ละพื้นที่
ที่จะช่วยในเรื่องการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และการเชื่อมต่อเครือข่ายได้ใกล้กับจุดที่ใช้งานมากที่สุด
หรือเรียกกันว่าเอดจ์คอมพิวติ้ง (edge computing) ที่นับเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน
โดย ระบบเอดจ์ คอมพิวติ้งเหล่านี้ จะต้องออกแบบให้มีความยืดหยุ่น แม้ว่าความต้องการใช้งานพื้นฐานจะเหมือนกัน
แต่มีความต้องการและใช้งานที่แตกต่างกัน ทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญเพราะอาจส่งผลต่อการนำระบบโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพมาให้การสนับสนุนและปกป้องอุปกรณ์ไอทีสำคัญ
ทั้งในเรื่องของอุณหภูมิ ความชื้น การรักษาความปลอดภัยและการเข้าถึงพื้นที่
รวมถึงวัตถุประสงค์ของการใช้พื้นที่นั้นๆ โดยปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่แตกต่างสำหรับอุปกรณ์ไอทีที่อยู่ภายนอกอาคาร
เช่นที่เสารับส่งสัญญาณ (cell tower) เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ที่อยู่ภายในอาคารที่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม
ทั้งนี้ เราจึงได้กำหนดสภาพแวดล้อมเอดจ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน
พร้อมคำแนะนำและการนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบในเรื่องของ
เสถียรภาพของระบบไฟ้ฟ้า ระบบระบายความร้อน การรักษาความปลอดภัย ฯลฯ
ตามปัจจัยความเสี่ยงของสภาพแวดล้อมแต่ละประเภท
สภาพแวดล้อมเอดจ์คอมพิวติ้ง 3 ประเภท
เราเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันแบ่งออกเป็น
3 ประเภท ได้แก่ (1)
สภาพแวดล้อมแบบห้องเฉพาะด้านไอที (2) สภาพแวดล้อมในสำนักงานและในการพาณิชย์
(3) สภาพแวดล้อมที่ควบคุมยากอย่างในอุตสาหกรรม
สภาพแวดล้อมแบบห้องเฉพาะด้านไอที
สภาพแวดล้อมไอทีคือพื้นที่ซึ่งมีการควบคุมอุณหภูมิพร้อมจำกัดการเข้าถึง
โดยออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดวางอุปกรณ์ไอทีในส่วนเอดจ์ได้อย่างปลอดภัย หากนึกถึงตู้ที่มีการเดินสายไฟ
หรือห้องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ปัจจุบันพื้นที่เหล่านี้ต้องรองรับการประมวลผลที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น
รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความยืดหยุ่นในระดับสูง และให้ความสามารถในการเชื่อมต่อ
และปฏิสัมพันธ์ร่วมกับสถาปัตยกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมยิ่งขึ้น
(เช่น ระบบคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาค)
นอกจากนี้บ่อยครั้งที่ระบบทำความเย็นมักจะถูกมองข้ามในพื้นที่เหล่านี้
ซึ่งมีแร็คที่เป็นตู้ใส่อุปกรณ์อยู่เพียง 1 หรือ
2 ตู้แร็ค แต่ก็ขึ้นอยู่กับความหนาแน่น ซึ่งหากจำเป็นจะต้องเพิ่มระบบการทำความเย็นบางประเภทเข้ามา
แต่หากความหนาแน่นน้อยกว่า 2kW ต่อแร็ค การระบายความร้อนด้วยพัดลมก็ค่อนข้างจะเพียงพอ
แต่เมื่อใดที่เริ่มมีความหนาแน่นมากขึ้น ระบบเฉพาะทางอย่างระบบปรับอากาศในห้องไอทีในแบบพรีซิชั่นแอร์
อาจจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมควบคุมอุณหภูมิ
รวมถึงความชื้นสัมพัทธ์สำหรับอุปกรณ์ไอทีได้อย่างแม่นยำ
สภาพแวดล้อมในสำนักงานและในการพาณิชย์
บางครั้งอุปกรณ์ไอที
แบบเอดจ์ คอมพิวติ้ง ตามพื้นที่ต่างๆ จะถูกวางไว้ในพื้นที่ซึ่งตอบโจทย์วัตถุประสงค์บางอย่าง
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพนักงานหรือลูกค้าอยู่ เช่น สำนักงานแพทย์หรือหน้าร้าน ซึ่งพื้นที่ประเภทดังกล่าวก็จะมีข้อจำกัดหลักๆ
กันอยู่ห้าประการ ได้แก่
1.
ความสวยงามกลมกลืนกับพื้นที่ อุปกรณ์ต้องไม่ดูเป็นส่วนเกินของพื้นที่
ไม่ขัดตาทั้งพื้นที่ที่เป็นสาธารณะ หรือพื้นที่ส่วนกลาง อุปกรณ์ควรจัดวางได้อย่างเหมาะสมลงตัว
2.
ข้อกำจัดเรื่องเสียงรบกวน เสียงพัดลมระบายอากาศอาจรบกวนสร้างความรำคาญ และรบกวนสมาธิแก่ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น
จึงควรเลือกใช้ตู้แร็ค หรือตู้ไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ที่สามารถลดเสียง หรือมีเทคโนโลยีเก็บเสียงรบกวนได้
3.
การระบายความร้อน
เอาต์พุตความร้อนของไอทีสามารถส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายของมนุษย์
จึงควรทำความเข้าใจถึงข้อจำกัดของระบบระบายความร้อนเพราะอาจจำเป็นต้องใช้การระบายความร้อนแบบ
Active
Cooling
4.
ข้อจำกัดด้านพื้นที่ พื้นที่ในอาคารมีต้นทุน การใช้ตู้ไอทีแบบติดผนังสามารถช่วยให้ใช้พื้นที่ได้อย่างเหมาะสมเต็มประสิทธิภาพ
5.
การรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ หากผู้ที่อยู่ในอาคารสามารถเดินไปถึงและเข้าถึงได้
แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดดาวน์ไทม์จากการประสงค์ร้ายหรือไม่ได้เจตนาก็เป็นได้ ตู้ไอทีที่ใส่อุปกรณ์ควรมีการล็อคและจำกัดการเข้าถึง
อาจตั้งอยู่ในโซนที่ไม่เตะตา และมีกล้องที่ช่วยดูแลความปลอดภัยได้อย่างทั่วถึง
สภาพแวดล้อมที่ ควบคุมยาก อย่างในอุตสาหกรรม
สภาพแวดล้อมนี้ อาจจะอยู่ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง
และมีการควบคุมน้อยกว่าสภาพแวดล้อมสองประเภทที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะมีความแปรปรวณทั้งเรื่องของอุณหภูมิและความชื้น
อาจมีฝุ่นละอองและสารปนเปื้อนอื่นๆ หรือกระทั่งเรื่องของน้ำ สภาพแวดล้อมสมบุกสมบั่น
ในอุตสาหกรรมนี้จะมาในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งค่อนข้างยากที่จะควบคุมได้อย่างทั่วถึง
เช่น คลังสินค้าชิปปิ้ง โรงงานผลิต โรงงานเคมี เสาสัญญาณโทรคมนาคม และอื่น ๆ
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไอทีในพื้นที่เหล่านี้ ได้แก่
1.
การแปรปรวนของอุณหภูมิ และความชื้น
การใช้ตู้แร็คที่มาพร้อมเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีทั้งแบบอยู่ในตัว หรือจากระบบ HVAC ของอาคาร
สามารถควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น สำหรับอุปกรณ์ไอทีได้อย่างแม่นยำ
2.
การรั่วไหลของน้ำ
ให้มองหาตู้แร็คที่ให้การปกป้องความเสี่ยงเรื่องของน้ำได้ในระดับที่เหมาะสม โดยอิงตามมาตรฐานสากลIEC
และ NEMA
3.
อนุภาคขนาดเล็กและฝุ่น
สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไอที จึงต้องมีระดับการป้องกันที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยง
ซึ่งมาตรฐานการป้องกันของ IEC จะตรวจสอบระดับการป้องกันฝุ่นของตู้แร็ค
4.
การสั่นสะเทือน
เครื่องจักรสามารถก่อให้เกิดการสั่นสะเทือน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ไอที ฉะนั้นควรใช้เทคนิคช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
อย่างการใช้ตัวยึดสปริงแบบแยกหรือแผ่นยางลดการสั่นสะเทือน
5.
การชน
รถโฟล์กลิฟท์สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงได้เช่นกัน
จึงควรวางตำแหน่งตู้ไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ ให้อยู่ห่างจากพื้นที่หลักที่เป็นเส้นทางจราจรให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
และให้ใช้แท่งเสาคอนกรีดมากั้นไว้อีกทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง
6.
เหตุการณ์รบกวน เมื่ออุปกรณ์อยู่กลางแจ้ง อาจเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้
จึงควรอยู่ในที่ลับตา และทำให้สามารถเข้าถึงได้น้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลาย
หรือการประทุษร้าย หรือ สัตว์ที่เข้าไปรบกวนระบบ รวมถึงสายไฟ ฯลฯ
7.
การกัดกร่อน ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซิร์ฟเวอร์ และแผงวงจรพิมพ์ (printed circuit boards)
มีความอ่อนไหวต่อการกัดกร่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของตัวอุปกรณ์ จำเป็นต้องใช้ตู้ที่ทำจากวัสดุที่เหมาะสมหรือมีการเคลือบเพื่อป้องกันการกัดกร่อน
ทั้งหมดเป็นเคล็ดลับการสร้างเอดจ์
คอมพิวติ้ง ที่มีประสิทธิภาพตามสภาพแวดล้อมของแต่ละสถานที่และการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้การดูแลรักษาในอนาคตทำได้ง่าย
สามารถศึกษาเคล็ดลับเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3tXuRAF
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น