วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

OKLS เผยลูกค้าองค์กรเร่งเพิ่มทักษะภาษาจีน-ญี่ปุ่น เตรียมพร้อมรับกระแสท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมหนุนการอัพสกิลภาษาเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

 


OKLS โรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออก เผยกลุ่มลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มมีดีมานด์เติบโตต่อเนื่องกว่า 70 % มองหาหลักสูตรจัดอบรมทักษะทางภาษาจีน-ณี่ปุ่นแบบบูรณาการ เน้นสื่อสารเพื่ออาชีพแบบใช้ได้จริงให้กับบุคลากรและพนักงานมากขึ้น เตรียมพร้อมรองรับตลาดการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับข้อมูลสถิตนักท่องเที่ยวจาก ททท. ระบุจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รวมถึงจากการคาดการณ์ของภาครัฐหากจีนเปิดประเทศในช่วงปี 2566 และจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เตรียมวางหลักสูตรให้สอดคล้องตามรูปแบบกลุ่มธุรกิจ เพื่อให้บุคคลากรนำไปใช้ได้จริง พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับภาคธุรกิจ ในการใช้ทักษะภาษาเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน รับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

นายประทีป โลจนาทร กรรมการผู้จัดการ OKLS โรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออก ภายใต้การบริหารงานโดย บริษัท โอ เค แอล เอส จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มองค์กรทั้งลูกค้าเดิมและรายใหม่ เข้ามาติดต่อและให้ความสนใจบริการจัดฝึกอบรมทักษะภาษาจีน-ญี่ปุ่นสำหรับบุคลากรขององค์กรเพิ่มขึ้นกว่า 70 %  ทั้งองค์กรที่เป็นกลุ่มธุรกิจโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม ธุรกิจค้าปลีก รวมถึงธนาคารและสถาบันทางการเงินด้วย เนื่องจากต้องการเพิ่มทักษะและความสามารถทางภาษาให้กับพนักงานในองค์กร เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับตลาดการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่ามีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นกว่า 56 เท่า และนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มกว่า 29 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยรวม 37 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งจากการคาดการณ์ของภาครัฐ ที่คาดว่าหากประเทศจีนมีนโยบายเปิดประเทศในช่วงหลังกลางปี 2565 หรือช่วงวันหยุดชาติจีนในเดือนตุลาคม จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 2 – 3  ล้านคน ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยวและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

OKLS โรงเรียนภาษาและภูมิปัญญาตะวันออก ที่สอนภาษาจีนและญี่ปุ่น จึงเตรียมความพร้อมในการรองรับลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะด้านหลักสูตรที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาจีน-ญี่ปุ่นให้กับบุคลากรและพนักงานขององค์กรให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงสุด จนสามารถนำสู่การสื่อสารได้จริงในการทำงานให้กับองค์กร หรือในอาชีพแบบบูรณาการรอบด้าน ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน และแปล โดยสามารถออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องและเกี่ยวข้องเฉพาะด้านในกลุ่มธุรกิจนั้น ๆ เพื่อให้ตอบวัตถุประสงค์และความต้องการขององค์กรภาคธุรกิจให้ได้มากที่สุด โดยมีทั้งหลักสูตรมาตรฐานที่ครอบคลุมทักษะทางภาษาที่จำเป็น อาทิ ภาษาจีน-ญี่ปุ่นธุรกิจ สำหรับการพูดคุยธุรกิจเบื้องต้น รวมถึงหลักสูตรเฉพาะธุรกิจตามความต้องการ OKLS ก็สามารถออกแบบหลักสูตร ตำราเรียน และสื่อการสอนเพื่อรองรับได้ เช่น หลักสูตรสำหรับพนักงานโรงแรม เพื่อการสื่อสารต้อนรับอย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรสำหรับพนักงานขาย ที่เน้นการเจรจา การแนะนำบริการหรือผลิตภัณฑ์ รวมถึงวิธีการชำระเงิน เป็นต้น

 

อีกทั้งยังช่วยรวบรวมคลังคำศัพท์ที่เป็นสินค้าเฉพาะของลูกค้าให้ด้วย เช่น คำศัพท์เกี่ยวกับเครื่องสำอาง คำแนะนำในการดูแลผิวสำหรับพนักงานขายของแบรนด์สกินแคร์  ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสื่อสารเพื่อให้บริการให้กับลูกค้าชาวจีนหรือญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการขายและสร้าง Brand Loyalty  นอกจากนี้ ในแต่ละหลักสูตรยังได้คำนึงถึงมิติทางด้านวัฒนธรรมของภาษานั้น ๆ โดยทุก ๆ หลักสูตรจะออกแบบโดยคำนึงถึงระดับของภาษาที่เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้ สอดแทรกมารยาท วิถีชีวิต และความเชื่อของชาวจีนและชาวญี่ปุ่น ที่เกี่ยวข้องกับงานธุรกิจนั้น ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการสื่อสาร รวมถึงยังมีการให้ผู้เรียนในแต่ละหลักสูตรได้ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริงอีกด้วย

 

ในด้านครูผู้สอน OKLS ได้คัดเลือกทั้งครูคนไทยและครูเจ้าของภาษา ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่จบการศึกษาด้านภาษา หรือการสอนภาษา และผ่านการสอบทั้งข้อเขียน สัมภาษณ์ และทดสอบการสอน โดยจะมีฝ่ายวิชาการให้คำปรึกษา ประเมินคุณภาพการสอน รวมถึงดูแลการสอนจนจบหลักสูตร เป็นการช่วยแก้
เพนพ้อยท์ของลูกค้าองค์กรได้อย่างตรงจุด โดยลูกค้าองค์กรสามารถเลือกหลักสูตรและวางแผนรูปแบบการเรียนได้ตามความต้องการ อาทิ สามารถเลือกครูผู้สอนชาวไทยหรือเจ้าของภาษา กำหนดสถานที่เรียน โดยเลือกเรียนที่ทำงานของลูกค้าเอง หรือเรียนที่
 OKLS ทั้ง 8 สาขาก็ได้ และยังสามารถจัดการเรียนการสอนทั้งรูปแบบ On-site  Online หรือแบบ Hybrid ผสมผสานตามเหมาะสมกับแต่ละธุรกิ

 

ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นด้วยประสบการณ์การสอนทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นมานานกว่า 24 ปี OKLS พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการช่วยพัฒนายกระดับทักษะทางภาษาจีนและญี่ปุ่นให้กับบุคลากร เพื่อให้กลายเป็นอีกหนึ่งกุญแจดอกสำคัญ ในการปลดล็อกกำแพงทางภาษาระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง” นายประทีปกล่าว

 

องค์กรเอกชน และหน่วยงานรัฐที่สนใจเพิ่มและพัฒนาทักษาภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นให้กับพนักงานในองค์กร สอบถามเพิ่มเติมที่ OKLS ได้ที่ 02-165-0079, 02-947-6406-7 และ 081-918-9757 Facebook: OKLSSchoolLine: @OKLS และติดตาม Ticktok ของ OKLS ได้ที่ @OKLS

ศิลปินร้อยล้านวิว “ซัน ณัฐพล” พร้อมเปลี่ยนทุกคำดูถูกเป็นพลัง “เพลงดัง แต่ไม่มีใครรู้จักนักร้อง” ส่งซิงเกิลใหม่ล่าสุด “Say Hi” (เซย์ไฮ) feat สแน็กPTMusic!!

 


เรียกได้ว่าเป็นค่ายเพลงมาแรงแห่งปีเลยก็ว่าได้สำหรับค่าย V6 Music” (วีหก มิวสิค) ที่ทำเพลงฮิตเพลงฮอต ไม่อยากเป็นเสือ และ กัลยา จนยอดวิวรวมกันทะลุร้อยล้านวิวไปแล้ว จากเสียงร้อง               Son NPY หรือ ซัน ณัฐพล ยอดบุรี ล่าสุดพร้อมส่งความสนุกครั้งใหม่ กับซิงเกิล Say Hi (เซย์ไฮ) เพลงที่เป็นตัวแทนของฝ่ายชายที่อยากเข้าไปทำความรู้จักผู้หญิง เสริมด้วยดนตรีสไตล์ผสมผสานมีความเป็นป็อปR&B, ฮิปฮอป และไม่ทิ้งที่จะแทรกกลิ่นอายของความเป็นไทยลงไปด้วย โดยได้ สแน็กPTMusic  มาฟีทเจอริ่งในท่อนผู้หญิง ให้เพลงสื่ออารมณ์ออกมาทั้งความรู้สึกฝั่งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งเป็นอีกเพลงที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อคอเพลงวัยรุ่นทุกคน และได้ทำออกมาเสร็จสมบูรณ์ รวมไปถึงถ่ายทำมิวสิควิดีโอพร้อมให้ทุกคนได้เข้าไปชมไปฟังกันได้แล้ว

Son NPY หรือ ซัน ณัฐพล ยอดบุรี เล่าว่า “สำหรับซิลเกิลใหม่ Say Hi (เซย์ไฮ) เป็นผลงานฟีทเจอริ่งกับ สแน็กPTMusic เป็นเพลงฟังสบายๆ มีความเป็นป็อปR&B, ฮิปฮอป แทรกกลิ่นอายของความเป็นไทย ลงไปในเพลง ในซิงเกิลนี้ ได้พัฒนาด้านการร้อง และมาพร้อมกับลุคใหม่ ที่ดูโตเป็นหนุ่มมากขึ้นกว่าเพลงที่ผ่านมาสำหรับการถ่ายทำมิวสิควิดีโอในวันนั้น สนุกมากเลยครับ ได้มีส่วนร่วมในการช่วยออกแบบ ไอเดียต่างๆ ร่วมถึงการนำชุดไทยมาใส่ด้วย ถึงจะเป็นการใส่ครั้งแรก แต่ผมต้องการ นำเสนอเรื่อง ซอฟต์ พาวเวอร์ในแบบฉบับของตัวเอง บ้านเรามีต้นทุน มีวัตถุดิบที่ดี วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่าง เรื่องชุดไทยเป็นเรื่องที่น่าสนใจ การแต่งตัวเลยจะออกมาเป็น แต่งกายชุดไทยประยุกต์ครับ ส่วนเรื่องโดนแซวว่า “เพลงดัง แต่ไม่มีใครรู้จักหน้านักร้อง” ผมน้อมรับทุกคำติ-ชม เพื่อนำมาพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ พร้อมส่งความสนุกความสุขทางเสียงเพลงให้กับแฟนเพลงให้ดีที่สุดต่อไป ผมก็ขอขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ชื่นชอบผลงานของผม สุดท้ายนี้ขอฝากเพลง Say Hi (เซย์ไฮ) feat.สแน็ก ด้วยนะครับ”

แฟนเพลงทุกคนสามารถติดตามฟังเพลง “Say Hi (เซย์ไฮ) จากเสียงร้อง ซัน NPY feat สแน็กPTMusic ได้แล้ววันนี้ทาง https://youtube.com/c/V6MusicOfficial หรือติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของศิลปินในค่าย V6 Music ได้ที่ https://www.facebook.com/V6MusicThailand

MGID เปิดตัวโซลูชัน Contextual Intelligence ในตลาดประเทศไทย

 


MGID แพลตฟอร์มโฆษณาระดับโลก เดินหน้าขยายโซลูชัน Contextual Intelligence ที่วิเคราะห์บริบทของบทความเพื่อคัดแยกเนื้อหาที่มีความหมายและประเมินอารมณ์ความรู้สึกของเนื้อหา แล้วจึงสร้างกลุ่มการกำหนดเป้าหมายตามบริบทแบบเรียลไทม์ในประเทศไทยหลังประสบความสำเร็จในตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก

Mr. Sergii Denysenko CEO MGID แพลตฟอร์มผู้บุกเบิกการโฆษณาแบบเนทีฟระดับโลก เปิดเผยว่า Contextual Intelligence ของ MGID เป็นนวัตกรรมโซลูชันรูปแบบใหม่ในการกำหนดเป้าหมายที่ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกเป้าหมายของแคมเปญได้ตามที่ต้องการได้ในอนาคตสำหรับเว็บไซต์ที่ไม่มีรองรับคุกกี้ แทนที่จะอาศัยข้อมูลของบุคคลที่สามเพียงอย่างเดียว Contextual Intelligence ของ MGID จะช่วยวิเคราะห์บริบทของบทความเพื่อแยกเนื้อหาที่มีความหมายและประเมินความคิดเห็น จึงสามารถสร้างกลุ่มการกำหนดเป้าหมายตามบริบทในแบบเรียลไทม์ได้โดยเนื้อหาจะได้รับการระบุและติดป้ายกำกับตามกฎระเบียบของ  IAB Tech Lab Content Taxonomy 2.2

ในขณะที่มีการพัฒนาโซลูชัน Contextual Intelligence ทาง MGID ได้มุ่งสร้างรูปแบบใหม่ของการจำแนกเนื้อหาตามบริบทและโซลูชันการกำหนดเป้าหมาย ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีล่าสุดในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) และยังใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning)  ด้วยเหตุนี้ โซลูชัน Contextual Intelligence ของ MGID จึงสามารถจำแนกรูปแบบต่าง ๆ ที่ถูกเขียนขึ้นเป็นพันล้านหน้าด้วยภาษาต่าง ๆ ได้ถึง 12 ภาษา โดยที่มีความเข้าใจในบริบทและอารมณ์ความรู้สึกได้ดีกว่ามนุษย์

“สถานการณ์ในอนาคตความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของแบรนด์จะมีมากขึ้น  ทำให้มีการใช้คุ๊กกี้เป็น Thid-Party นั้นมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นในภาคของธุรกิจดิจิทัลจึงต้องการโซลูชั่น  ที่สามารถมั่นใจได้ในเรื่องการกำหนดเป้าหมายในรูปแบบใหม่ที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ และ Contextual Intelligence ของ MGID ก็เป็นหนึ่งในโซลูชันนั้น" Mr. Sergii Denysenko กล่าว

สำหรับการกำหนดเป้าหมายตามบริบทจะช่วยเพิ่มการสร้างรายได้ให้มากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้องของโฆษณาเมื่อถูกวางไว้ข้าง ๆ เนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กันก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญให้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของแบรนด์สำหรับผู้โฆษณาอีกด้วย ในด้านของผู้เผยแพร่โฆษณาก็จะสามารถรักษามูลค่าของพื้นที่โฆษณาและให้ประสบการณ์การโฆษณาที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ใช้ได้ ด้วยการแสดงโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด

เกี่ยวกับ MGID

MGID เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาระดับโลกที่ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าถึงผู้ชมในท้องถิ่นได้ในวงกว้าง โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่เน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลักในการแสดงโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้อง และมีคุณภาพสูงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อแบรนด์ ทางบริษัทมีการนำเสนอรูปแบบโฆษณาที่หลากหลาย รวมถึงแบบเนทีฟ ดิสเพลย์ และวิดีโอเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการรับรู้ได้ และทางผู้เผยแพร่โฆษณาก็สามารถรักษาและสร้างรายได้จากผู้ชมได้เช่นกัน ซึ่งทุก ๆ เดือน MGID สามารถเข้าถึงผู้ชม (Unique Users) 900 ล้านคน โดยมีการแสดงโฆษณา 2 แสนล้านครั้งจากผู้เผยแพร่โฆษณาที่เชื่อถือได้ถึง 25,000 ราย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ : www.mgid.com

ยูนิลีเวอร์ จับมือ ช้อปปี้ อัดโปรดียืน 1 ร่วมหั่นราคาลดค่าครองชีพสูงสุด 50% ในแคมเปญ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale ลด คุ้ม คลั่ง ประเดิมความพิเศษเพื่อผู้บริโภคกับ Unilever x Shopee Super Brand Day 31 กรกฎาคมนี้

 


 ยูนิลีเวอร์ (Unilever) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก สานต่อเจตนารมณ์ในโอกาสครบรอบ 8ปีของการดำเนินงานในประเทศไทย จับมือ ช้อปปี้ผู้นำอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ขนขบวนกองทัพสินค้าของใช้ภายในบ้านกว่า 300 รายการ มาร่วมจัดโปรโมชั่นหั่นราคาสุดพิเศษใน Unilever x Shopee Super Brand Day และในแคมเปญ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale’ ลด คุ้ม คลั่ง เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้คนไทยได้เข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น และร่วมเคียงข้างคนไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน 

ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ยูนิลีเวอร์ ขอประเดิมประสบการณ์หั่นราคาลดค่าครองชีพกับ Unilever x Shopee Super Brand Day ที่ ยูนิลีเวอร์ ขนทัพสินค้าแบรนด์ดังที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น บรีส (Breeze), คอมฟอร์ท (Comfort) และ ซันไลต์ (Sunlight) มาพร้อมกับโปรดียืน และความพิเศษมากมาย 

 

 คุ้มได้หลายๆ ต่อ กับ ส่วนลดสูงสุด 50%[1] โค้ดรับ Shopee Coins Cashback สูงสุด 1,000 Coins[2] นอกจากนี้ยิ่งซื้อยิ่งได้กับรางวัล Top Spender สำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อสูงสุดเป็นอันดับแรก รับเลยSamsung Galaxy S22 Ultra 128GB มูลค่าถึง 39,990บาท และอันดับสอง รับฟรีกล้อง VLOG Sony ZV-1 สำหรับสาย Vlog มูลค่า 22,990 บาท

 

 ทั้งคุ้มและฟินกับกิจกรรมบน Shopee Live พบกับคู่จิ้นอย่าง บุ๋น-นพณัฐ กันทะชัย และ เปรม-วรุศ ชวลิตรุจิวงษ์ พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษและโค้ดส่วนลดมากมายในเวลา 12.00 และพบกับความน่ารักอบอุ่นไปกับ คุณบีม-กวี ตันจรารักษ์คุณออย-อฏิพรณ์ จิตต์ธรรมวงศ์ และฝาแฝดขวัญใจมหาชน น้องธีร์-น้องพีร์ ที่จะมาแนะนำผลิตภัณฑ์น้ำยาซักผ้า บรีส เบบี้ สูตรใหม่ ที่ถูกคิดค้นพิเศษเพื่อผ้าของลูกน้อยโดยเฉพาะ ด้วยเอนไซม์สกัดจากธรรมชาติ พร้อมสารทำความสะอาดต้นกำเนิดจากธรรมชาติ 100% ขจัดคราบหนักบนผ้าของลูกน้อยได้อย่างง่ายดาย แต่ยังอ่อนโยน ผ่านการทดสอบการระคายเคืองกับผิวแพ้ง่าย พร้อมกลิ่นหอมละมุน หอมนาน พร้อมเทคโนโลยีพิเศษช่วยให้ลูกน้อยผ่อนคลายเมื่อได้กลิ่น พร้อมเผยเคล็ดลับซักผ้าอย่างอ่อนโยนที่พ่อบ้านแม่บ้านห้ามพลาด ในเวลา 19.00 .




Unilever HH x Shopee 8.8 Crazy Flash Sale.jpg

นอกจากนี้ผู้บริโภคชาวไทยยังสามารถคุ้มค่ากันต่อเนื่องกับ ยูนิลีเวอร์ ในแคมเปญ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale’ ลด คุ้ม คลั่ง จนถึง สิงหาคม 2565 โดยมีไฮไลท์เด็ด อาทิ 

 

   ลด คุ้ม คลั่ง กับโปรแรงเกินห้ามใจ เตรียมพบกับโปรสินค้าขายดีราคาสุดคุ้มด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 50%[1] ครอบคลุมทั้งน้ำยาซักผ้าและผงซักฟอกจากบรีส น้ำยาล้างจานซันไลต์ และน้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท พร้อมโปรส่งฟรีเมื่อช้อปครบ 799 บาท โค้ดส่วนลดอีกหลายต่อ และสิทธิประโยชน์มากมายเมื่อชำระผ่าน ShopeePay

 

 โปร Flash Sale สุดเซอร์ไพรส์ ไม่ว่าจะเป็นบรีสเอกเซลลิควิดขนาด 1500-1400 มลจำนวน ถุง ลดเหลือเพียง 666 บาทคอมฟอร์ท อัลตร้า ขนาด 1300 มลจำนวน ถุง ลดเหลือ 662 บาท

ซันไลต์ชนิดถุงเติม ขนาด 550-500มลจำนวน ถุง ลดเหลือ 150 บาท

 

กิจกรรมพิเศษฟินคุ้มกว่าใคร เตรียมเปิดประสบการณ์ความบันเทิงสุดคุ้มค่ากับเกมในShopee Prizes เพื่อมีสิทธิ์รับโค้ดส่วนลดสูงสุด 20%[2] พร้อมเพลิดเพลินไปกับสาระบันเทิงบน Shopee Live 

ในวันที่ สิงหาคม 2565 เวลา 12.00 .


ห้ามพลาดยูนิลีเวอร์ ร่วมหั่นราคาลดค่าครองชีพในแคมเปญ Unilever x Shopee Super Brand Day และ Shopee 8.8 Crazy Flash Sale ลด คุ้ม คลั่ง ตั้งแต่วันนี้ถึง สิงหาคม 2565 สามารถ

กดติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นดี ๆ จาก Unilever Official Store บน Shopee Mall หรือคลิก https://shopee.co.th/unilever_householdcare

“เข้มข้น”คว้าสิทธิ์ร่วมแข่งขันศึกพีจีเอทัวร์รายการ ร็อคเก็ต มอร์ทเกจ คลาสสิค

 


เข้มข้น ลิมพะสุต คว้าสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟพีจีเอทัวร์ รายการที่สองของตัวเองในรายการ  ร็อคเก็ต มอร์ทเกจ คลาสสิค ณ สนามดีทรอยต์ กอล์ฟ คลับ ระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคมนี้ หลังผ่านรอบมันเดย์ควอลิฟายมาด้วยสกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 67 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (ภาพ: Getty Images)

           

“เคเค” เข้มข้น ลิมพะสุต โปรกอล์ฟหนุ่มไทยวัย 26 ปี เซฟพาร์สำคัญในหลุมสุดท้าย จบรอบควอลิฟายด้วยผลงาน อันเดอร์พาร์ 67 คว้าสิทธิ์ร่วมแข่งขันกอล์ฟพีจีเอทัวร์ รายการ ร็อคเก็ต มอร์ทเกจ คลาสสิค ชิงเงินรางวัลรวม 8.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 308 ล้านบาท ณ สนามดีทรอยต์ กอล์ฟ คลับ เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคมนี้ พร้อมกับ คริส เนเกล (66) ลุค กัทธรี (66) และเอริก ฟลอร์ส (67) โดยมีดาวดังของโลกอย่าง แพทริค แคนท์เลย์ ดีกรีแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพและมืออันดับ ของโลก นำทัพร่วมชิงชัยในสัปดาห์นี้ พร้อมด้วย โทนี่ ฟิเนา แชมป์รายการ เอ็ม โอเพ่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คาเมรอน ยัง รองแชมป์เมเจอร์ ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ และคาเมรอน เดวิส แชมป์เก่าชาวออสเตรเลีย

           

เข้มข้น เผยหลังการเล่นรอบมันเดย์ควอลิฟายว่า ผมตื่นมากกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ในสัปดาห์นี้ กับการคว้าสิทธิ์ร่วมแข่งขันในพีจีเอทัวร์ได้สำเร็จอีกครั้ง ผมได้เรียนรู้หลายอย่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในการแข่งขันรายการฟาร์เมอร์ส อินซูแรนซ์ ทั้งเรื่องความประหม่า ความกดดัน และเรื่องอื่นๆ นี่คือเวทีที่ผมต้องการเข้าร่วมแข่งขัน การได้ลงเล่นในพีจีเอทัวร์คือสิ่งที่ผมใฝ่ฝันถึงเสมอ และผมก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ลงแข่งขันในสัปดาห์นี้”

           

สำหรับ เข้มข้น เกิดที่กรุงเทพฯ และย้ายไปสหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 14 ปี เพื่อสานฝันสู่การเป็นนักกอล์ฟอาชีพ โดยได้เข้าศึกษาต่อที่เซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ซึ่งทำให้ได้รู้จักกับ คอลลิน โมริกาวา ว่าที่แชมป์พีจีเอทัวร์ในอนาคต สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน

           

ในขณะที่เส้นทางนักกอล์ฟอาชีพของโมริกาว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู เข้มข้นอดทนรอจังหวะของตัวเอง โดยโปรหนุ่มไทยทำผลงานจบอันดับ 94 ของตารางคะแนนสะสมคอร์นเฟอร์รี่ ทัวร์ ฤดูกาล 2020-21 แต่ช่วงต้นปีนี้ ไม่ผ่านตัดตัวถึง รายการจากการลงเล่น รายการ ซึ่งจำกัดโอกาสการลงเล่นในสหรัฐอเมริกา

           

ก่อนหน้านี้ โมริกาวา เคยเล่าถึงความสัมพันธ์อันดีดับเข้มข้นว่า “มีช่วงหนึ่งเราสนิทกันมากและคุยกันเกือบทุกวัน เราเป็นเหมือนพี่น้องกัน เป็นเรื่องยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นผู้เล่นวัยเดียวกันที่ผมรู้จักดี ทำผลงานได้ดีในคอร์นเฟอร์รี่ ทัวร์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะสามารถเข้ามาเล่นในพีจีเอทัวร์ได้”

           

นอกจากเข้มข้นแล้ว ยังมีนักกอล์ฟไทยอีกรายที่จะเข้าร่วมแข่งขันรายการร็อคเก็ต มอร์ทเกจ คลาสสิค ที่ดีทรอยต์ในสัปดาห์นี้คือ “โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ ที่ลุ้นทำผลงานติดใน 200 อันดับแรกของตารางเฟดเอ็กซ์คัพ เมื่อจบฤดูกาลปกติ เพื่อการันตีการลงเล่นในคอร์น เฟอร์รี่ ทัวร์ ไฟนอลส์ รายการ ซึ่งจะให้สิทธิ์นักกอล์ฟใน 25 อันดับแรกเมื่อจบสามรายการได้ตั๋วลงเล่นพีจีเอทัวร์

           

สำหรับกิรเดช ปัจจุบันลงเล่นในพีจีเอทัวร์เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ทำผลงานผ่านตัดตัว รายการจาก 17 รายการในฤดูกาลนี้ โดยยังมีลุ้นในรายการ ร็อคเก็ต มอร์ตเกจ คลาสสิค ในสัปดาห์นี้ และวินด์แฮม แชมเปียนชิพ ในสัปดาห์หน้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ฤดูกาล 2021-22 

 

สธ. ตั้งเป้า ปี 66-67 ผู้สูงอายุ ใส่ฟันเทียม 72,000 คน ฝังรากฟันเทียม 7,200 คน

 


      สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวโครงการ “ฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567” โดยมี นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว


นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี 2566 ซึ่งปัญหาเรื่องหนึ่งของผู้สูงอายุ คือ ปัญหาสุขภาพฟันและสุขภาพช่องปาก ผู้สูงอายุที่เสียฟันทั้งปากจะเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี กินได้เฉพาะอาหารอ่อน และการใส่ฟันเทียมจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการใส่ฟันเทียมแบบครอบเหงือกทั้งปาก ได้มีการพัฒนาเป็นสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของทั้ง 3 สิทธิ มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ผู้ที่ใส่ฟันเทียมแบบครอบเหงือกมานาน จะมีปัญหาฟันเทียมหลวม และต้องเพิ่มการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม เพื่อเป็นที่ยึดเกาะของชุดฟันเทียม แต่เนื่องจากรากฟันเทียมที่มีคุณภาพดีต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาแพง อัตราค่าบริการรากเทียมจากยุโรป ค่าบริการรากละ 55,000 - 100,000 บาท และรากเทียมในเอเชีย ค่าบริการรากละ 25,000 – 40,000 บาท กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดทำโครงการ “ฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสืบสานโครงการจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการแก้ปัญหาให้ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปากได้รับฟันเทียม และรากฟันเทียม เพื่อการกินอาหารดีขึ้น ส่งผลให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยโครงการนี้มีเป้าหมายใส่ฟันเทียมจำนวน 72,000 คน และฝังรากฟันเทียมจำนวน 7,200 คน ในระยะเวลา 2 คือ ปี 2566-2567


            นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ขับเคลื่อนและพัฒนาระบบบริการสุขภาพ พร้อมจัดระบบบริการสุขภาพที่ครอบคลุม เพื่อตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพและความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะการบริการด้านสุขภาพช่องปาก กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาระบบการดูแลเรื่องการสูญเสียฟันทั้งปากจนไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ ซึ่งขณะนี้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังมีความจำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทั้งปาก 270,000 ราย อยู่ในสิทธิประโยชน์ทุกสิทธิ ทั้งสิทธิบัตรทอง กรมบัญชีกลาง และประกันสังคม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อรับบริการได้ที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ทุกแห่ง ของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการฝังรากฟันเทียมรองรับฟันเทียมทั้งปาก เป็นเทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง เพื่อเพิ่มคุณภาพการใช้งานฟันเทียมทั้งปากให้แน่นขึ้น โดยมีความจำเป็นประมาณร้อยละ 10 ของผู้ใส่ฟันเทียมทั้งปาก ขณะนี้มีโรงพยาบาลที่มีความพร้อม มีทันตแพทย์ที่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาล ประมาณ 180 แห่งทั่วประเทศ


            นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สุขภาพช่องปากเป็นปัญหาที่ยังคงพบได้สูงในคนไทยทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะวัยทำงานตอนปลายและผู้สูงอายุ หากโรคในช่องปากไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่เด็ก และมีการสะสมโรค จะทำให้ปัญหามีความรุนแรงซับซ้อนขึ้น จนนำไปสู่การสูญเสียฟัน ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพระดับประเทศทุก 5 ปี ของกรมอนามัย พบว่า ผู้สูงอายุ 60 - 74 ปี มีฟันแท้เฉลี่ย 18 ซี่ต่อคน และเมื่ออายุ 80-85 ปี ลดลงเหลือเพียง 10 ซี่ต่อคน และมีผู้สูงอายุที่สูญเสียทั้งปาก ร้อยละ 8.7 โดยบางส่วนได้รับการใส่ฟันเทียมไปแล้ว การสูญเสียฟันทั้งปาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สุขภาพร่างกาย และคุณภาพชีวิตชัดเจน กรมอนามัยจึงได้ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ เห็นความสำคัญของการมีสุขภาพช่องปากที่ดี มีการใช้เทคโนโลยี Digital เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ควบคู่กับการสื่อสารผ่านเครือข่ายแกนนำชุมชน เพื่อนำไปสู่การมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี สามารถดูแล เฝ้าระวังอนามัยช่องปากตนเอง และเข้ารับบริการเมื่อจำเป็น เพื่อเก็บรักษาฟันให้ใช้งานได้ตลอดชีวิต


            นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะ   การสูญเสียฟันทั้งปากส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สุขภาพร่างกาย ตลอดจนด้านจิตใจผู้สูงอายุ จึงมีความจำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทั้งปาก โดยเฉพาะในขากรรไกรล่าง ถึงแม้จะมีการทำฟันเทียมอย่างดีแล้ว แต่ในผู้ใส่ฟันเทียมบางรายที่มีสันเหงือกเตี้ย หรือใส่ฟันเทียมมานาน กระดูกขากรรไกรอาจละลาย ทำให้ฟันเทียมหลวมไม่กระชับ เคี้ยวอาหารไม่ได้ เคี้ยวแล้วเจ็บ หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีการควบคุมของกล้ามเนื้อบริเวณช่องปากได้ไม่ดี จะผลให้การยึดอยู่ของฟันเทียมไม่ดีเช่นกัน ดังนั้น การนำเทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูงมาใช้แก้ไขในกรณีนี้คือ การฝังรากฟันเทียม 2 รากในขากรรไกรล่าง เพื่อรองรับฟันเทียมชิ้นล่าง ซึ่งในประเทศไทย ได้มีการผลิตนวัตกรรมรากฟันเทียมขึ้นมา ในโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นับตั้งแต่ปีพ.2550-2557 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานฟันเทียมทั้งปากชิ้นล่าง ด้วยการฝังรากเทียม 2 รากในผู้สูงอายุ 18,400 ราย ทั้งนี้ กรมการแพทย์ โดยสถาบันทันตกรรมเป็นหน่วยประสาน การดำเนินงานรวมถึงพัฒนาศักยภาพทันตบุคลากร ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายบริการจำนวน 301 แห่งทั่วประเทศ และมีการดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องมาถึงในปัจจุบัน


            ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการหน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า ปี 2546 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้มีกระแสพระราชดำรัสว่า “คนเราเวลาไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง” หน่วยทันตกรรมพระราชทานจึงสนองกระแสพระราชดำรัส โดยพัฒนาให้มีการใส่ฟันเทียม ในหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ และทรงพระราชทานรถใส่ฟันเทียมเคลื่อนที่คันแรกของประเทศไทย ต่อมาในปี 2547 พบว่า ผู้สูงอายุสูญเสียฟันทั้งปากจำเป็นต้องใส่ฟันเทียมทั้งปากถึง 300,000 คน ซึ่งส่งผลต่อการเคี้ยว กัด กลืนอาหาร ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต ทั้งด้านกายภาพ อารมณ์ และสังคม แต่ขณะนั้นสามารถใส่ฟันเทียมทั้งปากได้เฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่บางแห่งเท่านั้น รวมแล้วจัดบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากทั้งประเทศได้ปีละ 2,000 ราย หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาคีเครีอข่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานโครงการฟันเทียมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โดยกรมอนามัยเป็นหน่วยประสานการดำเนินงาน ทั้งพัฒนาระบบบริการ ระบบส่งต่อ และพัฒนาศักยภาพทันตแพทย์ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ทุกโรงพยาบาลสามารถใส่ฟันเทียมทั้งปากได้ เฉลี่ยปีละกว่า 35,000 รวมตั้งแต่ปี 2548 ผู้สูงอายุได้รับการใส่ฟันทั้งปากแล้ว รวม 720,000 ราย


นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมขับเคลื่อนโครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษาครั้งนี้ โดยสปสช. ตระหนักถึงปัญหาผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันที่ควรได้รับการดูแล รวมถึงผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ที่จำเป็นต้องใส่ฟันเทียม จึงได้บรรจุบริการฟันเทียม ทั้งกรณีการใส่ฟันเทียมทั้งปากและการใส่ฟันเทียมบางส่วนที่ถอดได้ เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เริ่มตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา จากข้อมูล ปี 2564 มีประชาชนที่เข้าบริการใส่ฟันเทียมทั้งปาก และฟันเทียมบางส่วนแบบถอดได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 62,717 คน แต่การใส่ฟันเทียมในผู้ป่วยบางรายเป็นเรื่องที่ยาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีฟันมาเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งสันกระดูกขากรรไกรล่างแบน จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดใส่รากฟันเทียมที่มีค่าใช้จ่ายสูงเพื่อยึดติดฟันเทียม ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ ธันวาคม 2564 ได้อนุมัติเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์การผ่าตัดใส่รากฟันเทียมสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันทั้งปากที่มีข้อบ่งชี้ และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับคนไทย

“ขวัญชัย” พาทีมระยองกรีนวัลเลย์ คว้าแชมป์รอบโปรแอม สิงห์ แชมเปียนชิพ 2022

 


ระยอง – ขวัญชัย แท่นนิล พาทีมระยอง กรีน วัลเลย์ ทำสกอร์ทีม 17 อันเดอร์พาร์ 53 คว้าแชมป์การแข่งขันรอบโปรแอม ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ รายการ สิงห์ แชมเปียนชิพ 2022 โดยในงานมอบรางวัลได้รับเกียรติจาก คุณวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง ร่วมแสดงความยินดีกับทีมแชมป์ และมอบรางวัลรองแชมป์ให้กับทีมเจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น ณ สนามระยอง กรีน วัลเลย์ คันทรี เมื่อวันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพันธมิตร ร่วมสนับสนุนการแข่งขันกีฬากอล์ฟอาชีพ ออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ ประจำปี 2565 ตลอดทั้งฤดูกาล กระตุ้นการเดินทางข้ามภูมิภาคของกลุ่มนักกีฬากอล์ฟและนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจในกีฬากอล์ฟ ซึ่งนำมาสู่การสร้างกระแสเงินสดหมุดเวียนทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยไปสู่สายตาประชาคมโลก สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเห็นว่าประเทศไทยปลอดภัย และพร้อมต้อนรับนักกอล์ฟจากทั่วโลกในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย

 

โดยการแข่งขันกอล์ฟอาชีพออลไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ ประจำปี 2565 รายการ สิงห์ แชมเปียนชิพ 2022 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 กรกฎาคมนี้ ที่สนามระยอง กรีน วัลเลย์ คันทรี คลับ จังหวัดระยอง ภายใต้ระเบียบและมาตรการด้านสาธารณสุขและจังหวัดนครปฐมอย่างเคร่งครัด และได้จัดกิจกรรมการแข่งขันรอบโปรแอมเมื่อวันพุธที่ 27 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า โปรแม็กซ์-ขวัญชัย แท่นนิล พาทีม ระยอง กรีน วัลเลย์ ซึ่งประกอบด้วย กำจร ชาญด้วยกิจนอ.ภานุวัฒน์ วิชาคง และเฉลิมพันธ์ มงคลสุข หวดสกอร์ทีม 17 อันเดอร์พาร์ 53 คว้าแชมป์ไปครอง ท่ามกลางบรรยากาศการแข่งขันที่สนุกสนานและเป็นกันเอง

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ดีพร้อม ชวน ชิม ช้อป แชร์ CARE ผู้บริโภค ในงานมหกรรม DIPROM FAIR 2022

 


กรุงเทพฯ 27 กรกฎาคม 2565 - กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ชวนสายช้อปที่ชื่นชอบสินค้าคุณภาพในราคาสบายกระเป๋า ร่วม ชิม ช้อป ในงานมหกรรม DIPROM FAIR 2022 ยกทัพผู้ประกอบการพาเหรดสินค้าเครื่องหนัง เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน อาหารและเครื่องดื่มรวมกว่า 100 ร้านค้า ที่พร้อมใจลดราคาช่วยเหลือค่าครองชีพแบบจัดเต็ม ระหว่างวันที่1-5 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. ณ ห้องแสดงนิทรรศการ และลานจอดรถ ชั้นกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถ.พระราม 6

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2430 6865-66 ต่อ 4 และติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipromindustry หรือ www.diprom.go.th

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...