วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567

CPF ชูนวัตกรรมเลี้ยงสัตว์ด้วยโปรไบโอติกส์ ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ "หมู-ไก่-เป็ด-กุ้ง"สู่ผู้บริโภค

 


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มุ่งมั่นผลิตและส่งมอบเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัยสูงสุดสู่ผู้บริโภค ด้วยกระบวนการเลี้ยงที่ใช้นวัตกรรม
โปรไบโอติกส์ (Probiotics) ผสมในอาหารสัตว์ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เนื้อหมู ไก่ เป็ด กุ้ง ตอบโจทย์ดีต่อสุขภาพคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ล่าสุด พัฒนานวัตกรรม
อาหารสำหรับจุลินทรีย์ในไบโอแก๊ส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าในฟาร์มสุกร ช่วยบำบัดน้ำเสีย ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน    
   
ดร.ไพรัตน์ ศรีชนะ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักวิชาการอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ใส่ใจและให้ความสำคัญกับกระบวนการเลี้ยงสัตว์
ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตอาหารสัตว์ที่เรามุ่งมั่นวิจัยและพัฒนา นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ ภายใต้หลักคิดอาหารที่
ส่งเสริมให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรงตามธรรมชาติ ส่งผลให้เนื้อสัตว์มีคุณภาพดี พร้อมส่งมอบสู่ผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามหลักสุขภาพหนึ่งเดียว
(One Health) ตอบโจทย์การผลิตอาหารปลอดภัยและยั่งยืน      

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับหลักโภชนาการแม่นยำ ด้วยการพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่ตรงกับความต้องการของสัตว์ในแต่ละช่วงวัย ควบคู่กับกระบวนการเลี้ยงตามหลั
สวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดที่มีการป้องกันโรค ทำให้สัตว์มีความเป็นอยู่สุขสบายในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงทำให้สัตว์
ไม่ป่วยและไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ส่งผลทำให้ได้เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพดี ปลอดสารตกค้าง ลดการปลดปล่อยสารอาหารส่วนเกินสู่สิ่งแวดล้อม อาทิ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
 เป็นต้น
     
นอกจากนั้น ซีพีเอฟ ได้คิดค้น วิจัยและพัฒนานวัตกรรมโปรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของสัตว์ ทำให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง
สามารถต่อต้านเชื้อก่อโรคได้ดี โดยคัดเลือกจากฐานข้อมูลจุลินทรีย์ในห้องปฏิบัติการ จนได้โปรไบโอติกส์ที่ดีที่สุดเพียง 10 สายพันธุ์ ผสมในอาหารสัตว์ ทั้งหมู ไก่ เป็ด
ได้เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์ CP อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อหมู ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ ผลิตภัณฑ์เนื้อเป็ด และผลิตภัณฑ์กุ้ง CP Pacific ซึ่งผลิตภัณฑ์กุ้งมาจาก
กระบวนการเพาะเลี้ยงตามหลัก 3 สะอาด คือ ลูกกุ้งสะอาด น้ำสะอาด บ่อสะอาด ใส่ใจทุกขั้นตอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม            
   
กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษ์โลก เน้นการเลี้ยงด้วยอาหารนวัตกรรมจากธรรมชาติ 100 % อาทิ หมูชีวา (Cheeva Pork) จากแบรนด์ U FARM เนื้อหมูที่อุดมด้วย
โอเมก้า 3 มาจากการเลี้ยงสุกรด้วย Super Food เช่น Flax Seed น้ำมันปลา สาหร่ายทะเลลึก ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล ปลอดสาร
ปลอดภัย ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยง ได้รับการรับรองมาตรฐานโดย NSF สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต ช่วยลดไนโตรเจนในมูลสุกร
20-30 %  ผลิตภัณฑ์ไก่เบญจา (Benja Chicken) มาจากการเลี้ยงไก่ด้วย ข้าวกล้อง Flax Seed ทำให้เนื้อไก่มีโอเมก้า 3 กลิ่นหอม เนื้อนุ่มและฉ่ำ
ได้รับการรับรองมาตรฐานโดย NSF เช่นกัน  ผลิตภัณฑ์เป็ดจักรพรรดิ (Chakkraphat Duck) แบรนด์ U FARM มาจากเป็ดที่ถูกคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดี
 เลี้ยงด้วยอาหารจากธัญพืชที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ทำให้เป็ดเนื้อนุ่มฉ่ำกว่าเนื้อเป็ดทั่วไป  
           
นอกจากซีพีเอฟให้ความสำคัญสูงสุดในการส่งมอบเนื้อสัตว์คุณภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคแล้ว บริษัทฯ ยังตระหนักถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ในบ่อไบโอแก๊ส ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย เพิ่มผลผลิตแก๊สมีเทน
เพิ่มความเข้มข้นแก๊สมีเทนสำหรับใช้ในการปั่นไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และทำให้คุณภาพน้ำเสียจากการบำบัดดีขึ้น โดยในปี 2566 นำไปใช้ในฟาร์มสุกร
แล้วรวม 70 แห่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปั่นไฟ ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าในฟาร์ม และในอนาคตวางแผนวิจัยและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อนำไปใช้ใน
ฟาร์มของซีพีเอฟและฟาร์มภายนอก ./

ฟอร์ติเน็ต จับมือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ลงนามความร่วมมือ ร่วมพัฒนา ถ่ายทอดทักษะไซเบอร์ซีเคียวริตี้สร้างกำลังพลรับมือภัยคุกคามในธุรกิจ-อุตสาหกรรม ด้วยใบรับรองระดับโลกจากฟอร์ติเน็ต นักศึกษาสามารถให้นำไปใช้สมัครงานได้ทั่วโลก

 


ฟอร์ติเน็ต ผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนการผสานรวมของระบบเน็ตเวิร์กกิ้งและซีเคียวริตี้ เดินหน้าจับมือภาคการศึกษา ลงนามความเข้าใจความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (RMUTK) เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตร ถ่ายทอดองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ มีเป้าหมายในการผลิตบุคลากรด้านไซเบอร์ 100 คนต่อปีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทั้งภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม พร้อมเพิ่มโอกาสการทำงานในระดับโลกด้วยใบรับรองจากฟอร์ติเน็ต

ภัคธภา ฉัตรโกเมศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟอร์ติเน็ต กล่าวว่า การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพนี้ ฟอร์ติเน็ตจะให้การสนับสนุนด้านหลักสูตรแก่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ระดับ Awareness ต่อเนื่องไปจนถึงระดับ Expert อีกทั้งยังให้การสนับสนุน Voucher แก่บุคลากรและนักศึกษาเพื่อการสอบใบรับรองของทางฟอร์ติเน็ตในแต่ละระดับ โดยใบรับรองนี้จะเป็นใบรับรองระดับโลกที่สามารถนำไปใช้สมัครงานได้ทั่วโลก

จากผลสำรวจช่องว่างด้านทักษะของฟอร์ติเน็ต ใบรับรองด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ถือเป็นสิ่งที่ผู้ว่าจ้างทั่วโลกต้องการ เพราะนอกเหนือจากประสบการณ์ ผู้ว่าจ้างมองว่าใบรับรอง และการฝึกอบรมเป็นเครื่องยืนยันถึงทักษะของบุคคลนั้นได้อย่างน่าเชื่อถือ โดย 90% ของผู้นำธุรกิจเลือกที่จะจ้างคนที่ได้ใบรับรองที่เน้นเรื่องเทคโนโลยี

“ในฐานะผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ฟอร์ติเน็ตตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงของภัยคุกคาม ฟอร์ติเน็ต เราจึงมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการที่จะทำงานร่วมกับภาคการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อร่วมสร้างบุคลากรคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ” ภัคธภา กล่าว

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของฟอร์ติเน็ตที่จัดทำโดยไอดีซีเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ในประเทศไทยขยายเพิ่มถึงสองเท่าตัว กว่า 50% ขององค์กรรายงานถึงการโจมตีในปี 2023 ที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2022

รองศาสตราจารย์ ดร.พิชัย จันทร์มณี อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กล่าวว่า จากปัญหาภัยคุกคามด้านความปลอดภัยบนไซเบอร์ที่เพิ่มสูงมากขึ้น ทำให้ความต้องการบุคลากรมืออาชีพที่มีทักษะ ความเชี่ยวชาญ มีความสามารถดูแล ป้องกัน และรักษาความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ การร่วมมือกับฟอร์ติเน็ตจะช่วยให้มหาวิทยาลัยส่งมอบความรู้และทักษะด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ให้กับคณาจารย์และนักศึกษาเพื่อสร้างบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัยในการเป็น มหาวิทยาลัยชั้นนำทางเทคโนโลยี แหล่งวิทยาการเฉพาะทางชั้นสูง มุ่งสู่การพัฒนานวัตกรรม

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้ อาทิ หลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และระบบไอโอที คณะวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ และหลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะบริหารธุรกิจ

ทางมหาวิทยาลัยมีแผนที่จะเปิดหลักสูตรวิศวกรรมเครือข่ายและปัญญาประดิษฐ์ของสรรพสิ่ง ในสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มเติม โดยหลักสูตรจะเน้นไปที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การสื่อสารไร้สาย และปัญญาประดิษฐ์ที่มีการสื่อสารเชื่อมโยงกันผ่านเครือข่าย ซึ่งในหลักสูตรจะมีการเรียนการสอนเนื้อหาจากฟอร์ติเน็ต เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าทดสอบเพื่อได้ใบรับรองทาง Network Security ของฟอร์ติเน็ตก่อนจบการศึกษา

“ความร่วมมือของฟอร์ติเน็ตและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือเพื่อช่วยกันพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญพร้อมพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยบนไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง ทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการบุคลากร และเพื่อเป็นแรงสนับสนุนสำคัญให้กับทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยจากภัยคุกคามที่จะมีผลต่อทั้งธุรกิจและเศรษฐกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต จากหลักสูตรที่ได้มีการเปิดสอนที่เกี่ยวกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ทั้งจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะบริหารธุรกิจ และหลักสูตรที่คาดว่าจะเปิดสอน รวมถึงหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น จำนวนบุคลากรทางไซเบอร์ที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการสร้างอยู่ประมาณ 100 คน ต่อปี” รองศาสตราจารย์ ดร.พิชัย กล่าว

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยมีแผนที่จะเปิดศูนย์ฝึกอบรมทางด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เพื่อให้การอบรมกับบุคลากรของมหาวิทยาลัย นักศึกษา ตลอดจนถึงบุคคลภายนอก เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ Reskill/Upskill อีกด้วย

“โฮมโปร x เมกาโฮม” แจกรางวัลใหญ่รถยนต์ ‘ISUZU SPACECAP’ พร้อมแสดงความยินดีกับผู้โชคดี จากแคมเปญร่วมฉลองครบรอบแบบยิ่งใหญ่

 


โฮมโปร x เมกาโฮม จัดแคมเปญ “ร่วมฉลองครบรอบแบบยิ่งใหญ่” ครบรอบ 27 ปี โฮมโปร และ 10 ปีเมกาโฮม แจกรางวัลใหญ่รถยนต์ ISUZU SPACECAP 1.9 DA M/จำนวน รางวัล มูลค่า 635,000 บาท พร้อมแสดงความยินดีกับสมาชิกโฮมโปรผู้โชคดีจากสาขาภูเก็ต

 

นายวิเชียร เจียมวิจิตรกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด พร้อมคณะบุคลากรจาก โฮมโปร และ เมกาโฮม’ ร่วมส่งมอบความสุขรับต้นปี 2567 ด้วยการจับรายชื่อและประกาศผลผู้โชคดีจากแคมเปญ ร่วมฉลองครบรอบแบบยิ่งใหญ่ ที่จบแคมเปญไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2566  โดยได้มอบรางวัลใหญ่รถยนต์ ISUZU SPACECAP 1.9 DA M/จำนวน รางวัล มูลค่า 635,000 บาท ให้กับผู้โชคดี คุณชาญชัย ส่งตระกูล สมาชิกโฮมโปร สาขาภูเก็ต

 

สำหรับการแจกรางวัลภายใต้แคมเปญ ร่วมฉลองครบรอบแบบยิ่งใหญ่ นับเป็นการคืนกำไรครั้งใหญ่ที่โฮมโปรและเมกาโฮม ตั้งใจมอบเป็นของขวัญในโอกาสครั้งพิเศษผ่านโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกโฮมการ์ด อาทิ ส่วนลดสินค้าเรื่องบ้านสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 24 เดือน, สิทธิ์ลุ้นของรางวัล ฯลฯ ซึ่งได้มีการแจกของรางวัลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี 2566 โดยโฮมโปรได้ทำการแจกรางวัลสร้อยคอทองคำหนัก สลึง มูลค่า 8,750 บาท (ราคาทองคำ ณ วันที่ 17 ต.ค. 66) ให้กับผู้โชคดีที่เป็นสมาชิกโฮมการ์ด จำนวน 100 รางวัล รวมถึงการมอบรางวัลใหญ่ในครั้งนี้ รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 1,510,000 บาท

 

ร่วมฉลองครบรอบแบบยิ่งใหญ่ เป็นแคมเปญที่ลูกค้าของโฮมโปรและเมกาโฮมให้การตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนได้จากจำนวนยอดขายและสิทธิ์การร่วมลุ้นรางวัล ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจนเกินเป้าที่ตั้งไว้ นับว่ากิจกรรมคืนกำไรครั้งใหญ่นี้ เป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มต้นเข้าสู่ปีใหม่ ของโฮมโปร และเมกาโฮม ที่ทั้งสององค์กรจะให้ความมุ่งมั่นสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ตลอดทั้งปี 2567 นี้ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับบริษัทตลอดมา

 

พบกับกิจกรรมและสิทธิประโยชน์พิเศษแบบนี้ได้ เพียงกดติดตาม FB: HomePro Thailand (https://www.facebook.com/homeprothailand) และ FB: เมกาโฮม ถูก ดี ครบ จบทุกงานช่าง (https://www.facebook.com/MegahomeCenter?locale=th_TH) ช้อปง่ายๆ สินค้าและบริการคุณภาพ ที่โฮมโปรและเมกาโฮม ทุกสาขาใกล้บ้าน

 

#Homeproanniversary #โฮมโปร27ปี #เมกาโฮม10ปี #โฮมโปรxเมกาโฮม #เรื่องบ้านโฮมโปรคือคำตอบ #โฮมโปร #HomePro #homeprothailand #เมกาโฮมงานช่าง #เมกาโฮม #MegaHome #Homepropr

อิออน จับมือ มาสเตอร์การ์ด เปิดตัว “บัตรเครดิต ดิจิทัล อิออน เน็กซ์เจน” พลิกรูปแบบการใช้จ่าย ตอบไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

 


นายซึโทะมุ โอโมะเดะระ (ที่สองจากขวากรรมการผู้จัดการ และ นางสุพร วัธนเวคิน (ที่สามจากซ้ายกรรมการบริหาร บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายโจนาธาน วูด (ที่สามจากขวา), ผู้จัดการประจำประเทศไทยและพม่า มาสเตอร์การ์ด เปิดตัว“บัตรเครดิต ดิจิทัล อิออน เน็กซ์เจน” ครั้งแรกของบัตรเครดิตดิจิทัลจากอิออน ให้การใช้จ่ายเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

กรุงเทพฯประเทศไทย – วันที่ 30 มกราคม 2567 – บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โดย นายซึโทะมุ โอโมะเดะระ กรรมการผู้จัดการ และนางสุพร วัธนเวคิน กรรมการบริหาร ร่วมกับ มาสเตอร์การ์ด (Mastercard) โดย นายโจนาธาน วูด ผู้จัดการประจำประเทศไทยและพม่า เปิดตัว “บัตรเครดิต ดิจิทัล อิออน เน็กซ์เจน” (AEON NextGen Digital Credit Card) ครั้งแรกของอิออนที่ออกบัตรเครดิตดิจิทัล โชว์นวัตกรรมและโซลูชันที่ยืนยันความปลอดภัยแบบขั้นสูง พร้อมพลิกโฉมรูปแบบการใช้จ่ายสู่ความเป็นดิจิทัลเต็มขั้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความต้องการที่หลากหลาย และเกาะติดเทคโนโลยี  ให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายหมดกังวลไม่ต้องพกบัตร  ให้ทุกการใช้จ่ายสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมสิทธิประโยชน์ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ หรือแผนการผ่อนชำระ 0% กับร้านค้า และทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ร่วมรายการ 

 

บัตรเครดิต ดิจิทัล อิออน เน็กซ์เจน สมัครและยืนยันการใช้งานผ่าน AEON Mobile App ให้ทุกการใช้จ่ายสะดวก ปลอดภัย และสุดคุ้มกับการเก็บโค้ดส่วนลดประจำเดือน เพื่อนำไปชอปสินค้าออนไลน์จาก Shopee, Lazada, Grab Food, foodpanda  เป็นต้น พิเศษโปรโมชันเปิดตัว รับสิทธิประโยชน์สุดปังถึงสองต่อเพียงสมัครและลงทะเบียนผ่าน AEON Mobile App  รับสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่กำหนด ต่อที่หนึ่งรับเครดิตเงินคืน 200 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรครบ 5,000 บาท ขึ้นไป ต่อที่สองรับ Lazada e-Coupon มูลค่า 1,800 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรครบ 15,000 บาท ขึ้นไป*  เพียงลงทะเบียนร่วมรายการผ่าน SMS โดยพิมพ์ NG@ ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก (ไม่เว้นวรรค) ส่งมาที่ 4221475 หรือ ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน AEON Mobile App หรือ aeon.co.th มาใช้จ่ายแบบดิจิทัลเต็มขั้นได้ก่อนใคร ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2567

 

รายละเอียดเพิ่มเติม และติดตามข่าวสารจากอิออนได้ที่ aeon.co.th หรือ AEON Mobile App, Facebook AEON Thana Sinsap และ AEON LINE Official

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด • โปรดตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมที่จุดขาย หรือ aeon.co.th และสื่อประชาสัมพันธ์อื่นของบริษัท

“อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” จัดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024 ร่วมจับมือพันธมิตรสำคัญ ผลักดันผู้ประกอบการไทยฟื้นสู่เวทีโลก

 


นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย  จับมือพันธมิตร แถลงข่าวร่วมกันจัดงาน “Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2024” (JGAB 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่กว่า 22,000 ตร.ม. โดยงานนี้เป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก คาดปีนี้จะมีผู้ซื้อคุณภาพทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย จากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ร่วมผลักดันผู้ประกอบการกลุ่มอัญมณีเครื่องประดับไทยฟื้นกลับสู่เวทีโลก ด้วยการสนับสนุนจากมาตรการ "SME ปัง ตังได้คืน" โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ภายใต้การดำเนินงานของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  โดยมี นายอภิชิต ประสพรัตน์  รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบัน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) นางประพีร์ สรไกรกิติกูล ประธานคณะกรรมการสมาคมกลุ่มอัญมณีเครื่องประดับโลหะมีค่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสุทธิพงษ์ ดํารงค์สกุล นายกสมาคมการค้าอัญมณีและเครื่องประดับอาเซียน นายสิทธิศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง นายกสมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทย และ                                   นายมงคล มณีสินธพ นายกสมาคมช่างทองไทย ร่วมแถลงข่าว ณ โรงแรม โซ แบงคอก เมื่อเร็วๆ นี้


ข้าวมาบุญครอง ออกบูธต้อนรับเทศกาลข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู

 



นายกันต์กร นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการฝ่ายค้าปลีกสมัยใหม่ บริษัท ข้าวมาบุญครอง จำกัด (ที่ จากซ้าย) ร่วมออกบูธในงาน เทศกาลข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู คัดสรรคุณภาพ จากแปลงนาสู่ผู้บริโภค” ยกทัพผลิตภัณฑ์ข้าวหอมมะลิใหม่ต้นฤดู 100% จากแปลงนาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI  มาจำหน่ายในราคาสุดพิเศษ เพื่อมอบความอร่อย สดใหม่ ให้ผู้บริโภคได้ทานหลังช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว พร้อมให้การต้อนรับ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน (ที่ จากซ้าย) ที่ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และเยี่ยมชมบูธข้าวมาบุญครอง  โดยมี นางสาวมัลลิกา บุระขันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท พี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ที่ จากซ้าย) ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจในเครือข้าวมาบุญครอง ร่วมให้การต้อนรับ ณ แม็คโคร สาขาแจ้งวัฒนะ เมื่อเร็ว ๆ นี้

SAWAD เตรียมควักเงิน 3.2 พันลบ. จ่ายคืนเงินหุ้นกู้ครบดีล หลังนำเงินลุยธุรกิจสำเร็จตามแผน ดันผลงานเติบโตแกร่ง

 


SAWAD ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจที่มีเสถียรภาพ เตรียมนำเงินสดกว่า 3,246.90 ล้านบาท ชำระคืนหุ้นกู้พร้อมดอกเบี้ยที่ครบกำหนดไถ่ถอน รุ่น สะท้อนสถานะการเงินแข็งแกร่ง ด้านผู้บริหาร ธิดา แก้วบุตตา ระบุ หุ้นกู้ SAWAD ทุกรุ่นได้ดำเนินการชำระดอกเบี้ยและไถ่ถอนครบตรงกำหนดทุกงวด สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นกู้ของศรีสวัสดิ์ ย้ำชัดเงินระดมทุนนำไปใช้ตามแผนงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในเครือศรีสวัสดิ์

 

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ อายุ ปี (SAWAD241A) จำนวน 1,550 ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 27 มกราคม 2567 และหุ้นกู้ชุดที่ 2/2563 อายุ ปี เดือน (SAWAD242A) จำนวน 1,696.90 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดยบริษัทได้เตรียมเงินสดเพื่อชำระคืนหุ้นกู้พร้อมอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ทั้งสองชุด รวมมูลค่า 3,246.90 ล้านบาทไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นกู้โดยรวมที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีอยู่มาก สำหรับ SAWAD พร้อมให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัททุกราย ที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินหุ้นกู้ครบตามกำหนด โดยล่าสุดได้จ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด รุ่น คือ SAWAD241A เรียบร้อยแล้ว และเตรียมเงินสดเพื่อชำระหุ้นกู้SAWAD242A ที่จะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาการระดมเงินทุนในการเสนอขายหุ้นกู้ทุกครั้ง บริษัทได้นำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตแก่บริษัท สะท้อนได้จากสถานะการเงินที่แข็งแกร่งที่ได้ชี้แจงต่อผู้ลงทุนในทุกไตรมาส จึงอยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่ได้นำเงินมาใช้ในการขยายธุรกิจตามวัตถุประสงค์ รองรับการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อทั้งในไทยและต่างประเทศตามแผนงาน ” ธิดา กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ในปี 2567 เพื่อนำเงินขยายธุรกิจรองรับกับความต้องการสินเชื่อที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการเก็บข้อมูลของบริษัท และได้ปัจจัยหนุนจากการปล่อยสินเชื่อในภาคธนาคารที่หดตัวลง ส่งผลให้ผู้บริโภคขอสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารมากขึ้น ซึ่งจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ได้รับการจองซื้อจากผู้ลงทุนครบเต็มวงเงินจัดสรรและเกินส่วนสำรองเสนอขายเพิ่มเติมร่วม 80% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นกู้ของบริษัทเป็นอย่างดี

วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2567

เรียนภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติผ่านโปรแกรม English Weekend School ที่ ร.ร.นานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ กรุงเทพฯ

 


โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ กรุงเทพฯ เปิดโอกาสให้กับน้อง ๆ จากโรงเรียนต่าง ๆ เข้ามาสัมผัสการเรียนภาษาอังกฤษกับครูเจ้าของภาษา ในบรรยากาศโรงเรียนนานาชาติ ผ่านโปรแกรม English Weekend School  โปรแกรมการเรียนเสริมภาษาอังกฤษช่วงสุดสัปดาห์  เน้นการเรียนกลุ่มเล็กไม่เกิน 20 คนต่อห้อง และมีครูผู้ดูแลถึง 2 ท่าน เพื่อสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้อย่างทั่วถึง ครบถ้วนทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน และเขียน  เน้นการสื่อสารที่ใช้ได้จริงผ่านกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน และเสริมสร้างความกล้าในการสื่อสารของน้อง ๆ

 จุดแข็งของโปรแกรม English Weekend School ที่ โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ กรุงเทพฯ


weekend23_week-03.jpg

1. ห้องเล็ก ครูดูแลได้ทั่วถึง 

1 ห้อง มีครู 2 ท่าน และ นักเรียน ไม่เกิน 20 คน ด้วยชั้นเรียนขนาดเล็กกว่าชั้นเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่ ทำให้ครูผู้สอนสามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึง ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมและพร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ และเกิดความไว้วางใจครูผู้สอนและกล้าสื่อสารเมื่อตัวเองเกิดความไม่เข้าใจ

2. ครูชาวต่างชาติที่มาพร้อมกับเทคนิคการสอนเฉพาะทาง

ด้วยหลักสูตรการสอนแบบ ESL (English as a Second Language) ที่เน้นผู้เรียนเป็นหลัก ซึ่งในชั้นเรียนเล็กๆ ของเรา นักเรียนต้องใช้ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนตลอดชั่วโมงการเรียน โดยมีครูชาวต่างชาติเป็นผู้คอยแนะนำอย่างใกล้ชิด เน้นการพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติสอดคล้องกับหลักพัฒนาการ ในสภาพแวดล้อมห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้ฝึกทักษะการคิดและลงมือทำผ่านกิจกรรมต่างๆอย่างสร้างสรรค์ (Learning by Doing) ทำให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจ

3. ผู้ปกครองรู้ความเคลื่อนไหวและพัฒนาการของนักเรียน

ในโครงการ English Weekend School  ทุก ๆ คอร์ส จะมีการนัดผู้ปกครองมาเพื่อพูดคุยกับครูผู้สอนเป็นการส่วนตัว เพื่อคอยอัพเดทพัฒนาการทางด้านภาษาอังกฤษของนักเรียน และแนะนำแนวทางการพัฒนาการเรียนภาษาที่ดีที่สุดให้แก่นักเรียนต่อไป

weekend23_week-02.jpg

ราคา และค่าใช้จ่าย

1 คอร์สเรียน 40 สัปดาห์/ปี (หรือประมาณ 10 เดือน)

ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 36,000 บาท หรือจะแบ่งจ่าย 18,000 บาท/ 20 สัปดาห์

สามารถสมัครระหว่างคอร์สได้ เปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ทุกสัปดาห์

weekend23_week-04.jpg

ตารางเรียน

เรียนครั้งละ 3 ชั่วโมง ทุกวันเสาร์ 9.00 – 12.00 น. หรือ ทุกวันอาทิตย์ 9.00 - 12.00 น.

 

สนใจสอบถามรายละเอียด

โทร. 02-513-0270 ต่อ 244 คุณจี

หรือ 081-494-2898 คุณแพท

หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ http://www.ststephen.ac.th 

MLA จัดกิจกรรม The Great Steak Escape II KHAO YAI EDITION ตอกย้ำความเป็นเลิศของเนื้อวัวระดับ พรีเมียมจากออสเตรเลียที่มีความหลากหลาย ปรุงได้หลากเมนู รังสรรค์เป็นมื้อพิเศษโดยร้านอาหารชั้นนำ 5 แห่ง

 



เขาใหญ่ ประเทศไทย 24 มกราคม 2567 - Meat & Livestock Australia (MLA) ร่วมกับ Trade Investment Queensland (TIQ) และ De Bortoli Wines  จัดงาน The Great Steak Escape II KHAO YAI EDITION กิจกรรมเชื่อมต่อเครือข่ายสุดพิเศษบาร์บีคิวไนท์ท่ามกลางทิวทัศน์งดงามของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มรดกโลกที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก โดยกิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศของเนื้อวัวระดับพรีเมียมจากออสเตรเลียที่จับคู่กับไวน์ชั้นดี นับเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะการปรุงอาหารและเสน่ห์ของธรรมชาติอันน่ารื่นรมย์ กิจกรรม The Great Steak Escape II KHAO YAI EDITION เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม โดยผู้สนใจสามารถลิ้มลองรสชาติยอดเยี่ยมของเมนูพิเศษจากเนื้อวัวออสเตรเลียที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นโดยร้านอาหารชื่อดังทั้ง 5 แห่งได้จนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ชมข้อมูลกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thegreatsteakescape.com/th  

กิจกรรม The Great Steak Escape II KHAO YAI EDITION มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความดึงดูดใจ ความตระหนักรู้ในแบรนด์  และความต้องการในการบริโภคเนื้อวัวระดับพรีเมียมจากออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้แขกผู้มีเกียรติได้ออกสํารวจและเปิดประสบการณ์การรับประทานผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัวออสเตรเลีย การเดินทางแห่งสุนทรียรสพาผู้ร่วมงานออกเดินทางไปสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติ เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติสุดพิเศษของสเต็กระดับพรีเมียมหลากหลายเมนูที่ปรุงด้วยเนื้อวัวออสเตรเลีย จากพันธุ์แองกัส และวากิว ทั้งจากวัวเลี้ยงด้วยหญ้า ธัญพืช และเลี้ยงด้วยสูตรอาหารธัญพืชเป็นระยะเวลานาน เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของเนื้อวัวออสเตรเลียที่สามารถนำไปปรุงได้หลากสไตล์ โดยกิจกรรมที่ตอกย้ำความเป็นเลิศของเนื้อวัวออสเตรเลียในครั้งนี้ ถ่ายทอดประสบการณ์ความอร่อยผ่านเมนูพิเศษที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นโดยร้านอาหารชั้นนำ 5 แห่ง ได้แก่

1. Ribs Mannn ยกระดับประสบการณ์อร่อยด้วยเมนูอย่าง “Australian Angus Ribs Eye Geneva” สเต็กแองกัสริบอายย่างด้วยถ่านไม้โกงกางในเตาอบ JOSPER เสิร์ฟกับซอสคาเฟเดอริบส์แมนและ  “Australian Trio Plates” สเต็กเนื้อสามสไตล์ย่างเตาถ่านพิคานยา รัมป์ และแฟลงก์สเต็ก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วและซอสพริกไทยดำ พร้อมด้วยเมนูใหม่ “Australian Wagyu Sirloin Bone-in Steak” สเต็กเนื้อวากิวเซอลอยติดกระดูก 700 กรัม ย่างด้วยถ่านไม้โกงกางในเตาอบ JOSPER เสิร์ฟกับกระดูกไขข้อวัว มันฝรั่งอบและซอส 3 ชนิด ได้แก่ ซอสไวน์แดง ซอสพริกไทยชมพู และซอสบลูชีส

2. Mother Say No! รังสรรค์รสชาติอันน่าหลงใหลด้วย Australian Tenderloin Rossini “เนื้อสันในย่างเสิร์ฟพร้อมตับห่านและมันบด” Striploin Steak “เนื้อสันนอกออสเตรเลีย เสิร์ฟพร้อมกับผักย่าง” และ Spicy Grilled Australian Beef Salad “น้ำตกเนื้อออสเตรเลียย่าง”

3. Club Lago นำเสนอ Grilled Australian Black Angus Flank Steak “สะเต๊กลาว” พร้อมด้วยเมนูใหม่ Wok-fried Australian Brisket with Hot Basil “กะเพราเนื้อเสือร้องไห้” และ Spicy Grilled Angus Picanha with Herbs “เห่าดงเนื้อ”

4. ROMA เสิร์ฟความอร่อยด้วย Grilled Australian Tomahawk Steak “สเต็กโทมาฮอว์กออสเตรเลียย่าง” Oven-baked Australian Short Ribs “ซี่โครงเนื้อออสเตรเลียอบในเตาอบ” และ 12-hour Slow-cooked Chinese Style Australian Beef Shank “ขาวัวออสเตรเลียสไตล์จีนตุ๋น 12 ชั่วโมง”

5. The Fable Feast at Labaris Hotel เปิดประสบการณ์เนื้อออสเตรเลียด้วย Creamy Mushroom Risotto with Grilled Australian Tenderloin “ข้าวริซอตโตในซอสครีมเห็ดกับเนื้อสันในย่าง” 150-days Angus Rib Eye MB3/5 Mandolong  “เนื้อริบอายแองกัส แมนดาลอง ออสเตรเลีย 250 กรัม”  และ  Australian Beef Fillet Mignon Rossini ”ฟิเลมิยอง รอสซินี”

กิจกรรมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อวัวหลากสายพันธุ์จากภูมิภาคต่าง ๆ ของออสเตรเลีย ตอกย้ำให้เห็นถึงคุณภาพและรสชาติยอดเยี่ยมของเนื้อวัวออสเตรเลียที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย สามารถนำไปปรุงได้หลากเมนูและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

เกี่ยวกับ Meat and Livestock Australia
Meat and Livestock Australia (MLA) เป็นองค์กรทางการตลาด การวิจัย และการพัฒนาชั้นนำที่มุ่งเน้นให้บริการกับอุตสาหกรรมเนื้อแดงและปศุสัตว์ของออสเตรเลีย ภารกิจของ MLA คือการส่งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่โรงงานผลิตเนื้อแดงและปศุสัตว์ออสเตรเลีย ผู้ส่งออก และอุตสาหกรรมโดยผ่านมาตรการทางการตลาด การวิจัย และการพัฒนา

เกี่ยวกับ Trade and Investment Queensland
Trade and Investment Queensland (TIQ) สำนักการค้าและการลงทุนควีนส์แลนด์ เป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของรัฐบาลควีนส์แลนด์ ทำหน้าที่สนับสนุนองค์กรธุรกิจของรัฐควีนส์แลนด์ในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดโลกและส่งเสริมให้รัฐควีนส์แลนด์มีความสมบูรณ์แบบสําหรับการลงทุน

เกี่ยวกับ De Bortoli
De Bortoli) ภายใต้การบริหารของรุ่นที่ 4 ของครอบครัว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1928 โดย Vittorio และ Giuseppina De Bortoli ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากทางเหนือของอิตาลีมายังประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นบริษัทผลิตไวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย ซึ่งมีไร่องุ่นกว่า 920 เฮกตาร์ De Bortoli ได้สร้างสรรค์ Noble One Botrytis Semillon ให้เป็นหนึ่งในไวน์มาตรฐานของออสเตรเลียที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ De Bortoli Heritage บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ภายตึความเชื่อที่ว่า ไวน์รสเลิศ อาหารและมิตรแท้ คือความสุขที่แท้จริงของชีวิต นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย Independent Wine & Spirit (Thailand)
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.debortoli.com.au/

ไทย-เยอรมัน ส่งเสริมชาวนาปลูกข้าวลดโลกร้อน พร้อมปรับตัวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน

 


อุบลราชธานี 26 มกราคม พ.. 2567 – ดร.ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ (H.E. Dr. Frank-Walter Steinmeier) ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยาพร้อมคณะ เดินทางเข้าเยี่ยมชมสวนตารมย์ บ้านดอนหมู อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงเกษตรสาธิตขนาด 35 ไร่ ของโครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม (Inclusive Sustainable Rice Landscape: ISRL) โดยมีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายณัฐวัฒน์ กฤษณามระ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน พร้อมคณะผู้บริหาร ผู้แทนจากกระทรวงฯ และจังหวัดให้การต้อนรับ ตามกำหนดการเดินทางเยือนจังหวัดอุบลราชธานี อย่างเป็นทางsการ

อุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและมีพื้นที่สำหรับทำนาปลูกข้าวมากถึง 4.2 ล้านไร่ สำหรับกำหนดการเยี่ยมชมพื้นที่ครั้งนี้ ประธานาธิบดีและภริยาพร้อมคณะได้มีโอกาสพบปะกับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของโครงการ และผู้นำชุมชนเพื่อเรียนรู้แนวทางการทำงานผ่านฐานการเรียนรู้วิธีจัดการดินและน้ำ ประกอบด้วยการปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะช่วยลดอัตราการสูญเสียปุ๋ยและทำให้ข้าวได้รับปุ๋ยสม่ำเสมอทั่วกันทั้งแปลงนา ลดการใช้น้ำและเชื้อเพลิงในการปลูกข้าว ด้วยวิธีจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การทำปุ๋ยจากมูลสัตว์เพื่อลดต้นทุนการเกษตร การจัดการฟางข้าวเพื่อนำมาเป็นอาหารสัตว์ ลดการเผาฟางและตอซัง ขุดบ่อน้ำไว้ใช้ในพื้นที่เกษตร พร้อมเลี้ยงปลาเพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้เสริมของครัวเรือน และปลูกป่าไม้ยืนต้นบนคันนา ตามแนวทางวนเกษตร

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านข้าวของโลก โดยมีปริมาณการผลิตจำนวน 30 ล้านตัน และส่งออกข้าวจำนวน 10 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาโดยไม่มีแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืนได้ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น นอกจานั้น การปลูกพืชเชิงเดี่ยว การรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้ ยังทำให้ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพเสื่อมโทรมต่อแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์ป่าและแนวเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่คุ้มครองภายในภูมิประเทศ

โครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility) ผ่านโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) โดยมีองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ เป็นผู้ดำเนินโครงการในพื้นที่นำร่องที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดเชียงราย เพื่อสนับสนุนประเด็นด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ลดความเสื่อมโทรมของที่ดิน และบรรเทาผลกระทบของสภาพภูมิอากาศ และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง GIZ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และบริษัทโอแลมอกริ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเรียนรู้วิธีการจัดการระบบอาหาร ฟื้นฟูสภาพดิน และแนวทางการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เพื่อปลูกข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งจะนำมาสู่การปฏิบัติที่สามารถเพิ่มผลผลิตและรายได้อย่างมั่นคง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรของไทยอย่างเป็นระบบ โดยคาดว่าเกษตรกรกว่า 45,000 คนจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการ นำมาสู่การพัฒนาพื้นที่กว่า 652,500 ไร่ ให้เป็นพื้นที่การปลูกข้าวยั่งยืนและสามารถฟื้นพื้นที่สำหรับการปลูกป่าและพืชหมุนเวียนได้มากกว่า 187,500 ไร่ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการเกษตรไทยได้มากถึง 3.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลดการใช้สารเคมีในกระบวนการเกษตรได้มากถึง 100 เมตริกตันภายในปีสิ้นสุดโครงการ พ.ศ. 2570 

“ฉลองตรุษจีนปีมังกร” ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์


 ห้องอาหารจีนหยก โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ตกแต่งด้วยบรรยากาศหรูหรา โอ่โถ่ง นั่งสบาย ทั้งภายในและภายนอก  บริการอาหารจีนกวางตุ้งสูตรต้นตำรับหลากหลายสไตล์ให้คุณได้เลือกลิ้มลองมากมาย ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ

ระหว่างวันที่ 9 - 11 กุมภาพันธ์ 2567 เชิญฉลองเทศกาลตรุษจีนปีมังกร ด้วยอาหารมงคลชุด “มั่งมีตลอดไป” และ “ร่ำรวยความสุข  ซึ่งเชฟจีนผู้มากประสบการณ์ได้คัดสรรอาหารที่มีความหมายเป็นสิริมงคลมาบริการ เริ่มต้นพียงชุดละ 6,999 บาท++  สำหรับ 5 ท่าน และ 11,999 บาท++ สำหรับ 10 ท่าน

 

หรือจะเลือกเมนูตามสั่งเช่น “หยี่ซัง-สลัดปลานำโชค” ซุปกระเพาะปลาหม้อดิน (ราบรื่นโชคดี) กุ้งมังกรบะหมี่ยอดซุป (มังกรหมื่นปีหมื่นหมื่นปี) ราคาเริ่มต้นเพียงที่ละ 399 บาท++ นอกจากนี้ยังมีเมนูติ่มซำบริการเฉพาะมื้อกลางวัน โปรโมชั่นพิเศษ! ใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลด 20% เฉพาะเมนูตามสั่ง (ระหว่างวันที่ 1 - 15 กุมภาพันธ์ ยกเว้นเซทเมนูอาหารชุด) 

 

ของกำนัลสุดพิเศษ!! เฉพาะวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่จีน เชิญเพลิดเพลินกับ “แป๊ะยิ้ม” ที่จะมาทักทายอวยพร มอบรอยยิ้มให้ทุกครอบครัวระหว่างเวลา 12.00 – 14.30 น. ทุกโต๊ะจะได้รับ “Nian Gao : ขนมเข่งปลาเงินปลาทอง” และรับสิทธิ์จับซองอั่งเปา (เมื่อใช้จ่าย 2,000 บาทขึ้นไป/บิล) เพื่อรับคูปองเมนูพิเศษสำหรับใช้บริการในครั้งถัดไป ฟรี!

มื้อกลางวันเปิดบริการเวลา 11.30 – 14.30 น. และมื้อค่ำ 18.00 – 22.00 น. ตั้งอยู่ชั้น 2 มีห้องส่วนตัวจำนวน 12 ห้อง เพื่อความสะดวกสบายตามความต้องการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่โทร.0-2276-4567 หรือไลน์ @theemeraldhotel และ www.facebook.com/yoktheemerald

 

บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล และ ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ร่วมมือ พัฒนาศูนย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็งในอาเซียน

 


กรุงเทพฯ 29 มกราคม 2567 – ดร.สาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) (คนที่ จากซ้าย) และ นางสาว วี่ ทราน ผู้อำนวยการบริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัท ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส (คนที่ จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศการรักษาโรคมะเร็งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับการรักษาโรคมะเร็งด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ทันสมัย ตลอดจนให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งในราคาที่จับต้องได้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ชั้น โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...