วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

เล่นใหญ่!! เปิดตัว เนเชอรัล สกินแคร์ "I KAORU" (อัยย์ คาโอรุ) ใจกลางกรุง

 


เล่นใหญ่!! เปิดตัว เนเชอรัล สกินแคร์

"I KAORU" (อัยย์ คาโอรุ) ใจกลางกรุง


เล่นใหญ่ จัดเต็ม!! บริษัท ทีบีเค เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด น้องใหม่ด้านธุรกิจความงาม  เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาบนจอยักษ์ ผลิตภัณฑ์ Natural skin care น้องใหม่ "I KAORU" (อัยย์ คาโอรุ) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีส่วนผสมสำคัญเป็นสารสกัดจากข้าวหมักญี่ปุ่น ช่วยดูแลเรื่องความชุ่มชื้นให้กับผิว เนียนนุ่มน่าสัมผัส แลดูอ่อนเยาว์ และสุขภาพดี บนจอ LED ขนาดใหญ่หน้า MRT สถานีสีลม ที่เพิ่งเปิดตัวใช้งานครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และ จอหน้าตึก MBK ใจกลางย่านการค้า โดยมีหนุ่มหน้าใสมากความสามารถ  นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ พรีเซ็นเตอร์คนแรกของผลิตภัณฑ์ร่วมแสดงในหนังโฆษณาชุดนี้ด้วย

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://m.facebook.com/IKAORUOFFICIALTHAILAND

ลิงค์ IG นิว https://www.instagram.com/p/CWLR4aJgcsI/?utm_medium=share_sheet

#ikaoru #newwiee #ikaoruopenhousc

#lKAORUXNewwiee

สภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานตามประเภท ‘หน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียว’ หลังผลทดสอบ พบ เกินครึ่งตกเกณฑ์ มอก.

 


สภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐานตามประเภท 
‘หน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียว’ หลังผลทดสอบ พบ เกินครึ่งตกเกณฑ์ มอก.

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) และเครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค (ANCA) ร่วมกันเรียกร้องให้มีการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัยที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เป็นสินค้าควบคุมมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ มีการควบคุมฉลาก และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั้งนี้ เนื่องจากผลการทดสอบหน้ากากอนามัยในห้องปฏิบัติการ ที่นำมาจากการสุ่มตัวอย่างสินค้าที่วางขายตามร้านค้าทั่วไปจำนวน 60 ยี่ห้อ พบว่า 2 ใน 3 ของหน้ากากอนามัยที่สุ่มทดสอบหลายยี่ห้อไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน มอก. ขณะที่มีหน้ากากที่ผ่านเกณฑ์แต่ไม่เป็นไปตามโฆษณามี 7 ยี่ห้อ  
สืบเนื่องมาจากที่มีผู้บริโภคร้องเรียนไปยัง คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ในประเด็นข้อสงสัยด้านประสิทธิภาพหน้ากากอนามัยที่ประชาชนใช้เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด - 19 ซึ่งมี ทพ.อนุศักดิ์ คงมาลัย สมาชิกวุฒิสภาและรองประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้กล่าวในประเด็นนี้ ว่า การร้องเรียนครั้งนี้เกิดจาก ในช่วงที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อเชื้อโควิด - 19 ในระลอกที่สามมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนทั่วไปจะปฏิบัติตามมาตรการของรัฐอย่างครบถ้วน เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ด้านนอก ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ การเว้นระยะห่าง ทำงานที่บ้าน จึงมีข้อสังเกตว่า หน้ากากอนามัยที่ใช้กันทั่วไป อาจไม่มีประสิทธิที่ดีเพียงพอในการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส 
โควิด - 19 จึงเสนอมายัง สอบ. เพื่อให้ดำเนินการทดสอบมาตรฐานหน้ากากอนามัยที่วางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด  

ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าและบริการ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวในการแถลงข่าวว่า การทดสอบครั้งนี้เริ่มจากการสุ่มซื้อตัวอย่างผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียว ที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปในท้องตลาด โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ถึง 3 ตุลาคม 2564 อีกทั้งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่นำมาทดสอบทดสอบในครั้งนี้เป็นการเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ถึง 30 กรกฎาคม 2564 รวมทั้งสิ้นจำนวน 60 ยี่ห้อ แบ่งเป็น หน้ากากอนามัยระดับใช้งานทั่วไป จำนวน 14 ยี่ห้อ หน้ากากอนามัยระดับใช้งานด้านการแพทย์ทั่วไป (Medical Grade) และหน้ากากอนามัยระดับใช้งานด้านการแพทย์ด้านศัลยกรรม (Surgical Grade) จำนวน 27 ยี่ห้อ และ หน้ากากกลุ่มอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ มาตรฐาน N95 หรือ KN95 จำนวน 19 ยี่ห้อ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาดเล็ก (Filter Efficiency) ขนาด 0.1 ไมครอน และอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน รวมถึงการทดสอบความสามารถในการซึมผ่านของอากาศ (Air Permeability) หรือการทดสอบด้านการหายใจ (Pressure Difference)
หลังจากนั้น ได้นำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่งตรวจวิเคราะห์ว่าเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. ที่กำหนดไว้หรือไม่ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มที่ 1 หน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียวที่กำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. 2424 - 2562 ในความเป็นจริงนั้นสามารถแบ่งประเภทตามระดับการป้องกันได้ 3 ระดับ แต่หน้ากากอนามัยที่นำมาทดสอบในครั้งนี้นั้นสามารถแบ่งได้เพียง 2 ระดับเท่านั้น ได้แก่ ระดับใช้งานทั่วไป และ ระดับใช้งานด้านการแพทย์ทั่วไป (Medical Grade) รวมกับระดับใช้งานด้านการแพทย์ด้านศัลยกรรม (Surgical Grade) ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ หน้ากากที่ระบุว่าเป็นกลุ่มอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ ชนิดกรองอนุภาค ที่ระบุมาตรฐาน N95 หรือ KN95 ตาม มอก. 2480 - 2562
 
จากผลการทดสอบหน้ากากอนามัย ชนิดใช้ครั้งเดียว แบ่งประเภทตามมาตรฐาน มอก. 2424 - 2562 
กลุ่มที่ 1 พบว่า  ระดับใช้งานทั่วไป กำหนดให้หน้ากากอนามัย มีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ค่าผลต่างความดัน ไม่เกิน 4.0 mm H2O/cm2 พบว่า มี 3 ยี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว คือ ยี่ห้อ LOC, Medicare Plus และ Iris Ohyama ซึ่งยี่ห้อ Iris Ohyama เป็นยี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดแต่ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา เนื่องจากมีการโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค (PFE 99%) แต่ผลทดสอบที่ออกมาของยี่ห้อดังกล่าวนั้นมีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค 0.1 ไมครอน เพียงร้อยละ 97.47  
ส่วนยี่ห้อที่ไม่ผ่านเกณฑ์สำหรับหน้ากากอนามัยระดับใช้งานทั่วไป มีจำนวน 11 ยี่ห้อ ได้แก่ 1) Zion, 2) Lepono, 3) Bestsafe, 4) I-Tec, 5) 3M, 6) Asproni, 7) Fidens (กล่องชมพูขาว), 8) Life Mask, 9) Microtex, 10) Lanzhi และ 11) Yamada
ระดับใช้งานด้านการแพทย์ทั่วไป (Medical Grade) และ ระดับใช้งานด้านการแพทย์ด้านศัลยกรรม (Surgical Grade) กำหนดให้หน้ากากอนามัยมีประสิทธิภาพการกรองอนุภาค ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 98 ค่าผลต่างความดันไม่เกิน 5.0 mm H2O/cm2 พบว่า มียี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์จำนวน 3 ยี่ห้อ ได้แก่ ยี่ห้อ Nam Ah, Double A Care และ TCH
ส่วนยี่ห้อที่ไม่ผ่านเกณฑ์สำหรับหน้ากากอนามัยระดับใช้งานด้านการแพทย์ด้านศัลยกรรม มีจำนวน 24 ยี่ห้อ ได้แก่ 1)Next Health, 2) Union Beef, 3) Fidens (กล่องชมพูเข้ม), 4) Live SEF, 5) Welcare, 6) Nice Mask, 7) Topvalue Bestprice, 8) Medimask, 9) Betex, 10) Fresh Plus (กล่องสีฟ้า), 11) เคนโกะ, 12) G lucky, 13) Hyguard, 14) Hi-care, 15) Fresh Plus (กล่องสีเขียว), 16) Fresh Plus (กล่องสีน้ำเงิน), 17) KSG (ซองเขียวเข้ม), 18) KF (ซอง), 19) Miss Med, 20) Exta, 21) KF (กล่อง), 22) Watsons, 23) Nice Mask (กล่องสีเขียวอ่อน) และ 24) Betex

กลุ่มที่ 2 หน้ากากที่ระบุว่าเป็นกลุ่มอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ ชนิดกรองอนุภาค ที่ระบุมาตรฐาน N95 หรือ KN 95 ที่มีข้อกำหนดตามมาตรฐาน มอก. 2480 - 2562 กำหนดประสิทธิภาพการกรองอนุภาคไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ผลต่างความดันไม่เกิน 35 mmH2O พบว่า ยี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์มีจำนวน 7 ยี่ห้อ ได้แก่ ยี่ห้อ Minicare, ตรางู, One care, 3M, Welcare Black Edition, Ease mask zero และ Pharmatex
และมียี่ห้อที่ผ่านเกณฑ์แต่ไม่เป็นไปตามที่โฆษณา ได้แก่ ยี่ห้อ ไคเทคิ การ์ด รุ่นซาวายากะ, Ease Mask Zero (Alco), KSG (ซองเขียวอ่อน), Unicharm, Watsons และ Link care
ส่วนยี่ห้อที่ไม่ผ่านเกณฑ์สำหรับหน้ากากที่อยู่ในกลุ่มอุปกรณ์ปกป้องทางเดินหายใจ มีจำนวน 6 ยี่ห้อ ได้แก่ 1) Cuwin Mask, 2) Cuwin Mask (True Shopping), 3) Mini care, 4) Pharmatex, 5) Nobel mask และ 6) ซีพีทีโคว่า

           สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวเสริมว่า ผลการทดสอบครั้งนี้จะช่วยทำให้ผู้บริโภคมีข้อมูลที่เพียงพอ และเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหน้ากากอนามัยได้อย่างถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ และ สอบ. ได้มีการจัดเวทีกับหน่วยงานและส่งต่อข้อมูลผลการทดสอบรายงานต่อหน่วยงานของรัฐเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมกำกับการผลิตหรือการนำเข้าหน้ากากอนามัยให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค  

สำหรับ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Medical mask หรือ Surgical mask) และหน้ากากอนามัยชนิด N95 หรือสูงกว่า ที่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไป มีมาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดนั้น ผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงจะต้องมาขออนุญาตกับ อย. ในส่วนของสถานที่ผลิตและนำเข้าก่อนที่จะผลิตหรือจัดจำหน่าย และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2563 ระบุว่า หากเป็นหน้ากากอนามัยที่ผลิตหลังวันที่ 31 ตุลาคม2564 จะต้องระบุเลขที่ใบอนุญาต เลขที่ใบรับแจ้ง รายการละเอียด หรือเลขที่ใบรับจดแจ้ง และหน้ากากอนามัยที่นำเข้ามาในประเทศไทยจะต้องแสดงฉลากบนหน้ากากอนามัยด้วย  
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลเช่นกันคือ หน้ากากอนามัยชนิดใช้ทั่วไปที่ประชาชนจำนวนมากใช้ มีการกำกับด้านราคาเพียงอย่างเดียวขณะที่มาตรฐานเป็นเพียงความสมัครใจ อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลของหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด พบว่า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องหมาย มอก. ระบุอยู่ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม อย. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะต้องรีบเร่งหามาตรการการควบคุมคุณภาพหน้ากากอนามัย ให้เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภค ทั้งนี้ การดำเนินการเหล่านี้ เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ สอบ. ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนผู้บริโภค มีอำนาจคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในทุกด้าน รวมทั้งเสนอแนะนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคต่อคณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง  

ข้อเสนอแนะที่เป็นมาตรการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ สอบ. จัดทำเพื่อเสนอต่อหน่วยงานของรัฐ มีดังนี้
1. ให้สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กำหนดให้ หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวเป็นมาตรฐานบังคับ และมีบทกำหนดโทษในกรณีที่ ผู้ประกอบการทำการฝ่าฝืน ละเมิดสิทธิผู้บริโภค
2. ให้ อย. ดำเนินการเชิงรุกในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า ให้ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
3. ให้หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ในการจัดหาหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สำหรับใช้ในโรงพยาบาลของรัฐ กำหนดมาตรฐานตาม มอก. 2424 - 2562 เป็นเงื่อนไขในการกำหนดคุณสมบัติของสินค้าในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ผลิตหรือนำเข้าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์แบบใช้ครั้งเดียว
4. ให้เจ้าของแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ มีมาตรการสนับสนุนการเสนอขายหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียว เฉพาะที่ได้รับเครื่องหมาย มอก. เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค เนื่องจากหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่มีผลกระทบกับสุขภาพและสวัสดิภาพของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ  
5. ให้ สคบ. ควบคุมฉลากบรรจุภัณฑ์ หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียว ให้เป็นไปตามเกณฑ์ ข้อกำหนด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ถูกต้องตามการแบ่งประเภทของชั้นคุณภาพ ซึ่งมีอยู่ 3 ระดับคุณภาพ

ฮอนด้า จัดเต็มส่งท้ายปี งาน Motor Expo 2021 มอบแคมเปญพิเศษ Honda Special Thanks เพื่อลูกค้าที่งานและโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

 


กรุงเทพฯ – 30 พฤศจิกายน 2564) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ยกทัพไลน์อัป e:HEV นำโดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ และยนตรกรรมที่มาพร้อมขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ในหลายเซกเมนต์ ทั้งในกลุ่มซิตี้คาร์ ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี และ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี และกลุ่มแฟมิลี่คาร์ ได้แก่ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี พร้อมตอกย้ำดีเอ็นเอความสปอร์ตกับขุมพลังเทอร์โบ นำโดย ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอนที่มาพร้อมขุมพลังเทอร์โบใหม่ และ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย และอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ในสไตล์สปอร์ตด้วย ฮอนด้า แจ๊ซ สีพิเศษ สีเทาโซนิค พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยยนตรกรรมฮอนด้า รวม 12 รุ่น จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 ณ บูทฮอนด้า (A14) อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 2-12 ธันวาคม 2564 มอบแคมเปญพิเศษส่งท้ายปีกับ Honda Special Thanks รับฟรี กระเป๋าฆ่าเชื้อ UVC LED อเนกประสงค์ มูลค่า 3,850 บาท  เมื่อจองรถยนต์รุ่นที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 13 ธันวาคม 2564 และรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 ธันวาคม 2564 พร้อมให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายขึ้น ด้วยดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% และรับข้อเสนอเดียวกันนี้ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ



นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ขอขอบคุณการสนับสนุนจากลูกค้าและสื่อมวลชนในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ฮอนด้าสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ด้วยยอดขายสะสมรวม 68,512 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 27.4% และมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปีนี้ต่อเนื่องอีกปี”
 
“ภายในบูทฮอนด้า ทุกท่านจะได้สัมผัสกับยนตรกรรมไฮไลต์หลากหลายรุ่นที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดและเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING นำโดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมเอสยูวีสมบูรณ์แบบที่มาพร้อมขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด เสริมทัพด้วยยนตรกรรมฟูลไฮบริด อี:เอชอีวี รุ่นที่ได้รับความนิยมทั้ง ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี  ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี  และฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี พร้อมทั้งยนตรกรรมในกลุ่มเทอร์โบรุ่นยอดนิยม ทั้ง ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ไอคอนของยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่มาพร้อมกับขุมพลัง VTEC TURBO ใหม่ และ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย รวมทั้ง ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก และฮอนด้า แอคคอร์ด เทอร์โบ นอกจากนี้ยังมี ฮอนด้า แจ๊ซ สีพิเศษ สีเทาโซนิค ที่ตอกย้ำการเป็นยนตรกรรมแฮทช์แบ็ก 5 ประตูยอดนิยมที่ครองใจลูกค้าชาวไทยมาอย่างยาวนาน” นายโนริยุกิ กล่าวเสริม


ยนตรกรรมไฮไลต์ในงาน ได้แก่

  • ไลน์อัปยนตรกรรมไฮบริด นำโดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวีที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมโดดเด่นในทุกมุมมอง ยกระดับความสปอร์ตอีกขั้นกับรุ่น RS ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย มาพร้อมดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน พร้อมมอบพลังที่สมบูรณ์แบบของวันนี้เพื่อขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้าในทุกเส้นทาง ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25.6 กม./ลิตร มาพร้อมสวิตช์ที่เลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 3 โหมด ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งานกับเบาะนั่งด้านหลังแบบอเนกประสงค์ที่ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อีกทั้งเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อันล้ำสมัย มั่นใจในทุกเส้นทางด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* ซึ่งจะจัดแสดงที่งาน และพร้อมให้สัมผัสได้ที่โชว์รูมฮอนด้า ตั้งแต่ 2 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.59%* ฟรีประกันภัย 1 ปี พร้อมรับฟรีหน้ากากฟอกอากาศ LG PuriCare Gen 2 สีขาว พร้อมสายรัดหน้ากากฟอกอากาศ มูลค่า 7,080 บาท สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 – 31 ธันวาคม 2564
     
  • พร้อมด้วยยนตรกรรมไฮบริด ในกลุ่มแฟมิลี่คาร์ ได้แก่ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี และในกลุ่มซิตี้คาร์ ได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี และ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี
     
  • ฮอนด้า แจ๊ซ สีพิเศษ สีเทาโซนิค จำนวนจำกัดเพียง 1,500 คัน อีกหนึ่งทางเลือกในสไตล์สปอร์ต ตอกย้ำการเป็นยนตรกรรมแฮทช์แบ็ก 5 ประตูยอดนิยมที่ครองใจลูกค้าชาวไทยมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี มาพร้อมดีไซน์ภายนอกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวทันสมัย ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย รองรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตราซีท ที่สามารถพับและปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 4 โหมดการใช้งาน พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ สปอร์ตยิ่งขึ้นกับรุ่น RS ที่มาพร้อมเอกลักษณ์การออกแบบรอบคัน ขับขี่สนุกเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมียม โดยลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 0.99%* พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care)*เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 - 31 ธันวาคม 2564
     
  • ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง เสริมความโฉบเฉี่ยวเร้าใจด้วยรุ่น RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย นอกจากนี้ ในทุกรุ่นย่อย ให้ความแรงทรงพลังเร้าใจเกินใคร ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 17.2 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System (LCDN) สะดวกสบายแบบเหนือกว่ากับครั้งแรกของระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย โดยลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.59%* พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 ธันวาคม 2564
นอกจากนี้ ภายในบูทยังได้จัดแสดงยนตรกรรมฮอนด้าอีก 6 รุ่น ได้แก่ ซิตี้ เทอร์โบ  ซิตี้ แฮทช์แบ็ก  ซีวิค แฮทช์แบ็ก  แอคคอร์ด  บีอาร์-วี  และซีอาร์-วี พร้อมมอบแคมเปญ “Honda Special Thanks”  รับฟรี กระเป๋าฆ่าเชื้อ UVC LED อเนกประสงค์ มูลค่า 3,850 บาท เมื่อจองรถยนต์รุ่นที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 13 ธันวาคม 2564 และรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 ธันวาคม 2564 และข้อเสนอสุดพิเศษที่แตกต่างกันสำหรับยนตรกรรมแต่ละรุ่น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายยิ่งขึ้
 
ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทรถยนต์ฮอนด้า (A14) พร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 2 – 12 ธันวาคม 2564 หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมหรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th  ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถทดลองขับได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
 
หมายเหตุ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

เบสท์ เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท น้อมรับความสำเร็จส่งท้ายปี สร้างยอดท่องเที่ยวทะลุเป้าผ่านงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 60

 


กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564: ผ่านไปอย่างแล้วคึกคักกับมหกรรมการท่องเที่ยวครั้งใหญ่แห่งปีในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 60 เบสท์ เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท นำโดย มร. เออร์วานน์ มาเช (ตรงกลาง) ผู้บริหารสูงสุดประจำภูมิภาคเอเชีย ร่วมกับ มร. เดวิด เอียน จามีสัน (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา และคณะผู้บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเบสท์ เวสเทิร์นในประเทศไทย ร่วมฉลองความสำเร็จยอดการจำหน่ายที่พักในงานไทยเที่ยวไทยครั้งล่าสุด ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา (BITEC Bangna) ซึ่ง เบสท์ เวสเทิร์น ได้รับผลตอบรับจากผู้ร่วมงานอย่างเกินคาดพร้อมตัวเลขยอดการจำหน่ายที่เติบโตเกินความคาดหมาย

ภายในงาน เบสท์ เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท นำเสนอแคมเปญและข้อเสนอการท่องเที่ยวพิเศษ “เที่ยวทั่วไทย ราคาสุดปัง” ด้วยราคาห้องพักที่ดีที่สุดแห่งปี 3 ตัวเลือก 777 บาทสุทธิ 1,111 บาทสุทธิ และ 2,222 บาทสุทธิต่อคืนเท่านั้นในหลากจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศไทย ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและมีการตอบรับที่ดีจากฝั่งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กำลังมองหาตัวเลือกที่พักสำหรับการพักผ่อนส่งท้ายปลายปีในเดือนธันวาคมนี้ โดยเฉพาะในจุดหมายพักผ่อนตากอากาศอย่างเมืองพัทยาและเมืองภูเก็ตที่ เบสท์ เวสเทิร์น มีตัวเลือกโรงแรมและรีสอร์ทในหลายระดับราคาที่พร้อมตอบโจทย์การเข้าพักตามความต้องการที่แตกต่างกันของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มอย่างลงตัว

ทั้งนี้ มร. เออร์วานน์ มาเช กล่าวว่า “บรรยากาศและการตอบรับของผู้ร่วมงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 60 ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมากของภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยเฉพาะในจุดหมายที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานจากกรุงเทพมหานครอย่างพัทยา ซึ่งมี เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เปิดให้บริการล่าสุดในเครือเบสท์ เวสเทิร์น ที่นักท่องเที่ยวในงานให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยตำแหน่งที่ตั้งบนหาดนาจอมเทียนที่เงียบสงบ แต่ยังมีความสะดวกสบายเพราะยังคงใกล้ตัวเมืองพัทยาที่คึกคัก รวมทั้งยังเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ (Best Western Premier®) แห่งล่าสุดในประเทศไทยที่เปิดให้บริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์พักผ่อนระดับพรีเมียร์ที่เหนือกว่า เพื่อตอบรับการขยายตัวของกลุ่มตลาดท่องเที่ยวแบบหรูหราที่ยังคงมีศักยภาพสูงในด้านการใช้จ่ายในประเทศอีกด้วย”

นอกจากนี้ เบสท์ เวสเทิร์น โฮเทลแอนด์รีสอร์ท ยังขอเน้นย้ำความมั่นใจในทุกการเข้าพักและมอบความอุ่นใจเต็มที่ต่อแขกทุกท่านด้วย วี แคร์ คลีน (We Care Clean) มาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัยระดับสากล ที่ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนปฏิบัติด้านคุณภาพความปลอดภัย สุขภาพและสุขอนามัยในทุกโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเบสท์ เวสเทิร์น เพื่อต้อนรับแขกทุกท่านให้สามารถเข้าพักได้อย่างปลอดภัยเต็มที่ และยังคงการบริการเหนือระดับและอบอุ่น อันเป็นเอกลักษณ์ของเบสท์ เวสเทิร์น ท่าน

รับชมรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ www.BestWesternAsia.com

Airbnb เผยเทรนด์ท่องเที่ยว “นักเดินทางมีความใส่ใจมากขึ้น” มาแรง คนไทยให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนและร่วมฟื้นฟูการท่องเที่ยว

 


Airbnb เผยเทรนด์ท่องเที่ยว “นักเดินทางมีความใส่ใจมากขึ้น” มาแรง
คนไทยให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนและร่วมฟื้นฟูการท่องเที่ยว

·      ผลการวิจัยและบทวิเคราะห์โดย Economist Impact พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการเดินทางในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม พร้อมต้องการสัมผัสประสบการณ์ เรียนรู้ และ
ซึมซับความเป็นอยู่ของชุมชนที่ไปเยือน

·      การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กำลังเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่จุดหมายปลายทางในชนบท

 

งานวิจัยและบทวิเคราะห์ใหม่ล่าสุดโดย Economist Impact ที่จัดทำขึ้นให้กับ Airbnb ได้สำรวจ 4,500 คนใน ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย พบว่า คนไทยมากกว่า 90% ที่ตอบแบบสำรวจ ระบุว่า การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเกือบ ใน ของทั้งหมดบอกว่า พวกเขาจะคำนึงถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในแผนท่องเที่ยว และยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

 

มิช โกห์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb เปิดเผยว่า การเดินทางที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปิดรับกับความยืดหยุ่น มองหาการใช้ชีวิตและการเดินทางแบบใหม่ๆ และทำให้เกิดเป็นแนวทางของนักเดินทางที่มีความใส่ใจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

 

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องของการเชื่อมต่อและเรื่องเศรษฐกิจ ผู้คนจึงได้เริ่มคิดและไตร่ตรองมากขึ้นถึงวิธีการเดินทางในการสร้างประโยชน์เชิงบวกให้กับชุมชนที่พวกเขาไปเยือน นักเดินทางเหล่านี้จะคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งเสริมเศรษฐกิจเมืองและชุมชนได้อย่างไร นอกจากนั้น ยังต้องการซึมซับกับขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตต่างๆ ในชุมชนเหล่านั้นและเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีในขณะเดียวกันก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบด้านลบที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นอีกด้วย”

 

การเดินทางในรูปแบบของ “นักเดินทางมีความใส่ใจมากขึ้น” หรือ ที่เรียกว่า “conscious traveller” มีอัตราเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่มากขึ้นสำหรับชุมชน ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้นเติบโตจากการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการต้อนรับรูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมและก่อให้เกิดความเชื่อมโยงอย่างแท้จริง

 

การศึกษานี้ได้ตรวจสอบทัศนคติต่อการเดินทางแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยในประเทศไทยนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า การสร้างผลลัพธ์และรายได้ที่เท่าเทียมกันให้กับคนในท้องถิ่น และการได้รับประสบการณ์ทางสังคมใหม่ๆ และความสัมพันธ์ใหม่ๆ ที่มีความหมาย เป็นสองเหตุผลสำคัญที่สุดของการเดินทางอย่างยั่งยืน

 

งานวิจัยของ Economist Impact ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

  • 72% ของคนไทยที่ตอบแบบสำรวจ เห็นว่าสิ่งสำคัญในการเดินทางของพวกเขาคือ ต้องมีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจฯ ได้นิยามการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับคนในท้องถิ่น คือ การเรียนรู้ ซึมซับความเป็นชุมชนของท้องถิ่นนั้นๆ และตระหนักในการใช้จ่ายเงินโดยคำนึงว่าการใช้จ่ายนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นด้วยหรือไม่
  • เกือบ 70ตระหนักดีว่าชุมชนต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และจะคำนึงถึงปัจจัยนี้ในการเดินทางและการใช้จ่ายเงิน
  • 72% ระบุว่าพวกเขามีความตระหนักมากขึ้นเมื่อต้องทำความคุ้นเคยกับสิ่งสำคัญที่มีต่อชุมชนที่ไปเยือน และวิธีที่สามารถมีส่วนร่วมต่อชุมชนนั้นๆ ได้
  • 68 % ให้ความสำคัญกับการใช้การเดินทางเพื่อเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมกับชุมชนต่างๆ
  • มากกว่า ใน ระบุว่า สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ พวกเขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหาต่างๆ เช่น การทำให้เกิดภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง

 

นอกจากนี้ยังพบข้อมูลที่สะท้อนว่า การเดินทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พื้นที่ชนบท เนื่องจากปัจจุบันนักเดินทางเปิดกว้าง พร้อมยอมรับวิธีเดินทางและการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่กันมากขึ้น

  • กว่า 70 % ของชาวไทยที่ตอบแบบสำรวจ วางแผนที่จะเดินทางบ่อยขึ้นเพื่อเปิดประสบการณ์และท่องเที่ยวในเขตชนบทที่ปัจจุบันไม่ได้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
  • 60วางแผนที่จะใช้ชีวิตแบบ workcation หรือทำงานทางไกล ด้วยการเลือกที่จะไปเยือนจุดหมายปลายทางใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น
  • เกือบ ใน วางแผน และจัดสรรงบค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศของตนมากขึ้น

 

ประติมา ซิงก์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายนโยบายและข้อมูลเชิงลึก Economist Impact กล่าวว่า หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักเดินทางท่องเที่ยวต่างคำนึงถึงความหมายด้านทางเลือกและการตัดสินใจที่จะเดินทางของตนมากขึ้น จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ผู้คนตัดสินใจเลือกการเดินทางอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม และหวังว่าจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกมากขึ้น ด้วยการทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนที่ไปเยือน

 

“Airbnb มุ่งมั่นในการทำงานและให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางปฏิวัติการเดินทางสร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนให้แก่ทุกคน ดังนั้น การที่ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐได้ร่วมมือกันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในครั้งนี้ มิช โกห์ กล่าวสรุป

เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดวิวัฒนาการบริการหลังการขายและการรักษาความปลอดภัยครั้งใหญ่ โมเดิร์นมากขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น

 


เดลล์ เทคโนโลยีส์ เปิดวิวัฒนาการบริการหลังการขายและการรักษาความปลอดภัยครั้งใหญ่ โมเดิร์นมากขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น

มอบการบริการ และการอัปเดตด้านซีเคียวริตี้ที่ให้การซัพพอร์ตด้านไอทีได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า (customized) และประสบการณ์การใช้งานพีซีที่ปลอดภัย เพื่อตอบโจทย์การทำงานได้จากทุกที่ (work-from-anywhere) ของพนักงาน

 

·      บริการ ProSupport Suite for PCs ช่วยเสริมประสิทธิภาพของการมองเห็น (visibility) ทางด้านไอทีที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงการแก้ไขจากในระยะไกล การให้คำแนะนำเพื่อปฏิบัติตาม และความสามารถต่างๆ ทั้งในด้านการปรับใช้และการจัดการอัปเดตแค็ตตาล็อกที่กำหนดได้เอง (custom update) ได้โดยอัตโนมัติเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมไอที

·      การให้บริการด้านการซัพพอร์ต ด้วยเครื่องมือต่างๆ ตลอดจนถึงคลาวด์ พอร์ทัล ที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมให้บริการแล้วสำหรับพันธมิตรช่องทางจำหน่าย (channel partners) ทั่วโลกผ่านทาง ProSupport Suite for PCS

·      บริการการรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ปลายทาง (endpoint security) ใหม่ ที่ช่วยป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคาม พร้อมให้การใช้งานพีซีเชิงพาณิชย์อย่างปลอดภัย

 

ในโลกของการ “ทำทุกสิ่งได้จากในทุกที่” อย่างทุกวันนี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พีซี ทำหน้าที่มากกว่าการเป็นแค่เพียง เครื่องมือ’ แต่กลับกลายเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญสำหรับทั้งการทำงานและการสื่อสารสำหรับทุกคน พนักงานภายในองค์กรต่างพึ่งพาพีซีในฐานะที่เป็น ประตู หรือ เกตเวย์ ในการทำคอลลาบอเรชั่นและการเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ซึ่งการเกิดการหยุดชะงักหรือ downtime ใดๆ ก็ตามจะก่อให้เกิดผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ในการดำเนินธุรกิจ

บริการหลังการขายและโซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัยใหม่ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการมอบประสบการณ์การใช้งานพีซีที่ทันสมัย ชาญฉลาด และปลอดภัยที่ผู้นำทางไอทีมอบให้กับพนักงานในองค์กร โดยเพิ่มความสามารถด้านต่างๆ ที่มากขึ้นใน ProSupport Suite for PCs ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และด้วยรูปแบบการทำงานแบบ always-on เพื่อให้การให้การซัพพอร์ตด้านไอทีสามารถทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสามารถกำหนดได้ตามความต้องการ (customizable) ด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยที่อุปกรณ์ปลายทาง (endpoint) ใหม่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาความปลอดภัยของพีซีในองค์กรธุรกิจ (commercial PCs) ที่ปลอดภัยที่สุดของอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถในการรับรองความปลอดภัย (security verification) ใหม่ และเพิ่มเติมการป้องกันต่างๆ เข้ามาภายใต้ระบบปฏิบัติการ

 หากพีซีของคุณไม่มีประสิทธิภาพ พนักงานภายในองค์กรก็จะขาดซึ่งประสิทธิภาพเช่นกัน” แพทริค มัวร์เฮด ผู้ก่อตั้งและหัวหน้านักวิเคราะห์ของ Moor Insights & Strategy กล่าว “การให้บริการการซัพพอร์ตตลอดจนการรักษาความปลอดภัยต้องพัฒนาไปพร้อมกับประสบการณ์ของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปและต้องนำหน้าภัยคุกคามที่มีอยู่ในทุกที่เสมอ เราเชื่อว่าเดลล์ เทคโนโลยีส์ กำลังตอบรับต่อความต้องการรูปแบบนี้ด้วยบริการที่มีความพิเศษที่ออกแบบมาด้วยการคำนึงถึงความต้องการในอนาคตโดยเฉพาะ”

บริการ ProSupport Suite for PCs เพิ่มประสิทธิภาพและ uptime สูงสุด ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ปรับเปลี่ยนและปรับแต่งสำหรับการซัพพอร์ตด้านไอที

จากผลการสำรวจล่าสุดของฟอร์เรสเตอร์ คอนซัลติ้ง 70 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่ตอบแบบสอบถามว่า มีการวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนด้านการให้คนทำงานสามารถทำงานจากระยะไกล (remote workforce) ภายในปีหน้า ด้วยบริการ ProSupport Suite for PCs ผู้จัดการฝ่ายไอทีจะสามารถปรับรูปแบบ (customize) ให้เหมาะกับองค์กร เพื่อซัพพอร์ตพนักงาน โดยใช้ความสามารถของเครื่อง PCs ได้สูงสุดด้วยระบบอัตโนมัติ โดยฟีเจอร์ใหม่รวมถึง

·      ทูลส์ในการจัดการระบบไอทีที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ: บริการ ProSupport Suite for PC คือบริการซัพพอร์ตแรกที่ให้ความสามารถในการใช้งาน (deployment) และการจัดการการอัปเดตแค็ตตาล็อกที่ปรับตามความต้องการโดยอัตโนมัติแก่ผู้จัดการด้านไอที ปัจจุบัน สามารถในการอัปเดต Dell BIOS ไดรเวอร์ เฟิร์มแวร์ ตลอดจนแอปพลิเคชันได้โดยอัตโนมัติจากระยะไกล อีกทั้งสามารถกำหนดกลุ่มและการจัดการการอัปเดตต่างๆ ได้ตามต้องการ

·      ข้อมูลที่ปรับแต่งและดำเนินการได้สำหรับกองทัพพีซีจากจุดเดียว: นี่คือครั้งแรกที่ผู้จัดการด้านไอทีสามารถมองเห็นสภาวะ ประสบการณ์การใช้งาน และคะแนนด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับกองทัพเดลล์ พีซีที่มีอยู่ทั้งหมดได้ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว ทีมไอทีสามารถใช้คะแนนเหล่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อค้นหาแนวโน้มประสิทธิภาพและดำเนินการทันทีเมื่อจำเป็น จากระยะไกล โดยใช้ประโยชน์จากคำแนะนำที่ปรับแต่งและเมตริกการใช้งานที่จัดทำโดยซอฟต์แวร์สนับสนุนบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเดลล์ เทคโนโลยีส์

·      เวิร์กโฟลว์จากระยะไกลที่ปรับได้ตามความต้องการ: การใช้ rules engine ที่สามารถปรับได้ตามต้องการในการกำหนดและ orchestrate การแก้ไขเวิร์กโฟลว์ที่ปรับสเกลได้จากระยะไกล ช่วยให้ผู้จัดการด้านไอทีสามารถกำหนด ล่วงหน้าได้ว่าใครบ้างที่จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ จัดการเวิร์กโฟลว์การแก้ไขจากระยะไกลตามขนาด ผู้จัดการฝ่ายไอทียังสามารถกำหนดล่วงหน้าได้ว่าใครจะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติและด้วยวิธีใดในการจัดการ

·      ฟีเจอร์ของ ProSupport Suite for PCs พร้อมให้บริการกับพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมทูลส์และพอร์ทัลภายในตัวของ ProSupport Suite for PCs  ทั้งนี้ พันธมิตรสามารถมองเห็นและเข้าไปจัดการประสบการณ์การซัพพอร์ตให้กับองค์กรต่างๆ โดยใช้ SupportAssist ใน TechDirect พร้อมทั้งตัวเลือกในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากความเชี่ยวชาญของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ในการจัดการความท้าทายของลูกค้าเป็นรายกรณีหรือในวงกว้างได้โดยลุล่วง

“บทบาทของระบบไอทีคือสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่เป้าหมายยังคงเหมือนเดิมในการที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล พร้อมทั้งทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การดำเนินการที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยจำนวนดาต้าและโอกาสต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นในจุดของการใช้งานที่ปลายทาง (Edge)” ดั๊ก ชมิทท์ ประธานด้านการบริการ เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “แนวทางในการให้บริการด้านไอทีของเราสร้างบนพื้นฐานการขับเคลื่อนด้วย AI ที่ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ในแบบที่เป็น always-on ด้วยการนำพาความเป็นจริงในปัจจุบัน พร้อมทั้งความต้องการในอนาคตของลูกค้ามาสู่การพิจารณา ซึ่งที่สุดแล้ว ความสามารถใหม่ๆ คือการช่วยให้ผู้นำด้านไอทีสามารถมองไกลไปข้างหน้า และยืนหยัดอยู่ในแถวหน้า ในขณะที่ช่วยให้พนักงานทั่วทั้งโลกสามารถที่จะทำงานร่วมกันและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก”

เพิ่มเป็นสองเท่าด้วยนวัตกรรมสำหรับสายผลิตภัณฑ์พีซีในเชิงธุรกิจที่ปลอดภัยที่สุดและชาญฉลาดที่สุดในอุตสาหกรรมที่มาพร้อมกับ AI ภายในตัว

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาสู่รูปแบบการทำงานจากระยะไกล การเพิ่มขึ้นของการใช้งานคลาวด์แอปพลิเคชัน ตลอดจนรูปแบบใหม่ๆ ในการสนองตอบต่อความต้องการของพนักงานเพื่อการสร้างประสิทธิผล ได้สร้างภัยคุกคามแบบใหม่ขึ้นที่ปลายทาง (endpoint) ทุกธุรกิจคือเป้าหมายโดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานที่ (location) ประเภทของอุตสาหกรรม หรือขนาดของธุรกิจ เนื่องจากภัยคุกคามมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และบางครั้งยังท้าทายการตรวจจับ โดยข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า 44 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรประสบปัญหาการโจมตีระดับฮาร์ดแวร์หรือ BIOS อย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยปลายทางมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องนำพื้นที่หรือช่องทางในการโจมตีทั้งหมดมาพิจารณา ซึ่งรวมถึงฮาร์ดแวร์และเฟิร์มแวร์ของซัพพลายเชนอีกด้วย

สายผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัย Dell Trusted Devices ช่วยปกป้องเดลล์พีซีที่ใช้งานในเชิงธุรกิจเริ่มจากห่วงโซ่อุปทานและตลอดจนวงจรชีวิตของดีไวซ์ ชุดโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมทั้งส่วนที่อยู่ด้านบนและด้านล่างของระบบปฏิบัติการ (OS) ใช้ประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลอัจฉริยะและช่วยให้ธุรกิจสามารถป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามด้วยเวลาเฉลี่ยในการตรวจจับ (MTTD) และเวลาเฉลี่ยในการแก้ไขปัญหา (MTTR) ที่ดีขึ้น

เดลล์ เทคโนโลยีส์ สร้างความสามารถใหม่ด้านการรักษาความปลอดภัยต่อยอดบนสถานภาพการเป็นผู้นำ ซึ่งความสามารถใหม่รวมถึง

·      Advanced Secure Component Verification for PCs ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบเดลล์ พีซีเพื่อการใช้งานเชิงธุรกิจที่สั่งมาได้ ว่ามีส่วนประกอบหลักตามคำสั่งซื้ออย่างไร ทั้งนี้ เดลล์ เทคโนโลยีส์ คือผู้ผลิตพีซีเชิงพาณิชย์รายแรกในอุตสาหกรรมที่ประสานความสามารถนี้มาให้ในเครื่อง และขยายครอบคลุมไปยังซัพพลายเชนด้านการรักษาความปลอดภัยและการควบคุมบูรณภาพของระบบ

·      Intel Management Engine (ME) Verification ทำการตรวจสอบระบบเฟิร์มแวร์ที่สำคัญพร้อมตรวจหาการปลอมแปลง การทำงานเบื้องต้นของ Intel ME Verification มีเป้าหมายในทำให้กระบวนการที่สำคัญเป็นระบบที่มีความปลอดภัยและเพิ่มเติมจำนวนเลเยอร์ด้านความปลอดภัยที่อยู่ใต้ระบบปฏิบัติการ

·       การบูรณาการข้อมูลความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้และการจัดการเหตุการณ์ (SIEM) ของเดลล์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญด้านล่างของระบบปฏิบัติการได้อย่างเต็มที่ ผ่านแดชบอร์ด SIEM ที่เลือก ช่วยให้สามารถวิเคราะห์สถานะความปลอดภัยขององค์กรได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มมูลค่าจากการลงทุนด้านความปลอดภัยที่มีอยู่ได้

 

ความพร้อมในการออกสู่ตลาด

·      ความสามารถของ ProSupport Suite ใหม่สำหรับพีซีจะพร้อมให้ใช้งานสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมโดยตรงและผ่านช่องทางพันธมิตรทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว

·      Intel ME Verification และ Dell Trusted Device SIEM Integration พร้อมให้บริการแล้วในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิค และญี่ปุ่น บนคอมเมอร์เชียล พีซีของเดลล์

เกี่ยวกับเดลล์ เทคโนโลยีส์

เดลล์ เทคโนโลยีส์ (NYSE: DELL) ช่วยให้องค์กรธุรกิจและปัจเจกบุคคลสร้างอนาคตดิจิทัล พร้อมช่วยปฏิรูปทั้งรูปแบบการทำงาน การดำเนินชีวิต และการพักผ่อนอย่างสมบูรณ์ เดลล์ เทคโนโลยีส์ ให้การดูแลสนับสนุนลูกค้าด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการบริการที่กว้างที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับยุคแห่งข้อมูล (data era)

###

ที ลีสซิ่ง จับมือ ศรีประจันต์วัฒนยนต์ จัดอบรม "ขับขี่ปลอดภัย ร่วมใจลดมลพิษ" โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี

  บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด  ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้ อรถจักรยานยนต์  ในเครือ เอ็ม บี เค  เล็งเห็นความสำคัญของการขับขี่ รถบนท้องถนนอย่างปลอ...