วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

 


บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ในเครือ เอ็ม บี เค เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่รถบนท้องถนนอย่างปลอดภัย ผ่านการขับเคลื่อนโครงการ ที ลีสซิ่ง เปื้อนยิ้ม เพิ่มห่วงใย ให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุด นายพศิน สินธนภัทร รองกรรมการผู้จัดการสายการตลาดเช่าซื้อ บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด (แถวบน ที่ 7 จากซ้าย) นายอาทิตย์ สุริยะพันธุ์พงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า (แถวบน ที่ 4 จากซ้าย) ร่วมจัดกิจกรรมอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนสงวนหญิง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี  เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย และการจัดการความเสี่ยงเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินจากการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดตลอดการใช้รถใช้ถนน  มีนักเรียนเข้าร่วมจำนวน 350 คน
 
              ภายในงานมีการถ่ายทอดเทคนิควิธีการขับขี่แบบเต็มรูปแบบ ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ แนะนำวิธีการตรวจเช็กเครื่องยนต์เพื่อลดมลพิษ ไม่ให้เกิดควันดำที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมให้นักเรียนลงมือปฏิบัติ มีการควบคุมความปลอดภัยโดยครูฝึกผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่ปลอดภัยจากศรีประจันต์วัฒนยนต์  โดยให้ผู้เข้าอบรมเล็งเห็นถึงความสำคัญของการขับขี่บนท้องถนน ฝึกสังเกตพื้นที่รอบตัวรถและสภาพพื้นผิวถนน มีสติ ไม่ประมาท ก่อนร่วมมอบหมวกกันน็อคและอุปกรณ์การขับขี่ให้แก่ผู้เข้าอบรมทุกคน เมื่อเร็ว ๆ นี้   
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แผนกสื่อสารองค์กร บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด โทร.02-832-2555 ต่อ 2410 คุณรสสุคนธ์ 062-323-4114 Email : Rossukont@tleasing.co.th

แนะนำโปรเด็ดกับเมนูเซ็ตพรีเมียมสุดคุ้ม “CHEFF THANOM” ที่ศูนย์การค้าแพลทินัม

 


ศูนย์การค้าแพลทินัม แนะนำโปรโมชั่นร้านเด็ดกับเมนูเซ็ตพรีเมียมสุดคุ้ม “CHEFF THANOM” ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน เข้มข้นถึงรสแบบไทยๆ 
ที่ใส่ใจพิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบพร้อมปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะ ของทางร้าน ชวนอิ่มอร่อยสุดคุ้มกับโปรโมชั่นเมนู 3 เซ็ต ดังนี้

• Set A ราคาพิเศษ 799 บาท : ซุปทรัฟเฟิล  ผักโขมอบชีส พิซซ่าทรัฟเฟิล
• Set B ราคาพิเศษ 799 บาท : สปาเก็ตตี้โบลองเนสเนื้อ/หมู  หอยลายผัดเนย กับขนมปังกระเทียม  สลัดซีซาร์
• Set C ราคาพิเศษ 1,599 บาท : รีซอตโต้ซีฟู้ด  ซี่โครงแกะย่าง ร็อคเก็ตพาร์ม่าแฮม

ชวนอิ่มอร่อยกับโปรโมชั่นสุดคุ้มได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน นี้ นอกจากนี้ยังมีรายการอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มมากกว่า 100 เมนู
ให้เลือกสรร ที่ “CHEFF THANOM” ณ บริเวณชั้น 6  “Platinum food floor MORE  a MEAL” ติดตามรายละเอียดร้านค้าและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ
ได้ที่ FB: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์

ไอคอนสยาม และ ไอซีเอส จัดแคมเปญ “HUNTING SEASON” ช็อปสนุกกับโปรฯ สุดคุ้ม ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ แลกรับของรางวัลสุดพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 2567

 


ไอคอนสยาม และ ไอซีเอส จัดแคมเปญ “HUNTING SEASON” ฤดูกาลล่าแบบไม่ต้องลุ้น! ชวนมาช็อปให้สนุกยิ่งกว่าเดิม กับโปรโมชั่นสุดพิเศษที่ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ สำหรับสมาชิก ONESIAM และลูกค้าทั่วไป ที่ซื้อสินค้าและบริการภายในไอคอนสยาม, สยาม ทาคาชิมายะ และ ไอซีเอส ครบตามยอดที่กำหนด รับของสมนาคุณสุดพิเศษทันที พิเศษ!สำหรับลูกค้าที่สมัครสมาชิก  ONESIAM  ครั้งแรก จากการดาวน์โหลด ONESIAM SuperApp แลกรับของรางวัลรวมมูลค่า 300 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 30 ก.ย. 67
 
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก ONESIAM ช็อปภายในไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ (ตรงข้ามไอคอนสยาม)
  • สมาชิก ONESIAM ช็อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 400 บาท
  • สมาชิก ONESIAM ช็อปครบ 1,000 บาทขึ้นไป แลกรับคูปองส่วนลดจากร้านค้ามูลค่า 100 บาท เพื่อใช้กับร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ เอี่ยวไถ่, ปังสยาม, MOM’s Touch และ GOGO GYOZA & RAMEN
 
สำหรับสมาชิก ONESIAM ที่ช็อปภายในไอคอนสยาม รวมสยาม ทาคาชิมายะ
  • สมาชิก ONESIAM ช็อปครบ 7,000 บาทขึ้นไป แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 150 บาท  
  • สมาชิก ONESIAM ช็อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 1,500 บาท 
  • สมาชิก ONESIAM ช็อปครบ 150,000 บาทขึ้นไป แลกรับบัตรกำนัล Blue by Alain Ducasse มูลค่า 4,500 บาททันที
  • สมาชิก ONESIAM ช็อปครบ 500,000 บาทขึ้นไป แลกรับ  AirPods Pro รุ่นที่ 2 มูลค่า 8,990 บาททันที
โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย
     
นอกจากนี้ สำหรับสมาชิก ONESIAM เพียงรับประทานอาหารและเครื่องดื่มภายในไอคอนสยาม รวมสยาม ทาคาชิมายะ ครบ 1,000 บาทขึ้นไป แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 100 บาท  และพิเศษ! สำหรับสมาชิกสยาม ทาคาชิมายะ สะสมยอดซื้อภายในวันเดียวกัน จากร้านค้าที่ร่วมรายการ ครบ 8,000 บาท และ 60,000 บาท ขึ้นไป แลกรับคูปองเงินสดมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท 

พร้อมกันนี้  เมื่อซื้อ SIAM GIFT CARD ใบละ 10,000 บาท สามารถแบ่งจ่าย 0% นานสูงสุด 10 เดือน หรือแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18%* จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ  (*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี)
 
ช็อปสนุกกับโปรฯ สุดคุ้ม ในแคมเปญ  “HUNTING SEASON” ฤดูกาลล่าแบบไม่ต้องลุ้น! ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 2567  ไอคอนสยาม, สยาม ทาคาชิมายะ และ ไอซีเอส สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ www.iconsiam.com และ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ICONSIAM, ICS

‘ไทวัสดุ เคียงข้าง สร้างสุข’ ปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดแพร่

 


กรุงเทพฯ 20 กันยายน 2567 – ไทวัสดุ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จัดตั้งโครงการ ‘ไทวัสดุ เคียงข้าง สร้างสุข’ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ลงพื้นที่และร่วมบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดแพร่ โดยมี นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยนายคุณากร คชหิรัญ นายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ รับมอบน้ำดื่มและเงินบริจาครวมมูลค่า 75,000 บาท ที่หน้ามุขศาลากลางจังหวัดแพร่ ที่ผ่านมาไทวัสดุ ได้มีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดน่าน และเชียงราย โดยมีการระดมกำลังอาสาจากพนักงานไทวัสดุ เข้าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน เพื่อบริจาคน้ำดื่ม ถุงขยะ และสิ่งของอุปโภคบริโภค ตลอดจนร่วมทำความสะอาด ฟื้นฟู โรงเรียน วัดและอาคารสถานที่ต่างๆในชุมชนที่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังคงเร่งดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย


วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

เดวิด หวัง จากหัวเว่ย ชี้การสร้างระบบนิเวศใหม่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

 



เดวิด หวัง จากหัวเว่ย ชี้การสร้างระบบนิเวศใหม่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ[เซี่ยงไฮ้ประเทศจีน, 20 กันยายน 2567] ในงาน Huawei Connect 2024, เดวิด หวัง (David Wangกรรมการบริหารและประธานคณะกรรมการบริหารโครงสร้างพื้นฐาน ICT ของหัวเว่ย ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ" โดยนายหวังได้แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ของหัวเว่ย ในการช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และได้เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับการสร้างความอัจฉริยะในอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง


นายหวัง กล่าวว่า "การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะกำลังได้รับความนิยมในทุกอุตสาหกรรม และความก้าวหน้านี้กำลังสร้างโอกาสมหาศาลให้กับทุกคน"
เขายังกล่าวเสริมว่า "เราต้องการทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับอนาคต พร้อมกันนี้เราจะพัฒนาโซลูชันเฉพาะด้าน และสร้างพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์สำหรับเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตไปด้วยกัน มาร่วมกันคว้าโอกาสที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และส่งต่อประโยชน์ให้กับทุกคน ผมเชื่อว่าเราจะร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นได้"

 

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และคาดว่าจะพัฒนาไปอีกขั้น หัวเว่ยได้ระบุ 4 ขั้นตอนที่ประเทศต่าง ๆ สามารถปฏิบัติตามเพื่อการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ซึ่งแต่ละขั้นตอนเป็นการต่อยอดจากขั้นตอนก่อนหน้านี้

นายหวัง ชี้ว่า นวัตกรรมเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับความท้าทายและโอกาสที่เกิดจากกระบวนการนี้ โดยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะต้องถูกนำมาใช้ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นวัตกรรมตามสถานการณ์จะช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามช่องว่างทางดิจิทัล และระบบนิเวศอุตสาหกรรมใหม่จะสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคน

 

โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความอัจฉริยะที่เชื่อมต่อได้เก็บข้อมูลประมวลผลคลาวด์ และพลังงาน
หัวเว่ยสร้างโครงสร้างพื้นฐานรุ่นใหม่ด้วยนวัตกรรมระดับระบบใน สาขาหลัก: การเชื่อมต่อการเก็บข้อมูลการประมวลผลคลาวด์ และพลังงาน ในการเชื่อมต่ออัจฉริยะ หัวเว่ยใช้ความสามารถในการส่งข้อมูลสูงเพื่อเร่งการย้ายระบบไปยังคลาวด์อย่างรวดเร็ว และเพิ่มความอัจฉริยะตามความต้องการ ในการเก็บข้อมูลที่พร้อมรองรับอนาคต บริษัทได้สร้างโครงสร้างการเก็บข้อมูลที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมอัจฉริยะขนาดใหญ่ ในด้านการประมวลผล หัวเว่ยร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างระบบประมวลผลที่มั่นคงและระบบนิเวศอุตสาหกรรมครบวงจรด้วย Kunpeng และ Ascend เพื่อมอบทางเลือกใหม่ให้กับโลก

 

ในด้านคลาวด์ หัวเว่ยกำลังสร้างคลาวด์ที่ปรับให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ และสร้างพื้นที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังทำงานอย่างมากในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียวที่จะขับเคลื่อนโลกดิจิทัล

 

การเปิดตัว CANN 8.0 รุ่นใหม่และชุดเครื่องมือเปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน openMind เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมการประมวลผล
ในช่วง ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้พัฒนาธุรกิจการประมวลผลสองด้าน ได้แก่ Kunpeng สำหรับการประมวลผลทั่วไป และ Ascend สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับโลก จนถึงปัจจุบัน หัวเว่ยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร 7,600 ราย และนักพัฒนา 6.35 ล้านคน เพื่อพัฒนาโซลูชันอุตสาหกรรมกว่า 20,000 โซลูชันภายในระบบนิเวศเหล่านี้

Kunpeng ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในสถานการณ์สำคัญของอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่น บริการสาธารณะ การเงิน โทรคมนาคม และพลังงานไฟฟ้า openEuler ปัจจุบันครองอันดับหนึ่งในตลาดระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์ของจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 36.8% และมีการดาวน์โหลดกว่า 3.5 ล้านครั้ง ให้บริการแก่ผู้ใช้ในกว่า 150 ประเทศ

 

Ascend ยังได้สร้างชุดผลิตภัณฑ์ที่เปิดกว้างและใช้งานง่ายสำหรับการฝึกอบรมและการสรุปผล รวมถึงฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เครื่องมือปลายทางต่อปลายทาง และสถาปัตยกรรมการสนับสนุนฮาร์ดแวร์ CANN ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อเร่งการพัฒนาและนวัตกรรมของอัลกอริธึมแบบขนาน โมเดล และแอปพลิเคชัน

หัวเว่ยได้เปิดตัว CANN 8.0 รุ่นใหม่ในงานวันนี้ CANN เป็นรากฐานของระบบนิเวศ Ascend โดยสนับสนุนตัวดำเนินการพื้นฐานใหม่กว่า 200 ตัวสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างลึกซึ้ง ตัวดำเนินการรวมกว่า 80 ตัว และ API สำหรับการสื่อสารและการคูณเมทริกซ์กว่า 100 ตัว CANN 8.0 ย่นระยะเวลาการพัฒนาตัวดำเนินการรวมจาก เดือนต่อคนเหลือ 1.5 สัปดาห์ต่อคน ซึ่งช่วยเร่งนวัตกรรมเฉพาะ Ascend

หัวเว่ยยังเปิดตัวชุดเครื่องมือเปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน openMind ซึ่งจะเปิดให้บริษัทต่าง ๆ เร่งนวัตกรรม AI ของตนเอง ชุดเครื่องมือนี้จะช่วยให้บริษัทสร้างชุมชน AI ของตนเองได้อย่างรวดเร็วและสร้างระบบนิเวศที่เติบโตแข็งแกร่ง

นายหวัง อธิบายว่า หัวเว่ยทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างระบบนิเวศ Kunpeng และ Ascend และประกาศว่า หัวเว่ยจะลงทุน พันล้านหยวนต่อปีในโครงการพัฒนาระบบ Kunpeng และ Ascend ในอีกสามปีข้างหน้า โดยจะพัฒนาองค์กรที่เป็นพันธมิตรในการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะ Kunpeng และ Ascend กว่า 1,500 ราย

 

การเปิดตัวเอกสารปฏิบัติการ "Amplifying Industrial Digitalization & Intelligence" และโซลูชันหลัก 10 รายการสำหรับความอัจฉริยะในอุตสาหกรรม
ในปี 2566 หัวเว่ยได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมอ้างอิงสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะ ซึ่งได้ใช้พัฒนาโซลูชันอุตสาหกรรมกว่า 200 รายการ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการนำไปใช้ในวงกว้าง และ หัวเว่ยได้กำหนดโมเดลการใช้งานหลายรูปแบบสำหรับการเปลี่ยนแปลงเป็นดิจิทัลและความอัจฉริยะ

ในงานวันนี้ หัวเว่ยได้เปิดตัวเอกสารปฏิบัติการ "Amplifying Industrial Digitalization & Intelligence" ซึ่งมีกรณีศึกษา 100 รายการจากกว่า 20 อุตสาหกรรมเพื่อให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเปลี่ยนแปลงของตนเอง

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ 10 รายการสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น บริการสาธารณะ การเงิน การขนส่ง การผลิต พลังงานไฟฟ้า การทำเหมืองแร่ และน้ำมันและก๊าซ โดยใช้สถาปัตยกรรมอ้างอิงสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะเป็นพื้นฐาน

 

การเปิดตัวดัชนีการแปลงเป็นดิจิทัลทั่วโลก (Global Digitalization Index) และแผนการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลและอัจฉริยะเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลร่วมกัน
ในปี 2557 หัวเว่ยได้เปิดตัวรายงานดัชนีการเชื่อมต่อทั่วโลก (Global Connectivity Index หรือ GCI) ซึ่งดัชนีนี้วัดคุณค่าของการเชื่อมต่อและผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม นายหวัง กล่าวว่าการแปลงเป็นดิจิทัลมีผลกระทบมากขึ้นต่อเศรษฐกิจดิจิทัล หัวเว่ยและ IDC จึงตัดสินใจพัฒนาดัชนีการแปลงเป็นดิจิทัลทั่วโลก (Global Digitalization Index หรือ GDI) ใหม่ ซึ่งได้เปิดตัวในงานนี้เช่นกัน GDI พิจารณาตัวบ่งชี้ใหม่ที่ดูที่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการประมวลผล การเก็บข้อมูล คลาวด์ และพลังงานสีเขียว นอกจากนี้ยังวัดคุณค่าของอุตสาหกรรม ICT ของแต่ละประเทศและผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ

งานวิจัยนี้พบว่า การลงทุนใน ICT ทุก ๆ ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มีผลตอบแทน 8.3 ดอลลาร์สหรัฐในเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ หวัง ยังกล่าวว่า บริษัทจะทำงานต่อไปใน GDI เนื่องจากการใช้งานแอปพลิเคชันอัจฉริยะมีการขยายตัวมากขึ้น และจะนำไปสู่การสร้างดัชนีการแปลงเป็นดิจิทัลและอัจฉริยะทั่วโลก (Global Digitalization & Intelligence Index หรือ GDII) ซึ่งจะเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก

นายหวัง ยังได้กล่าวถึงวิธีที่ หัวเว่ยมุ่งมั่นในการให้การฝึกอบรมที่เน้นการปฏิบัติและใช้เทคโนโลยีให้กับกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ทั่วโลก หัวเว่ยวางแผนที่จะพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลและอัจฉริยะกว่า 10 ล้านคนภายในปี 2573 เพื่อสร้างพื้นที่อุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศดิจิทัลและอัจฉริยะเติบโต หวัง อธิบายว่า ด้วยวิธีนี้ หัวเว่ยจะมีส่วนร่วมในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับอุตสาหกรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยื

ยิปซัมตราช้าง ร่วมกับ มูลนิธิเอสซีจี ส่งมอบน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผ่านโครงการ "ธารน้ำใจ สู้ภัยน้ำท่วม" ปี 2567


 

บริษัท สยามอุตสาหกรรมยิปซัม (สระบุรีจำกัด หรือ "ยิปซัมตราช้างนำโดยคุณไพบูลย์ ถนอมกิจชัย ผู้อำนวยการฝ่ายขาย (ที่ 2 จากซ้าย) และคุณอมรรัตน์ วิเศษโกสิน ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (ซ้ายสุด) ร่วมมอบเงินบริจาคจากโครงการ "ธารน้ำใจ สู้ภัยน้ำท่วม" เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลากหลายจังหวัด ผ่านมูลนิธิเอสซีจี ในการจัดซื้ออุปกรณ์ยังชีพและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือและภาคอีสาน มุ่งบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ โดยมี   คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี (กลาง) พร้อมผู้บริหารร่วมรับมอบ ณ มูลนิธิเอสซีจี อาคาร 1

 

อินมาก!! “ณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ” ถ่ายทอดอารมณ์การสูญเสีย สุดเจ็บปวด ใน mv “ตรงนั้นวันนี้” วง “Bedroom Audio”

 


Bedroom Audio (เบดรูม ออดิโอ) ค่าย  Tero Music ปล่อยหมัดฮุคทำแฟนเพลงจุก บ่อน้ำตาแตก ปล่อยซิงเกิลที่2 “ตรงนั้นวันนี้” จากอัลบั้มที่3 “ Unlocked ‘n’ Roll”  อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดตัวสุดร้อนแรง! กับดนตรีร็อกเท่ๆ หนักแน่น ไปกับซิงเกิลแรก “หม้อรวม”  ซึ่งเพลง “ตรงนั้นวันนี้”  เป็นการเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในช่วงเวลาที่เรายังมีคนที่รักอยู่ข้างกายก็ควรที่จะโอบกอดความรู้สึกเหล่านั้นให้มากที่สุด ก่อนที่วันใดวันหนึ่งเราจะต้องลาจากกันตลอดไป   โดยมิวสิกกวิดีโอนี้ได้ “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” นักแสดงคุณภาพมากฝีมือ  มาถ่ายทอดการสูญเสียคนที่รัก, ลูก, ครอบครัวและสิ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในความทรงจำที่ต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกยังอยู่แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม   

 

โดย “แม่น- นักร้องนำ”  เล่าว่า  “ตรงนั้นวันนี้”  เล่าเรื่องของการสูญเสียคนที่รักและสิ่งที่มันหลงเหลืออยู่มันเป็นเรื่องของความทรงจำที่เราต้องหาทางจัดการกับมัน มันไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของคนรักที่เป็นผู้ชายรักผู้หญิง ผู้หญิงรักผู้ชาย หรือเป็นแฟนกัน ณ. วันนี้พอมีประสบการณ์ชีวิตเติบโตขึ้นทุกอย่างมันซับซ้อนขึ้น บางคนที่เราเสียไป หรือบางคนที่มันต้องจากกันไป มันไม่ได้มีเรื่องเลวร้ายให้จำ หลายเรื่องมันเป็นเรื่องดีๆ ที่มันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำ และเราที่ยังมีชีวิตอยู่ก็คงต้องจัดการกับความรู้สึกที่ยังอยู่กับเราแบบนี้ไปตลอดชีวิต  ผมชอบเพลง “ตรงนั้นวันนี้”  มากๆ ชอบบตั้งแต่วันที่เขียนเสร็จ ฟังคนเดียวอยู่นานมากๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ปล่อยเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะเอามันมาใช้งานยังไงจนถึงวันนี้ที่ทุกคนได้ฟังโดยพวกเรา Bedroom Audio

 

สุดท้ายผมก็อยากจะบอกว่าผมรักเพลงนี้มาก มันฝ่าฟันผ่านอะไรมาเยอะมากๆ วันนี้มันถึงหูทุกคนแล้วก็ฝากไว้ด้วยและฝากMV. ด้วย ครั้งนี้พวกเราได้รับเกียรติจากนักแสดงมากฝีมือพี่ “ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” พี่เขาถ่ายทอดได้เข้าถึงอารมณ์มากๆ  ผมดูแล้วร้องไห้แบบจริงจังเลย ทุกอย่างทุกเรื่องราวในMV. ขอบคุณผู้กำกับคนเก่ง “สุภเชษฐ์ ธนาวีรานนท์ หรือ เจ Vault82studio”  สื่อสารโดนใจ และตรงกับเพลงมากๆ ครับ

 

ด้าน “ณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ”  เผยว่า  ที่ตัดสินใจรับเล่นMV. “ตรงนั้นวันนี้” เพราะว่าด้วยเนื้อหาของเพลงและพล็อตเรื่องด้วย มันเป็นพล็อตเรื่องที่เศร้ามาก สิ่งที่มันรีเลทกับผมได้ตรงๆ เลยครับ คือ.. ผมในฐานะนักแสดงการที่เรามีลูกแล้ว ได้มาเล่นบทแบบนี้มันทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของคนเป็นพ่อจริงๆ บวกกับเนื้อเพลงที่มันตรงความรู้สึก     เราอีก  แบบมันคือเรื่องจริงของคนเป็นพ่อเป็นแม่ถ้าเกิดพร้อมมีอยากมีลูกจริงๆ แล้ววันหนึ่งมีลูกที่เป็นเหมือนความสุขทั้งชีวิตเขาเราเลย  เขาเติบโต เราคอยดูแลใส่ใจมันเป็นอะไรที่อะเมซิ่งมากๆ กับความรักในรูปแบบนี้          อยู่ดีๆวันนึงสูญเสียเขาไปเหมือนครึ่งหนึ่งของชีวิตมันถูกหายไป มันเหมือนแบบส่วนหนึ่งของใจมันหายไปเลย     จนมันไม่เหลือแรงที่จะไปรักใครได้อีกแล้ว ในMV.มีหลายซีนที่รู้สึกเจ็บปวด และจุกมากๆครับ เช่น ซีนที่ฟังข่าวจากคุณหมอรู้ว่าลูกป่วย, ซีนที่ภรรยาหวีผมให้ลูกสาว , ซีนที่ลูกจากไป ,ซีนนั่งดูภาพVDO เก่าของครอบครัว ฯลฯ โอ้โห!! มันปวดใจมมากๆ พ่อแม่ไม่ควรที่สูญเสียลูก หรือว่าฝั่งศพลูกจริงๆ ผมว่าคนมีลูกดูเพลงนี้แล้วน่าจะจึก เพลงนี้มันสื่อออกมาได้ดีเลย คือจริงๆแล้วคนเป็นคู่รักถ้าเกิดมีลูกแล้วก็อย่าลืมความสำคัญของกันและกันนะ บางทีมันถูกมองข้ามไปอย่างเช่นใน MV.  พอโลกที่เราสร้างด้วยกันมามันแตกสลาย พอเสียลูกไปกลายเป็นว่าคนสองคนนี้เขาหมดใจและหมดแรง ก็อยากให้เป็นเรื่องสำคัญของสามีหรือภรรยาในฐานะแบบชีวิตคู่ครับ อันนี้ผมอยากจะเสริมเองเพราะว่าผมอะได้ผ่านปัญหาเหล่านี้มาแล้ว ในบางทีที่เราโฟกัสกับลูกมากเกินไป  บางทีเราลืมเติมความรักให้กับคู่ของเราอันนี้สำคัญมากเลย ยังไงก็ขอฝากMV. นี้ด้วยนะครับ เป็นการหวนกับมารับเล่นMV. อีกครั้งในรอบ 10 กว่าปีของผมเลย ขอบคุณครับ

 

#ตรงนั้นวันนี้ #BedroomAudio #TeroMusic #ณัฏฐ์เทพหัสดินณอยุธยา

 


📌 ชม MV “ตรงนั้นวันนี้”   : https://youtu.be/hP8CRPKnnhY?si=XjkGHe0wgwCFNkQT

และฟังเพลงได้ทุกช่องทางสตรีมมิ่ง - ดาวน์โหลด :  https://lnk.to/TrongNanWanni

ติดตามทุกข่าวความเคลื่อนไหว Bedroom Audio ได้ที่ :  https://bio.to/BedroomAudio

 

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567

ทรูมันนี่ เปิดช่องทางบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมฯ ผ่านแอปทรูมันนี่ เข้า 5 มูลนิธิ

 


กรุงเทพฯ 20 กันยายน 2567 – ทรูมันนี่ ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นตัวกลางส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือที่ถึงแม้น้ำจะลดแล้วในหลายพื้นที่ ก็ยังต้องการได้รับความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดช่องทางให้ผู้บริจาคผ่านแอปพลิเคชัน ทรูมันนี่ เพื่อสมทบทุนการร่วมบริจาคเข้า 5 มูลนิธิและหน่วยงานที่กำลังดำเนินการบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทยมูลนิธิปอเต๊กตึ้ง,  มูลนิธิกระจกเงา และ มูลนิธิ Soi Dog  เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือวิกฤติภัยในครั้งนี้ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว ใน 5 ขั้นตอน 1. กดเลือกไอคอน ‘บริจาคให้มูลนิธิ’ บนแอปทรูมันนี่ 2. เลือกมูลนิธิฯ ที่ท่านต้องการบริจาค 3. กรอกยอดเงินบริจาค 4. เลือกช่องทางการชำระเงิน และ 5. กดยืนยันการชำระเงิน

 

สำหรับผู้สนใจบริจาคฯ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.truemoney.com/donation/  

ททท. ส่งท้ายโครงการ The One for Nature ครั้งที่ 3 “ยิ่งเที่ยว ยิ่งรักษ์” (Leave no Trace Behind) จัดกิจกรรมปลูกหญ้าทะเล ณ เกาะแตน สุราษฎร์ธานี ตอกย้ำแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 


  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งท้ายโครงการ The One for Nature ครั้งที่ 3 “ยิ่งเที่ยว ยิ่งรักษ์” (Leave no Trace Behind) ในแนวคิด Amazing Thailand : Your Stories Never End ด้วยกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) “ปลูกหญ้าทะเล” ในพื้นที่เกาะแตน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เพื่อสื่อสารแนวคิดสำคัญ “เที่ยวไทยแบบรักษ์โลก” ไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่สไตล์ Gen S - Gen Sustainability หรือ Green Gen รวมทั้งรณรงค์ปลุกจิตสำนึกด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และยั่งยืนในกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ และสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ (Quality Leisure Destination) อย่างยั่งยืน

         นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. 
เปิดเผยว่า ททท. ได้กำหนดนโยบายเพื่อมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวตระหนักรู้และเห็นคุณค่าของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบภายใต้โครงการ The One for Nature “ยิ่งเที่ยว ยิ่งรักษ์” (Leave no Trace Behind) ต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ โดยเน้นไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่สไตล์ Gen S - Gen Sustainability หรือ Green Gen ให้เที่ยวไทยแบบรักษ์โลกและร่วมกันสร้าง Your Green Side Stories ส่งต่อเรื่องราวความประทับใจในการท่องเที่ยวที่อยากบอกต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในการดูแล อนุรักษ์ และรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
ไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ (Quality Leisure Destination) อย่างยั่งยืน

         กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ปลูกหญ้าทะเล ณ เกาะแตน จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 16 กันยายน 2567 นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The One for Nature “ยิ่งเที่ยว ยิ่งรักษ์” (Leave no Trace Behind) โดยได้รับความร่วมมือจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนเกาะสมุย เพื่อร่วมกันฟื้นฟูหญ้าทะเล ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตของระบบนิเวศในท้องทะเล  ทั้งนี้ การปลูกขยายพันธุ์หญ้าทะเล จะช่วยสร้างสมดุลให้กับธรรมชาติ เป็นแหล่งที่พัก หลบภัย และเป็นอาหารของสัตว์ทะเล โดยเฉพาะพะยูน ซึ่งเป็นสัตว์ที่บ่งชี้ความสมบรูณ์ของทะเลได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากสัตว์ทะเลที่ได้ประโยชน์แล้ว ยังมีผลต่อวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยที่เป็นที่กล่าวขานถึงความอุดมสมบูรณ์และความงดงามในระดับโลก

         ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ททท. ได้ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ตามแนวคิดแคมเปญ Amazing Thailand Your Stories Never End เพื่อตอกยํ้าแนวคิดการสื่อสารหลักที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และชวนให้นักท่องเที่ยวมา Connect กับธรรมชาติและวิถีชีวิตรอบตัวในเมืองไทย ให้เกิดเป็นเรื่องราว Your Green Side Stories ที่อยากบอกต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุดผ่านกิจกรรมแคมเปญออนไลน์ ทางเว็บไซต์  www.tourismthailand.org/theonefornature  โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวร่วมออกแบบ E-Postcard และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมแฮชแท็ก #AmazingThailand #TheOneForNature ลุ้นรับรางวัลแพ็กเกจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พื้นที่ จ.พังงา ภูเก็ต พร้อมที่พัก 3 วัน 2 คืน จำนวน 3 รางวัล ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดี มีผู้ร่วมกิจกรรมมากกว่า 1,000 คน นอกจากนี้ ททท. ยังต่อยอดจัด On Ground Activity จัดบูธประชาสัมพันธ์เสริมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการฯ ในจังหวัดสำคัญด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร, ถนนคนเดิน อ่าวนาง จ.กระบี่, ถนนคนเดินวัวลายและถนนคนเดินท่าแพ จ.เชียงใหม่ และงานหนังฉายชายเล อำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่าความสำเร็จของโครงการ The One for Nature ตลอดระยะ 3 ปีนี้ จะช่วยสะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของ ททท. ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน และผลักดันประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับ ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกต่อไป

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่ www.tourismthailand.org/theonefornature  

--------------------------------------------------------------------------------------------

TAT wraps up 'The 3rd The One for Nature: Leave No Trace Behind' 
with seagrass planting at Ko Taen, Surat Thani, reinforcing
the concept of sustainable tourism

The Tourism Authority of Thailand (TAT) concludes 'The 3rd The One for Nature: Leave No Trace Behind' under the concept of Amazing Thailand: Your Stories Never End, featuring a Corporate Social Responsibility (CSR) activity which focuses on “seagrass planting” at Ko Taen, Surat Thani, with support from the Department of Marine and Coastal Resources (DMCR). The initiative aims to promote the key concept of “Eco-Friendly Travel in Thailand” to the younger generation, specifically Gen S - Gen Sustainability or Green Gen. It also seeks to raise awareness about conservation and sustainable tourism among international travelers and to enhance Thailand’s image as a quality leisure destination committed to sustainability.

Mr. Nithee Seeprae, TAT Deputy Governor for Marketing Communications, revealed that TAT
 has established a policy to promote conservation tourism, aiming to increase awareness and appreciation for responsible travel through 'The One for Nature: Leave No Trace Behind' now in its 3rd year. This initiative focuses on the younger generation, specifically Gen S - Gen Sustainability or Green Gen, encouraging them to travel in an eco-friendly manner and to create and share their “Your Green Side Stories.” The goal is to ensure that tourism contributes to environmental care and conservation while enhancing Thailand's image as a quality leisure destination committed to sustainability.

The Corporate Social Responsibility (CSR) activity of seagrass planting at Ko Taen, Surat Thani, on September 16, 2024, is part of the ‘The One for Nature: Leave No Trace Behind’. Supported by the Department of Marine and Coastal Resources and the Samui Community Tourism Association, this initiative aims to restore seagrass, which is crucial for marine ecosystems as it provides habitat, shelter, and food for marine life, particularly dugongs, which are indicators of a healthy sea. Beyond benefiting marine animals, the restoration of seagrass also positively impacts local communities and enhances Thailand's reputation as a globally renowned destination for its rich and stunning natural beauty.

In August, TAT promoted the project under the Amazing Thailand: Your Stories Never End campaign, reinforcing the core message of sustainable tourism. The campaign invited tourists to connect with nature and local lifestyles in Thailand, creating their “Your Green Side Stories” to share endlessly. This was facilitated through an online campaign on the website www.tourismthailand.org/theonefornature where tourists could design E-Postcards and share them on social media with hashtags #AmazingThailand and #TheOneForNature for a chance to win one of three conservation-focused travel packages to Phang Nga and Phuket, including a 3-day, 2-night stay. The campaign received a positive response, with over 1,000 participants. Additionally, TAT organized On Ground Activities with promotional booths in key tourist areas, including IconSiam in Bangkok, Ao Nang Walking Street in Krabi, Wualai Walking Street and Tha Phae Walking Street in Chiang Mai, and the Samui Film Festival in Ko Samui, Surat Thani. TAT hopes that the success of The One for Nature project over the past three years will reflect its commitment to promoting sustainable tourism in Thailand and further establish the country as a globally recognized sustainable tourism destination.

For more information about the project, please visit www.tourismthailand.org/theonefornature

CEA ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี เปิดประตูครัวเพชรบุรี จัดงาน “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” ชูเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโก

 


สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเพชรบุรีและสภาอุตสาหกรรมเพชรบุรี จัดงาน “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” ตอน “รสเพ็ดรี มีดีอยากอวดดดดด” มุ่งเน้นการสร้างภาพ ลักษณ์และสร้างการรับรู้ใหม่ให้กับอาหารท้องถิ่นเพชรบุรี พร้อมทั้งตอกย้ำให้ประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่มองเห็นว่าเพชรบุรี “มีดี” เรื่องอาหารอย่างไร พร้อมหยิบยก “ของดี” มาต่อยอดให้เกิดมูลค่า คุณค่า และโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมและขับเคลื่อนเพชรบุรีในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารภายใต้เครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network: UCCN) ในระหว่างวันที่ 18 - 22 กันยายน 2567 ณ ร้านหยวน หยวน สุกี้หม่าล่าสายพาน อาคารเคเบิ้ลคาร์ พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี

CEA ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี จัดงาน รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน (8).jpg


นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า “หลายคนคงทราบกันดีว่าจังหวัดเพชรบุรี ได้ชื่อว่าเป็น “เมือง 3 รส” ทั้งรสเปรี้ยวจากมะนาว รสหวานจากน้ำตาลโตนด และรสเค็มจากเกลือทะเล แต่ที่จริงแล้วเพชรบุรีเป็นเมืองที่มีมากกว่า 3 รส และยังมีรสอื่น ๆ อีกมากมายที่หลายคนอาจยังไม่ทราบและยังไม่ค่อยถูกพูดถึงนัก ซึ่งล้วนมาจากวัตถุดิบคุณภาพและภูมิปัญญาด้านการปรุงอาหารที่หลากหลายที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นิทรรศการในวันนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอและบอกเล่า “รสเพ็ดรี” ในวิถีแบบคนเพ็ดรีที่หลายคนอาจยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ผ่าน 7 เมนูที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นเสน่ห์ทางด้านรสชาติวัฒนธรรมการทำอาหาร และที่สำคัญคือวัตถุดิบที่หลากหลายและล้วนมีคุณภาพจากทั้ง 8 อำเภอของเพชรบุรี อันเป็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสในการต่อยอดและยกระดับอุตสาหกรรมด้านอาหารของเพชรบุรีให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนเพชรบุรี ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นเครือข่ายสมาชิกเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี 2564 โอกาสนี้ต้องขอขอบคุณสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่ร่วมผลักดันกิจกรรมการต่อยอดอัตลักษณ์และการนำเสนออาหาร “รสเพ็ดรี” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างภาพจำใหม่ให้กับอาหารและรสชาติท้องถิ่นของเพชรบุรี ทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักรสชาติที่แท้จริงของเพชรบุรี อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าที่เชื่อมโยงการบูรณาการเชิงพื้นที่ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคชุมชน บนพื้นฐานของการนำเสนออัตลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรีมาอย่างต่อเนื่อง”


CEA ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี จัดงาน รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน (11).jpg


 

นายพิชิต วีรังคบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เผยว่า “CEA เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกทุกเมืองในประเทศไทย รวมถึงจังหวัดเพชรบุรี ปีนี้เราได้จัดกิจกรรม “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” ตอน “รสเพ็ดรี มีดีอยากอวดดดดด” ร่วมกับสำนักงานจังหวัดเพชรบุรีและสภาอุตสาหกรรมเพชรบุรี เพื่อสานต่ออัตลักษณ์ของอาหารเมืองเพชรบุรีให้เกิดเป็น “รสเพ็ดรี” กิจกรรมนี้ CEA บอกเล่าถึงความโดดเด่นและความพิเศษของวัตถุดิบที่หลากหลายของอาหารเพชรบุรี ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่น ครีเอตเป็นกิจกรรมถ่ายทอดอาหารผ่าน “สายพาน” แห่งวัฒนธรรมการกินร่วมสมัย เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรสชาติ สัมผัสวิถีแห่งการกิน พร้อมเรียนรู้เรื่องราวของจังหวัดและของดีด้านอาหารเมืองเพชรบุรี เสมือนกับได้ท่องเที่ยวทั่วทั้งจังหวัดผ่านมุมมองด้านอาหาร สร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับคนเพชรบุรี รวมถึงกระตุ้นการบริโภคอาหารท้องถิ่น นอกจากนี้ยังสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ได้เห็นว่าเพชรบุรี “มีดี” เรื่องอาหาร และนำ “ของดี” ที่มีมาต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่า คุณค่า โอกาสทางเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ของเมือง และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของผู้คนในจังหวัด”


CEA ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี จัดงาน รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน (17).jpg


นิทรรศการ “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” ตอน “รสเพ็ดรี มีดีอยากอวดดดดด” นับเป็นครั้งแรกของนิทรรศการสร้างสรรค์ด้านอาหาร ที่เสิร์ฟความอร่อยผ่านสายพาน ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสประสบการณ์การกินอย่างลึกซึ้ง ทั้งการชิมรสอาหาร ชมวัตถุดิบ พร้อมเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์และอาหารท้องถิ่นของเพชรบุรี

 


 

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รสเพ็ดรี มีดีอยากอวดดดดด” ใน 4 ด้าน ได้แก่

1. “อวดดี” โชว์ขุมทรัพย์ผลผลิตทางภูมิศาสตร์และวัตถุดิบท้องถิ่นที่หลากหลาย เช่น น้ำตาลโตนด
เกลือสมุทร มะนาวแป้น พริกกะเหรี่ยง และอาหารทะเลสด

2.“อวดเก่ง” นำเสนอวัฒนธรรมภูมิปัญญาอันรุ่มรวยจากหลากหลายชาติพันธุ์ ทั้งจากไทย จีน มุสลิม และมอญ ผ่านการปรุงอาหารและการใช้วัตถุดิบทั้งจากในวังและชาวบ้านที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

3.“อวดฉลาด” ต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมด้านอาหารเชิงสร้างสรรค์ที่สะท้อนความทันสมัย โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการรังสรรค์เมนูที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม

4.“อวดรวย” เมื่อผนวกทั้งสาม “อวด” เข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผ่านการนำเสนอจุดเด่นของอาหารเพชรบุรีในรูปแบบใหม่ พลิกโฉมมุมมองอาหารเพชรบุรี ต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรมและความเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโก “ก่อนไม่มีให้อวด” ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน และเปิดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดสากล โดยเน้นการเพิ่มมูลค่าของอาหารท้องถิ่นและวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์

 

นิทรรศการ “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” นำเสนอ 2 กิจกรรมหลัก ดังนี้

 

      1)  กิจกรรมสัมผัสความอร่อยของอาหารและรสชาติแบบ “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” โดยนำเสนอ
7 เมนูที่สร้างสรรค์โดยเชฟเปอร์โยต์-กิจณรงค์ จันทร์ปลูก เจ้าของร้านรัญจวนใจ และคุณแพร-พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์ 
Food Curator เจ้าของเพจ Pear Is Hungry สะท้อนวิถีการกินแบบคนเมืองเพชร และรสเพ็ดรีที่ไม่ได้มีดีแค่
3 รส (รสหวานจากน้ำตาลโตนด รสเปรี้ยวจากมะนาวแป้น รสเค็มจากเกลือสมุทร) โดยทุกเมนูใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงซึ่งเป็น “ของดี” ของเพชรบุรีเอง สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสำรองที่นั่งเข้าร่วมกิจกรรมในระหว่างวันที่ 19 - 22 กันยายน 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้

·      วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน  รอบ 19.00 - 20.00 น.

·      วันศุกร์ที่ 20 กันยายน  รอบ 19.00 - 20.00 น.

·      วันเสาร์ที่ 21 กันยายน  รอบ 19.00 - 20.00 น.

·      วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน  รอบ 11.00 - 12.00 น. 13.00 - 14.00 น. 18.00 - 19.00 น.

*จำกัดการเข้าร่วมรอบละ 30 ท่าน จำนวน 6 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง โดยมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม 250 บาท/ท่าน (เป็นค่าวัตถุดิบสำหรับมื้ออาหารจำนวน 7 เมนู และเครื่องดื่ม)

สำรองที่นั่งได้ที่: https://forms.gle/skGiyysD97xoUL8U9


2) นิทรรศการ “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” ที่รวบรวมข้อมูลและแหล่งติดต่อวัตถุดิบคุณภาพจากจังหวัดเพชรบุรีที่นำมาใช้รังสรรค์เมนูทั้ง 7 เมนู เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจสามารถนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปต่อยอดธุรกิจอาหารของตนเอง โดยเชื่อมโยงผู้ประกอบการท้องถิ่นกับนักลงทุน เพื่อพัฒนาวัตถุดิบและเมนูให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เอกลักษณ์ (Signature Product) ประจำจังหวัดเพชรบุรี มุ่งขับเคลื่อนเพชรบุรีสู่การเป็นครัวโลก และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) ตลอดจนพัฒนาระบบนิเวศด้านอาหารของเพชรบุรีให้เติบโตอย่างยั่งยืน อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอาหารของจังหวัดในอนาคต

 

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน “รสเพ็ดรี สุกี้สายพาน” จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่นำพาเพชรบุรี เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารขององค์การยูเนสโก ก้าวสู่เส้นทางสายอาหารที่จะยังประโยชน์ให้แก่ระบบนิเวศอาหารท้องถิ่น เป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของเพชรบุรีให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับกระตุ้นให้คนในพื้นที่ตระหนักถึงคุณค่าและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อรักษาให้ยังคงอยู่ได้ต่อไปและต่อยอดสู่การสร้างมูลค่าและคุณค่าในอนาคต” นายพิชิต กล่าวทิ้งท้าย



#รสเพ็ดรีสุกี้สายพาน #รสเพ็ดรี #สุกี้สายพาน #เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร #เพชรบุรี #เมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก #CEA


ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...